2.ใครอยู่ที่หน้าประตู
หญิงสาวกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ก่อนจะแข็งใจขยับหน้าเข้าไปใกล้อีกครั้งแล้วขยับมองไปด้านซ้ายแต่ก็ยังว่างเปล่า ครั้นเมื่อขยับไปด้านขวาทุกอย่างก็ยังไร้เงาของสิ่งมีชีวิต
คิ้วที่ขมวดอยู่แล้วยิ่งขมวดหนักขึ้นทุกที เพราะมั่นใจมากว่าเมื่อครู่ไม่ได้หูฝาดไปเองแน่
“หรือมันจะเป็นเสียงเคาะจากห้องอื่นที่ดังสะท้อนมาวะ” เธอพึมพำในลำคอเบาๆตั้งข้อสันนิษฐานสนับสนุนไปงั้น แต่เรื่องจริงลึกๆก็รู้ว่ามันไม่ใช่อย่างที่คิด
ปึง! ปึง! ปึง!
ยังไม่ทันจะได้ผละใบหน้าออกมาจู่ๆเสียงก็ดังขึ้นอีกครั้ง และเพราะยืนอยู่ติดกับประตูหญิงสาวจึงรับรู้ถึงแรงสะเทือนจากการทุบอย่างรุนแรงจนสั่นไปทั้งบาน
ทั้งที่ไม่มีคนอยู่ด้านหน้าห้อง
ร่างเพรียวระหงผงะออกมาจากหน้าประตูด้วยความตกใจ ทว่าถอยไปได้เพียงก้าวเดียวจู่ๆแผ่นหลังก็ชนเข้ากับอะไรบางอย่าง มันทั้งแข็งและเย็นชืด กลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งลอยอบอวลอยู่ใกล้ๆ ชวนให้อยากอาเจียน
ทว่านั่นก็ยังไม่แย่เท่าเสียงกระซิบแหบต่ำที่ดังขึ้นข้างหู
“เปิดสิ ”
เสียงแหบแห้งแฝงไปด้วยความอำมหิตนั้นทำให้ทออรุณตัวสั่นขึ้นมาฉับพลัน ขนอ่อนลุกชันไปทั้งร่างด้วยความกลัวเพราะแม้ช่วงนี้จะเห็นสิ่งลี้ลับอยู่บ่อยๆ แต่เธอไม่เคยเจอผีในระยะใกล้ขนาดนี้
“เปิดให้กู”
“...”
หญิงสาวไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไปมองด้วยซ้ำ ได้แต่ยืนตัวแข็งมองเงาดำที่ปรากฏอยู่บนประตูซึ่งซ้อนอยู่กับเงาของตัวเอง เงานั้นชัดเจนจนเหมือนกับมายืนอยู่ตรงหน้าทั้งที่เรื่องจริงยืนอยู่ด้านหลัง เป็นรูปร่างของหญิงสาวตัวสูงกว่าเธอเล็กน้อย
สวมชุดคล้ายสไบบนหัวมีมวยผมปักด้วยปิ่น ตรงลำคอมีลักษณะพับไปฝั่งซ้ายอย่างผิดรูป มีบางอย่างคล้ายกระดูกแทงออกมานอกผิวเนื้อ มือเน่าเฟะประดับด้วยเล็บยาวสีดำสกปรกยกขึ้นมาจับที่ไหล่เล็ก
ก่อนจะเคลื่อนไปบีบที่หลังคอแล้วกดศีรษะของเธอไปกับประตูด้วยแรงมหาศาล
ปึง! ปึง! ปึง!
“กูบอกให้มึงเปิด ไอ้เนตร!!” แรงเคาะจากด้านนอกก็ยังคงอยู่ ผสานกับเสียงแหลมสูงที่แผดร้องอยู่ด้านหลังยิ่งพาให้ทออรุณกลัวจนร้องไห้ออกมา
เธอรู้สึกได้ว่าเสียงของผีตนนั้นมันคุ้นหูอย่างน่าประหลาด กระทั่งชื่อเมื่อครู่ก็รู้สึกเหมือนเป็นชื่อของตัวเอง ทั้งที่ชื่อเนตรอะไรนั่น เธอไม่มีแม้กระทั่งคนรู้จักชื่อนี้เสียด้วยซ้ำ
“ตื่นเถิดอรุณ” ทว่าขณะที่ทุกอย่างกำลังดำดิ่งไปถึงจุดเลวร้าย จู่ๆเสียงเย็นๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากที่ไกลๆ ก่อนที่ไม่นานผีร้ายด้านหลังจะผรุสวาทออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว แรงกดยิ่งรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม
“มึงอย่ามาเสือก!!!”
