บท
ตั้งค่า

3.สายสิญจน์ที่หายไป

“ที่นอนเพลินก็คือฝันร้ายเหรอวะ”

“ใช่ ฝันซ้อนฝันด้วย กว่าจะตื่นได้ฉันกลัวแทบตาย”

ทออรุณพยักหน้าเนือยๆ มือลูบแขนของตัวเองเพราะพอพูดถึงเรื่องนี้ขนก็พลันลุกเกรียวขึ้นมา แม้จะรู้สึกดีขึ้นเพราะในห้องมีบัวบูชาอยู่ แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนได้กลับไปอยู่ในบรรยากาศน่ากลัวก่อนหน้านี้

ด้านหญิงสาวเจ้าของใบหน้าคมซ่อนหวานนั้นมองเพื่อนด้วยสายตาสงสารอย่างถึงที่สุด เพราะรู้ดีว่าช่วงสองสามเดือนมานี้อีกฝ่ายต้องเจอกับอะไรบ้าง

แม้ตัวเธอเองจะไม่ใช่คนที่มองเห็นอะไรพวกนี้ได้เป็นปกติแต่ก็อยู่ในวงการไสยศาสตร์มาตั้งแต่เกิด เพราะจากเป็นลูกหลานในตระกูลหมอธรรมในจังหวัดสุรินทร์ จึงเชื่อเรื่องนี้ได้ไม่ยาก

อีกอย่างทออรุณรักอาชีพนักข่าวจะตาย ถ้าไม่หนักจริงก็คงไม่เบนมาสายนิยายหรอก

“เอ๊ะ” ทว่าความคิดทั้งหมดก็ต้องพลันชะงักเมื่อเลื่อนสายตาลงมามองที่ข้อมือของเพื่อนแล้วพบว่ามันเปลือยเปล่า สายสิญจน์ที่เคยผูกไว้ไม่เหลือเลยสักเส้น

“สายสิญจน์บนข้อมือแกไปไหนหมดวะอรุณ”

“อ้าว ขาดไปตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย” หญิงสาวหน้าหมวยมีท่าทีตกใจ หันรีขวางหาสายสิญจน์ที่เพื่อนสนิทผูกให้บ้างพระให้มาบ้างราวสามสี่เส้นที่เคยอยู่บนข้อมือ แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ

“ฉันว่าแกไม่ได้แค่ฝันหรอก หายทีเดียวหมดทุกเส้นแบบนี้ เส้นที่หลวงพ่อให้มาไม่ใช่เส้นเล็กๆอย่างสายสิญจน์ของฉันเลยนะ ถ้าฝันธรรมดามันไม่หายหมดเกลี้ยงแบบนี้หรอก” บัวเอ่ยขึ้นเสียงเครียด

อันที่จริงเครียดมาตั้งแต่ที่เห็นว่าไอ้เต้าหู้มันหน้าซีดเป็นกระดาษแล้ว ยิ่งมาเห็นว่าของคุ้มตัวที่เคยใช้ได้มาเป็นมาหลายเดือนหายไปหมดไม่เหลือก็ยิ่งเป็นห่วง

เพราะสิ่งที่อรุณเจอมันชักจะแรงขึ้นทุกที ยิ่งใกล้วัยเบญจเพศก็ยิ่งแรงจนคนจิตแข็งแบบเธอเองยังสัมผัสได้

“ฉันก็ว่างั้นแหละ แต่ไม่เคยเจอหนักขนาดนี้เลยนะบัว”ด้านคนโดนนั้นอยากร้องไห้เมื่อได้ยินคำพูดของเพื่อน หลังอายุสิบแปดเธอคิดว่าเรื่องพวกนั้นมันจะหายไปจากชีวิตแล้ว แต่สุดท้ายก็กลับมาอีกและทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน

“แล้วที่ว่ามีเสียงผู้ชายปลุกให้ตื่นคือยังไง”

“อืมมมม ในฝันฉันว่าเสียงเขาคุ้นมากเลยนะ แต่พอตื่นจริงๆก็นึกไม่ออกว่ามันคือเสียงใคร ไม่รู้ว่าเคยได้ยินจากไหน”

“ปลุกยังไงจำได้ไหม”

“ไม่ค่อยได้เลยอ่ะ จำได้แค่เขาเรียกชื่อจริงฉันแล้วบอกว่าให้ตื่นเถอะ ส่วนผีผู้หญิงเรียกชื่ออื่นแต่ก็จำไม่ได้แล้วอ่ะว่าชื่ออะไร”

“ก็คือ…มีผีสองตัว?”

