9.เช้าวันใหม่
ทออรุณตื่นมาในช่วงเช้าตรู่ด้วยความรู้สึกสดชื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อคืนเธอนอนหลับลึกอย่างสงบและสนิทมากแบบที่ไม่ฝันอะไรเลย แตกต่างจากตอนที่อยู่กรุงเทพ
อาจเป็นเพราะตอนนี้ไม่มีใครคอยเข้าแทรกแซงร่างกายดูดกลืนพลังชีวิตแล้ว ถึงฉัตรจักรจะบอกว่าของแบบนี้ไม่สามารถขับออกหมดในครั้งเดียวได้ แต่ตอนนี้เธอรู้สึกเบาสบายและอารมณ์ดีมากจริงๆ
“โอ้ยอรุณ ทำไมบ้านแกมันหนาวอย่างนี้เนี่ย”
“ก็มันอยู่บนเขาจะไม่ให้หนาวได้ไง แล้วเนี่ยเมือคืนฝนคงตกหนักน่าดู กิ่งไม้หักเต็มเลย” หญิงสาวหันไปมองเพื่อนที่เดินหน้างอคอหักเป็นปลาทูตามมาอาบน้ำแปรงฟันอย่างขบขัน
ตั้งแต่ที่ห้องบัวบ่นเป็นหมีกินผึ้งมาตลอดทางบอกว่ากว่าจะได้นอนก็ดึกมากแล้ว แต่ที่ยอมไม่นอนต่อนั้นก็เพราะเธอเตือนสติว่าตอนนี้เราไม่ได้อยู่บ้านตัวเองแต่อยู่บ้านของฉัตรจักร
เพียงแค่ได้ยินชื่อบัวก็เด้งขึ้นมาจากพื้นอัตโนมัติ และเดินตามออกมาจากห้องมา (แบบไม่เต็มใจเท่าไหร่) ทันที ทออรุณไม่รู้ว่าเพราะอะไรเพื่อนถึงได้มีท่าทีแบบนั้น แต่เดาๆเอาว่าอาจเป็นเพราะชายหนุ่มพูดน้อยแถมทำหน้าดุตลอดเวลา
เมื่อคืนที่น้องโฉมและลูกศิษย์อีกสองคนมาส่งเธอทั้งสามคนก็พูดอยู่เหมือนกันว่าอย่าไปถือสา เพราะพี่ชายยิ่งโตก็ยิ่งนิ่ง ยิ่งสืบทอดอาคมและครูหมอยันต์จากพ่อมาก็ยิ่งดุ
แตกต่างจากตอนวัยรุ่นที่ยิ้มง่ายกว่านี้
“อากาศเย็นจนขนลุกอ่ะ เมื่อคืนไม่เห็นจะหนาวเบอร์นี้” บัวยังคงบ่นอุบ มือยกลูบแขนตัวสั่นงันงกเพราะอากาศยามเช้าที่นี่หนาวเย็นแถมชื้นมาก
ด้านทออรุณยินอย่างนั้นก็ได้แต่ยิ้มเดินนำอีกฝ่ายไปห้องน้ำที่น้องโฉมพาไปดูมาเมื่อคืน ห้องฝั่งนี้เป็นคนละฝั่งบ้านกันกับห้องของฉัตรจักร ประตูไม่ได้เปิดออกมาชนกันด้วยเพราะบ้านเขากว้าง นอกจากนั้นยังมีห้องน้ำแยกกัน
เพราะอย่างนั้นจึงไม่ต้องกลัวว่าจะต้องเจอหน้ากันบ่อย ก็ดีเหมือนกัน ตัวเธอไม่เท่าไหร่แต่ตัวเขานั่นดูจากอาการตั้งแต่เมื่อวานหากไม่จำเป็นก็คงไม่ได้อยากเจอเธอเท่าใดนัก ที่ให้อยู่ที่นี่ก็คงเพราะกลัวไปโดนผีฆ่าตายก็เท่านั้น