เล็บยาวแหลมคมจิกลงในผิวเนื้อตัดผ่านเส้นเลือดใหญ่ของหญิงสาวจนโลหิตสีเข้มทะลักออกมาจากทางปากแผล ความเจ็บมหาศาลจู่โจมจนเธอดวงตาพร่าเบลอ รับรู้ได้เพียงเลือดอุ่นที่กำลังหลั่งรินสู่พื้นเบื้องล่าง
“อั่ก…แค่ก”
“ตื่นเถิดเมียพี่ ”
ใครกันที่เรียกเธอว่าเมีย
“กรี้ด!!!! ไสหัวไปไอ้สัมถเวสีชั้นต่ำ!!!”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เฮือก!!
ร่างเล็กของหญิงสาวเด้งพรวดขึ้นมาจากโซฟาตัวใหญ่ เสียงลมหายใจถี่กระชั้นจากการหอบดังก้องไปทั้งห้องที่เงียบสงัด มือยกขึ้นกุมลำคอของตัวเองอัตโนมัติ
ขนบนตัวทุกเส้นยังคงลุกชันยามที่มองไปยังประตูบานใหญ่ซึ่งยังปิดสนิท ดวงตาเรียวรีเบิกมองไปในความมืดรอบตัวอย่างตกใจ กว่าจะระลึกได้ว่าเมื่อครู่เป็นความฝันเวลาก็ผ่านไปพักหนึ่ง
แต่ถึงอย่างนั้นคิ้วเรียวก็ยังขมวดมุ่น ทออรุณกวาดสายตามองรอบตัวอย่างไม่เข้าใจ เธอจำได้ว่าก่อนจะมานั่งที่โซฟาแล้วเผลอหลับได้เปิดไฟในห้องเอาไว้ ทำไมตอนนี้ถึงมืดสนิทแถมประตูระเบียงก็ยังเปิดอ้าแบบนั้น
คิดได้ดังนั้นหญิงสาจึวรีบถลาตัวไปกดสวิชต์โคมไฟที่อยู่ใกล้ที่สุด ทำให้ห้องซึ่งมืดสลัวเพราะฟ้าด้านนอกเริ่มสิ้นแสงสว่างขึ้นมา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ทออรุณสะดุ้งเฮือกขึ้นมาอีกรอบเมื่อได้ยินเสียงเคาะดังขึ้นอีกครั้ง เธอหันขวับมองไปยังประตูห้องอย่างหวาดระแวง แต่ไม่นานก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งเพราะเสียงโทรศัพท์ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะเล็กที่อยู่ด้านหน้าโซฟา
เธอค่อยพาร่างกายที่ยังสั่นระริกไปชะโงกมองหน้าจอที่กำลังสว่างวาบ แต่เมื่อเห็นว่าเบอร์โทรเข้าขึ้นชื่อของ ‘บัวบูชา’ ลมหายใจซึ่งขาดห้วงไปจึงได้ผ่อนลง
หญิงสาวส่ายหน้าพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะกดรับสายแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู
“ว่าไงบัว”
‘กูบอกให้มึงเปิดให้กู!! ไอ้น้องอัปรีย์!!’
“กรี้ด!!”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เฮือก!!