“อืมใช่ แต่มันก็เป็นชื่ออื่นที่ฉันคุ้นเหมือนกันนะ เหมือนเป็นชื่อตัวเองแต่ก็ไม่ใช่” คำพูดของอรุญให้บัวบูชาถึงกับมีสีหน้าคร่ำเครียดยิ่งกว่าเดิม ในใจนึกเป็นห่วงขึ้นมาเพราะต่อให้ไม่ได้มองเห็นแต่ลางสังหรณ์ของเธอมักแม่นเสมอ

ไม่ค่อยดีแล้วมั้งแบบนี้

“อรุณ…พรุ่งนี้ก็วันเกิดแกแล้ว กลับสุรินทร์กับฉันดีไหมไหนๆก็ไม่ได้ทำงานมีเจ้านายทั้งคู่แล้ว ก็นั่งเครื่องไปกันเลย ไปให้พ่อครูแกดูสักหน่อย จำพ่อครูใหญ่ที่ฉันเคยเล่าให้ฟังได้ไหม”

“ฉันก็อยากไปนะ แต่ไปเลยมันฉุกละหุกเกินน่ะสิ ตอนนี้อะไรๆมันยังไม่ลงตัว ฉันรู้สึกว่าอยากจะจัดการชีวิตให้เข้าที่ก่อนสักสองสามวัน” ทว่าพอเพื่อนเอ่ยปากจู่ๆอรุณก็รู้สึกหวั่นใจขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ

เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่รู้สึกเหมือนหัวใจหวิวๆอย่างไรชอบกลตอนที่บัวเอ่ยปากถึงพ่อครูใหญ่ จะว่ากลัวก็ไม่เชิงจะว่าไม่กลัวก็ไม่ใช่ รู้แค่ไม่อยากไป แค่ได้ยินชื่อครั้งเดียวก็มือสั่นไปหมด

“แกแน่ใจเหรอว่าไหว ที่เจอมามันก็หนักอยู่นะ” บัวไม่อยากใช้คำว่าแย่เพราะมีความเชื่อว่าอะไรมักเป็นไปตามปาก

“กะ…ก็ต้องลองดูก่อนแหละ ฉันรู้สึกว่าถ้าไม่จัดการตรงนี้ก่อนมันจะยุ่งเหยิงน่ะ อีกไม่กี่วันก็ต้องออกเล่มเรื่องใหม่แล้วด้วย แกเองก็ตกที่นั่งเดียวกันไม่ใช่เหรอ กลัวจะพาเสียงานกันไปหมดเปล่าๆ”

“ตามใจ งั้นเดี๋ยวกินเสร็จฉันกลับห้องไปเอาสายสิญจน์มาเรียกขวัญให้นะ คราวนี้ดูแลดีๆอย่าให้ขาดล่ะ หรือคืนนี้ให้มานอนด้วยดี”

“มาก็ดีนะบัว ยังกลัวๆอยู่เลยอ่ะ”

“ก็ได้ งั้นพรุ่งนี้ไปทำบุญกันไหม จะได้ขอสายสิญจน์จากหลวงพ่อมาด้วย”

“อืมก็ได้”

“งั้นก็มา…คืนนี้ฉันจะเป่ากระหม่อมให้ก่อน”

เมื่อเธอพยักหน้ารับร่างสูงโปร่งในชุดนอนผ้าลื่นขายาวปขนยาวก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้มายืนด้านหน้า มือสองข้างยกขึ้นลูบเส้นผมที่ฟอกมาจนเป็นสีบลอนด์ทองของเธอแผ่วเบา ขณะที่ปากขมุบขมิบบริกรรมคาถา ไม่นานก็เป่าที่กระหม่อมหนึ่งครั้งอย่างที่เคยทำ

น่าแปลกที่ความรู้สึกอันว้าวุ่นเมื่อครู่นั้นค่อยๆสงบลง

หลังจากนั้นคนเป่ายังไม่ทันจะได้เอ่ยปากพูดอะไรจู่ๆโทรศัพท์ของเจ้าตัวก็สั่นครืด เล่นเอาอรุณที่พักนี้ภูมิคุ้มกันต่ำพลอยสะดุ้งโหยง ด้านบัวเองเมื่อชะโงกไปมองเบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอก็ถอนหายใจยาวเหยียด

“มีปัญหาอะไรอีกล่ะ ปัญหาเยอะนักนะ”

“อะไรเหรอบัว”