“อุ่นขึ้นอยู่นะ ตอนสิบโมงถึงบ่ายสามกว่าๆจะร้อนมากเลยแหละ เย็นลงก็ประมาณตอนสี่โมงพอตกดึกก็หนาวไปจนเช้าถึงสาย เป็นแบบนี้วนไป”
“คนที่นี่เขาป่วยกันไหมวะ อากาศสวิงขนาดนั้น”
“มันก็มีคนป่วยแหละ กลับมาบ้านทุกครั้งฉันก็ป่วยนะ แปลกใจอยู่เหมือนกันที่มารอบนี้แล้วไม่ป่วยตั้งแต่คืนแรก” มือสวยวางแปรงสีฟันกับยาสีฟันที่หยิบมาจากห้องที่กรุงเทพแบบรีบๆ
ตั้งใจว่าจะแค่ล้างหน้าแปรงฟันก่อนเพราะหากให้อาบเลยคงไม่ไหว หนาวขนาดนี้ขอซักแห้งไปก่อนดีกว่า อีกอย่างเธอก็ไม่ได้เตรียมอุปกรณ์อาบน้ำหรือ ครีมทาผิวอะไรมาเลยสักอย่าง คงต้องฝากพี่อนงค์ไปซื้อให้ก่อน หรือไม่ก็ยืมมอเตอร์ไซต์สักคันมาไว้ที่นี่
เวลาขาดเหลืออะไรจะได้ไปซื้อเองไม่ต้องรบกวนคนบ้านนี้ แค่นี้เธอก็รบกวนครอบครัวไวศรวณมากแล้ว ถึงมันจะมาจากฉัตรจักรไปบอกให้พี่อนงค์ตามเธอกลับมาก็เถอะ แต่บุญคุณที่อีกฝ่ายช่วยชีวิตเธอเองก็ยังไม่ลืม
ทออรุณมัวแต่คิดถึงเรื่องนั้น จึงไม่เห็นรอยยิ้มกรุ้มกริ่มบนใบหน้าของเพื่อนรัก ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าบัวบูชากำลังมองมาด้วยแววตาคล้ายกำลังวางแผนร้ายบางอย่าง
“เพราะแกหลับดีหรือเปล่า เนี่ยเมื่อคืนช่วงประมาณเที่ยงคืนทั้งลมทั้งฝนตกแรงมากแกยังไม่ตื่นเลย เช้านี้หน้าตาสดชื่นผ่องใสมากนะ ไม่ฝันร้ายแล้วใช่ป่ะ”
“ไม่เลย สงสัยเป็นเพราะขับมันออกจากตัวไปแล้วมั้ง”
“ฉันก็ว่างั้นแหละ ว่าไปพ่อหมอฉัตรเขาก็ดูเก่งนะ อายุดูไม่ได้ห่างจากพวกเราเท่าไหร่แต่ฝีมือคือชั้นครูแล้วอ่ะ น่าจะเก่งพอๆกับพ่อครูใหญ่เลยมั้งเนี่ย”
“ก็คงงั้นแหละ เขาเรียนเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่เด็กนี่นะ”
ว่าจบบทสนทนาของเราสองคนก็จบลงตรงนั้นเพราะทออรุณเริ่มแปรงฟัน ในใจพลางคิดถึงเรื่องในอดีต คิดไปก็รู้สึกว่าไม่แปลกใจที่อีกฝ่ายจะโตมาแล้วเก่งขนาดนี้ เพราะตั้งแต่เมื่อก่อนฉัตรจักรก็ฝักใฝ่ในเรื่องคุณไสยพวกนี้อยู่แล้ว
ทุกคนที่รู้จักต่างก็รู้กันทั้งนั้นว่าอีกฝ่ายจะเติบโตขึ้นมาสืบทอดตำแหน่งหมอไสยศาสตร์จากพ่อ ถึงขั้นมีรอยสักแรกตอนอายุเพียงสิบเจ็ดปีด้วยซ้ำ คนที่ใฝ่รู้เพราะความชอบทั้งยังมีครูดีอยู่ใกล้ตัวพร้อมถ่ายทอดวิชาให้ มันก็ไม่แปลกหรอก