ภายในห้องที่สว่างจากหลอดนีออนบนเพดานสีขาวสะอาด ร่างเพรียวบางของทออรุญเด้งผึงขึ้นมาจากโซฟาอีกครั้ง ดวงตามองระแวดระวังไปรอบๆอย่างตระหนก ก้อนเนื้อในอกดีดกระทุ้งซี่โครงอย่างแรงจนน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมากองด้านนอก
เธอมองไปยังประตูด้านหน้าห้องขณะที่มือลูบตำแหน่งหัวใจปลอบตัวเอง ประตูที่ทาสีน้ำตาลเข้มตัดกับผนังสีขาวยังคงปิดอยู่เหมือนเดิม ยามที่หันไปมองนาฬิกาแขวนผนังจึงได้เห็นว่ามันบอกเวลาหกโมงกว่าเกือบหนึ่งทุ่มแล้ว
ซ้ำประตูระเบียงก็ปิดสนิท
มือข้างที่ลูบอกลดลงมาหยิกที่แขนของตน ก่อนจะเบ้หน้าในตอนที่เหลือบมองท้องฟ้ายามอัสดงด้านนอก หยิกเจ็บแบบนี้ตื่นแล้วแน่นอน ว่าแต่ท้องฟ้าเมื่อกี้ทำไมมันเหมือนในฝันจัง
ตืด ตืด ตืด
“เชี่ย!…บ้าเอ้ย หัวใจจะวาย”
จู่ๆโทรศัพท์ในมือที่ไม่รู้ว่าถือเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็พลันสั่นครืด ทออรุณสะดุ้งสุดตัวแต่ก็ยังมีสติมากพอที่จะไม่ปามันอัดผนังไปเสียก่อน
เธอยกขึ้นมาดูแล้วก็ทอดถอนลมหายใจยาวอย่างโล่งอก เพราะหน้าจอไม่ได้เป็นชื่อเต็มของบัวบูชาอย่างในฝัน แต่เป็นชื่อ ‘ไอ้หมาบัว’ ที่เธอเมมเอาไว้ตั้งแต่แรกๆที่รู้จักกันและไม่เคยเปลี่ยนเลยไม่ว่าจะในสถานะไหน
ทว่าแม้จะกล้ากดรับสายก็ยังไม่กล้ายกขึ้นแนบหู จึงใช้วิธีเปิดลำโพงแทน
“ว่า…”
‘เคาะจนมือจะหักแล้วแม่คุณ เมื่อไหร่จะเสด็จมาเปิดให้ประตูไม่ทราบ!’ ได้ยินแบบนั้นทออรุณก็ยิ้มออก เธอลืมเรื่องฝันซ้อนฝันนั้นไปได้ครู่หนึ่งเลยทีเดียว เพราะน้ำเสียงวีนแหลกแบบนี้ไอ้หมาบัวแน่นอนไม่ใช่ผีที่ไหน
“เผลอหลับอ่ะดิ รอแป้บๆ” รับคำแล้วหญิงสาวก็เดินไปส่องตาแมวอีกรอบ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยืนกอดอกหน้าง้ำ มือถือขวดน้ำเต้าหู้รสชาเขียวสองขวดกำลังมองมาที่ตาแมวก็รีบเปิดประตูออกไปต้อนรับ
“ก็ใครใช้ให้มาช้าเล่า ฉันเผลอหลับเลยเห็นไหม”
“อาบน้ำอยู่จ้า ฉันนั่งทำงานยิงยาวสามวันแทบไม่ได้กินได้นอน ถ้ามาสภาพน้ำไม่อาบแกน่าจะเป็นลมก่อน”
“ซกมกสุดๆ”
โดยที่ทั้งคู่ไม่มีใครเห็นเลย ว่าบนหมอนที่ทออรุณนอนหนุนอยู่เมื่อกี้มีไอสีดำลอยวนเวียนอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่มันจะลอยลงต่ำเรี่ยพื้น หลบจากกลิ่นลององสีทองที่แผ่ออกมาจากกายของบัวบูชาไปตามซอกหลืบ
เมื่อสบโอกาสจึงพุ่งไปยังเท้าของหญิงสาวเจ้าของห้องในจังหวะที่เธอปิดประตูแล้วเดินตามเพื่อนเข้ามา มันลอดเข้าใต้หว่างขาก่อนจะแตกตัวเป็นเก้าส่วนอยู่ใต้กระโปรงของเธอ
แล้วเร้นหลบเข้าในทวารทั้งเก้าของหญิงสาวโดยที่ไม่มีใครในห้องนี้รู้ตัวเลยสักคน