“โรงพิมพ์น่ะสิ เดี๋ยวนั่นมีปัญหาเดี๋ยวนี่มีปัญหา จนฉันไม่อยากจะทำเล่มกระดาษแล้วเนี่ย” มือสวยสีน้ำผึ้งหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาพลางบ่นอุบ ดวงตาคมหวานกลอกเป็นเลขแปดก่อนจะกดรับสายขณะที่ถอยห่างออกไป

“บัวพูดค่ะ อะไรนะคะ! ไฟล์โปสเตอร์ที่ฟอเวิร์ดไปเปิดไม่ได้!? โอเคค่ะ เดี๋ยวบัวไปติดต่อนักวาดเดี๋ยวนี้เลย น่าจะแนบไฟล์ผิดบัวเองก็รีบเลยไม่ได้เช็คก่อน แล้วนี่ติดตรงไหนอีกไหมคะเดี๋ยวบัวดูให้”

“ได้ค่ะ อ้อ เสร็จแล้วเหรอคะ งั้นถ่ายกล้องสดส่งมาให้ในเมลล์ก่อนเลยก็ได้ค่ะ หรือไม่พรุ่งนี้รอถ่ายแสงธรรมชาติก็ได้ ได้ค่ะเดี๋ยวบัวดูให้เลย ค่า สวัสดีค่ะ”

ทออรุณนั่งมองเพื่อนคุยโทรศัพท์ตาปริบๆ ดูท่าคืนนี้ต้องแข็งใจเอาไว้ก่อนเพราะฝ่ายนั้นดูเหมือนจะติดงานสำคัญ ไม่รู้จะเอาสายสิญจน์ที่ว่ามาให้ได้ตอนไหน ครั้นจะตามลงไปที่ชั้นล่างก็เกรงว่าจะไปรบกวนเปล่าๆ

แต่เป่ากระหม่อมให้แล้วคงไม่มีอะไรแล้วมั้ง เห็นเป็นคนมึงมาพาโวยแต่เป่ากระหม่อมให้ทีไรเธอนอนหลับเป็นตายแบบไม่ฝันทุกครั้ง รอบนี้ก็คงเหมือนๆกันนั่นแหละ

“โทษทีว่ะ น่าจะอยู่กินด้วยไม่ได้แล้ว” พอวางสายเสร็จอีกฝ่ายก็หันมาขอโทษขอโพยตาละห้อย ด้านอรุณเองเมื่อได้ยินแบบนั้นก็พาลส่ายหน้า เร่งลุกขึ้นไปตักข้าวสวยร้อนๆจากในหม้อหุงข้าวมาใส่จานแล้วดันทั้งจานข้าวทั้งกับข้าวไปให้อีกฝ่าย

“เอาไปกินตอนตามงานก็ได้ ฉันกินกับพี่ๆเขามาแล้ว”

ด้านบัวเห็นเธอประเคนข้าวปลาอาหารให้ก็เงยขึ้นมากระพริบตาปริบๆอย่างซึ้งใจ มือเรียวสวยยกขึ้นมาตบที่ต้นแขนของอรุณก่อนจะลุกขึ้นเอาทั้งสองจานขึ้นมาถือ

“ขอบใจนะจ้ะ งั้นเดี๋ยวฉันรีบทำงานแล้วขึ้นมาเรียกขวัญให้ละกัน แต่ถ้ามาไม่ทันแกเข้านอนก็ท่องคาถายันทุนก่อนนอน จะได้ไม่ฝันร้ายอีก”

“แต่มาก่อนฉันนอนก็ดีนะ น่าจะไม่กล้านอนว่ะ”

“อะเคร ขวดนี้แกกินไปเลยนะ เดี๋ยวฉันมา”

“อืมม”

ว่าจบบัวก็เผ่นแผล็วออกไปจากห้องพร้อมอาหารเต็มสองมือ ส่วนตัวเจ้าของห้องอย่างทออรุณเองที่กลับมาใจสงบตั้งแต่เมื่อครู่ก็จัดแจงลุกขึ้นเดินเข้าห้องนอนไปเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

ยังไงบัวบูชาก็มีคีย์การ์ดอีกใบหนึ่งอยู่แล้ว วันนี้คงนอนเร็วหน่อยเพราะตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะตื่นแต่เช้ามาเริ่มจัดระเบียบชีวิตและวางแผนงานที่จะต้องทำต่อ ตัวเธอเองก็ใช่ว่าจะว่าง อีกไม่นานก็คงมีชีวิตไม่ต่างจากเพื่อน