สิ่งเดียวที่น่าแปลกใจสำหรับทออรุณที่รู้จักอีกฝ่ายและได้เห็นนิสัยหลายแง่มุม ก็คือการที่เขามุ่งสืบทอดแต่ฝั่งไสยขาวไม่เอาไสยดำมาจากพ่อเลยสักอย่างนั่นแหละ
ฉัตรจักรที่เคยได้สัมผัสไม่ใช่คนดีขนาดนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรทำให้ตัดสินใจทิ้งศาสตร์ฝั่งไสยดำไป ทั้งที่มันดูจะทำเงินเข้าสำนักไวศรวณได้มากกว่าไสยขาวเป็นไหนๆ
บ้านของฉัตรจักรนั้น เป็นบ้านทรงไทยที่ทำด้วยไม้สักทอง ภายนอกมีลักษณะคล้ายเรือนไทยโบราณอยู่มาก เพราะชั้นบนมีเรือนชานและศาลากลางบ้านให้ได้ใช้งานเอนกประสงค์
เพราะแบบนั้นสองเพื่อนรักจึงใช้เวลาล้างหน้าแปรงฟันอยู่ตรงนั้นประมาณยี่สิบนาที เมื่อเรียบร้อยแล้วก็พากันเดินออกมาที่นอกชานเพื่อสูดอากาศยามเช้า หลังจากที่ไปใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยมลพิษกันมานาน
บัวเองแม้เป็นเด็กต่างจังหวัดแต่อีกฝ่ายไม่เคยเห็นพื้นที่ธรรมชาติทางภาคใต้เลย คงดีไม่น้อยถ้าจะได้ออกมาสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ เพราะหมู่บ้านนี้แม้เริ่มเจริญพอตัวแล้วแต่ก็ไม่ได้มีมลพิษมากนัก
รอบๆบ้านของฉัตรจักรเองก็มีต้นไม้ใหญ่อยู่มากมาย ไหนจะสวนกาแฟและสวนผลไม้ที่อยู่รอบๆ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นแหล่งผลิตอ็อกซิเจนชั้นดี
“อ้าวพี่อรุณพี่บัวตื่นเช้าจัง” ทว่ายังสูดอากาศไปได้ไม่ถึงไหน จู่ๆโฉมสะคราณหรือน้องโฉมที่อยู่ในชุดเจ้าหน้าที่อนามัยก็เดินขึ้นมาบนบ้านพร้อมกับปิ่นโตเถาใหญ่สีขาวลายดอกไม้
เด็กสาวรุ่นน้องเดินยิ้มเข้ามาหาอย่างดีใจ แต่คนที่ดีใจกว่าเพื่อนน่าจะเป็นบัวที่ดูเหมือนจะสนิทกับน้องโฉมเร็วเร็วเสียเหลือเกิน
ทออรุณยิ้มให้น้องสาวของฉัตรจักรพลางมองเพื่อนสนิทเดินกระดี๊กระด๊าเข้าไปช่วยถือปิ่นโตด้วยสายตารู้ทัน
“จะไปทำงานเหรอจ้ะน้องโฉม” เพราะไม่ช่วยถือเปล่าแต่ยังถามเสียงหวาน เล่นเอาทออรุณถึงกับเผลอถอนหายใจ เพื่อนเธอมันไปตาหวานใส่น้องเขาจนแก้มแดงปลั่งไปหมดแล้ว รอพี่ชายเขาออกมาเห็นเถอะ ต้องมีคนได้โดนควายธนูกันบ้างล่ะ