ในเวลาสี่ทุ่มบัวบูชาที่ทำงานเสร็จก็หอบผ้าห่มและหมอนเปิดประตูเข้ามาในห้อง เป็นช่วงที่ทออรุญเองก็ยังไม่ได้เข้านอนพอดี ฝ่ายนั้นยึดพื้นที่โซฟาตัวใหญ่ที่อยู่ห้องนั่งเล่นด้านนอก ส่วนเธอเองก็นอนด้านในห้องเหมือนเดิม

ด้วยความที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์สยดสยองนั้นมา บัวจึงบอกให้เธอเปิดประตูห้องนอนเอาไว้ หากมีอะไรจะได้เข้ามาช่วยได้ทันเวลา เพราะอย่างไรฝ่ายนั้นก็เป็นคนตื่นง่ายอยู่แล้ว แค่เสียงร้องแอ๊ะเดียวก็ตื่นได้ง่ายๆ

“มีอะไรก็เรียกนะ”

“อืม ฝันดีนะบัว”

“ฝันดีๆ อย่าลืมสวดมนตร์ก่อนนอน”

“เออออจ้า”

เราสองเพื่อนรักลืมเรื่องสายสิญจน์ไปเสียสนิท

ทออรุณเปิดประตูทิ้งเอาไว้อย่างนั้น เธอปีนขึ้นไปนั่งพับเพียบบนที่นอนนุ่มก่อนจะเริ่มสวดมนตร์อย่างที่บัวแนะนำ จากนั้นก็เข้านอนตามปกติเช่นเดียวกันกับเพื่อนสนิทซึ่งจัดแจงที่หลับที่นอนของตัวเองโดยที่เจ้าของห้องไม่ต้องไปช่วยเลยสักนิด

ความเหนื่อยล้าทั้งที่ไปเคลียร์งานมาทั้งวัน และที่โดนสูบพลังจากฝันซ้อนฝันนั้นทำให้หญิงสาวหลับไปอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแค่ทออรุณแต่ยังรวมถึงบัวบูชาที่ต้องไปจัดการปัญหากับนักวาดรวมถึงคุยงานต่ออีกนับชั่วโมง

เวลา 00.00 น.

วันที่ 16 ธันวาคม

ทออรุญ เกศเพชร อายุ 25 ปีเต็ม

ในความมืดสลัวอันเงียบสงัด เข็มนาฬิกาค่อยๆเคลื่อนไปเรื่อยๆกระทั่งเข็มสั้นและเข็มยาวเคลื่อนไปบรรจบกันที่เลขสิบสอง ควันสีดำล่องลอยออกมาจากทวารทั้งเก้าของหญิงสาวบนเตียงอีกครั้ง

มันล่องลอยโลมเลียไปตามผิวกายของเธออย่างย่ามใจ ไม่นานก็ไปรวมตัวกันที่ตำแหน่งเดิมกับเมื่อคืนก่อน

‘มัน’ หันใบหน้าที่เป็นรูปร่างหน้ามนุษย์ชัดเจนกว่าทุกคืนไปที่ห้องนั่งเล่น เหลือบมองร่างที่นอนอยู่บนโซฟาซึ่งมีละอองสีทองเรืองรองอยู่รอบตัวด้วยแววตาเย้ยหยัน

ประตูห้องนอนบานใหญ่ค่อยๆเคลื่อนตัวปิดอย่างเงียบเชียบในความมืด ตัวล็อกบิดไปด้านขวาอย่างช้าๆและเงียบที่สุด ทำให้ในตอนนี้มีเพียงมันและทออรุณที่ยังคงนอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่ในห้อง

เพราะหลบซ่อนดูดกลืนไอชีวิตของเธอมาเนิ่นนานหลายปี ยามนี้มันจึงแข็งแกร่งมากพอที่จะแตะสัมผัสเธอได้ ความแสบร้อนจากพุทธคุณที่เคยทำให้สูญพลังไปมากมาย ในตอนนี้กลับทำให้มันรู้สึกเพียงเจ็บๆคันๆเท่านั้น

ยิ่งไม่มีสายสิญจน์บนมือเลยทุกอย่างมันก็ยิ่งง่าย วันนี้อีหญิงวิปริตนั่นจะไม่สามารถสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องนี้ได้อีก ผู้หญิงตรงหน้าจะเป็นของมัน เป็นแค่ของมันตนเดียวเท่านั้น

“ไปอยู่กับพี่เถิดนะคนดี”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel