บทที่ 7 เป็นห่วง
ลลิตากลับจากเยี่ยมมารดา หญิงสาวกำลังจะเดินเข้าห้องนอนตนเองแต่รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงไอดังจากห้องชายหนุ่ม จึงตัดสินใจไปหยุดหน้าห้องเขาก่อนมือบางเอื้อมเปิดประตูห้องและแง้มดูเพียงเล็กน้อย
ภาพที่หญิงสาวเห็นทำเธออึ้งนิ่งไปนานหลายนาที เธอเห็นเขานอนบนเตียง ใบหน้าหวานซีดเผือด โดยหลี่เหว่ยมีสายน้ำเกลือระโยงระยาง บนตัวเขาพันด้วยผ้าสีขาวเต็มร่างกาย
“คุณหลี่เหว่ย” เสียงหวานเอ่ยเรียกคนบนเตียงแผ่วเบา ก่อนผลักประตูเข้าข้างใน
หลี่เหว่ยได้ยินเสียงประตูปิดลง แม้มันจะเบาเพียงใดแต่สำหรับเขาได้ยินอยู่ดีเพราะเขาถูกฝึกฝนให้ไวต่อประสาทสัมผัสตั้งแต่เด็ก
“มีอะไรอีกหวังปิง” เขาคิดว่าเป็นลูกน้องคนสนิทตัวเอง แต่เมื่อหันหน้าไปมองกลับพบเห็นลลิตาที่ไม่ได้เจอหลายวัน
“คุณ!” เธอเดินไปนั่งข้างเขา
“เธอเข้ามาได้ไง”
“คุณเป็นอะไรเหรอคะ เจ็บมากไหม” หญิงสาวกำลังเอื้อมมือจะแตะลงบนแผลชายหนุ่ม แต่ถูกสั่งห้ามไว้
“ห้ามแตะต้อง ลลิตา!”
“ใครทำร้ายคุณ” หญิงสาวถามชายหนุ่มหลังจากชักมือกลับ
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ ออกไปเดี๋ยวนี้ลลิตา” หญิงสาวยังคงนั่งนิ่งข้างเตียงนอนชายหนุ่ม เธอไม่อยากลุกไปไหน เธอเห็นเขาเป็นแบบนี้ก็อดเป็นห่วงไม่ได้เช่นกัน
“ไม่ค่ะ ฉันไม่ไปไหนให้ฉันดูแลคุณนะคะ” ลลิตายังคงดื้อดึงไม่ยอมออกจากห้องตามคำสั่งชายหนุ่ม จนเขาทนไม่ไหวคว้าโทรศัพท์โทรหาหวังปิงให้พาหญิงสาวออกไปให้ห่าง
“พาเธอออกไป อย่าให้มาวุ่นวายกับฉันอีก” หวังปิงเดินเข้ามาในห้องหลังจากได้รับสายจากเจ้านายหนุ่ม เขาได้รู้ว่าหญิงสาวอยู่ในห้องกับเจ้านาย
“ครับนายท่าน”
“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ปล่อยนะคะคุณหวังปิง” ลลิตาถูกลากออกนอกห้องชายหนุ่ม เธอยืนโวยวายต่อหน้าหวังปิง
“อย่าทำให้ผมลำบากอีกเลย” หวังปิงพูดเพียงเท่านั้น ลลิตาก็เงียบไปเลย เธอเป็นห่วงชายหนุ่มในห้องแต่เธอก็กลัวจะทำให้หวังปิงเดือดร้อนไปด้วย หญิงสาวจึงถอยกลับไปตั้งหลักในห้องนอนตนเองก่อน แล้วค่อยหาวิธีการอีกครั้ง
ตั้งแต่วันที่ภูวิชฉลองความสำเร็จแก่ลลิตา เขาก็ไม่ได้เจอเธออีกเลยเพราะต้องบินไปทำงานต่างประเทศเกือบสองสัปดาห์ และวันนี้เป็นวันที่เขาเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ
เมื่อถึงบ้านไม่รีรอขับรถไปบ้านลลิตาทันทีซึ่งอยู่ถัดจากบ้านเขาเพียงไม่กี่ซอย สมัยยังเด็กบ้านของเขาและเธอเคยอยู่ติดกันมาก่อน แต่มีเหตุทำให้ครอบครัวเขาต้องย้ายออกไปตั้งแต่เขาอายุได้สิบห้าปี เลยทำให้เขาและเธอต้องอยู่ไกลกว่าเดิม แต่เขาก็ยังคงมาหาหญิงสาวเรื่อย ๆ ถึงปัจจุบัน
ทันทีที่รถจอดรถหน้าบ้านหญิงสาว เขารับรู้ถึงความเงียบผิดปกติราวกับไม่มีใครอาศัยอยู่ ภูวิชตะโกนเรียกลลิตาหน้าบ้านหลายนาทีแต่กลับไร้เสียงตอบกลับมา
“น้องรินอยู่ไหมครับ พี่เองนะครับ” ภูวิชยังคงตะโกนเรียกหญิงสาวหลายครั้ง จนในที่สุดเขาก็เริ่มท้อใจกำลังจะเดินขึ้นรถแต่โชคดีมีป้าข้างบ้านลลิตาออกมาทักทาย
“พ่อหนุ่ม มาหานางนวลกับลูกสาวเหรอ” ป้าข้างบ้านถามภูวิช
“ครับ ไม่ทราบว่าหายไปไหนกันหมดเหรอครับ”
“ป้าก็ไม่รู้อะไรมากหรอก แต่ป้าทราบมาว่านางนวลรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล ส่วนลูกสาวเหรอป้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“เอ่อ ป้าพอจะทราบไหมว่าน้านวลรักษาตัวที่ไหน”
“ถ้าป้าจำไม่ผิดนะ หนูรินเคยบอกว่าโรงพยาบาลในเมือง แต่ป้าก็จำชื่อโรงพยาบาลไม่ได้เหมือนกัน ยังไงพ่อหนุ่มลองโทรหาหนูรินดูนะ”
“ขอบคุณป้ามากเลยครับ” ภูวิชยกมือไหว้ป้าข้างบ้านคนดังกล่าวแล้วเดินกลับมาขึ้นรถและขับออกไปทันที
เสียงโทรศัพท์เครื่องเล็กของลลิตาดังขึ้น เธอเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพนุ่งผ้าขนหนูหลังชำระร่างกายเสร็จ ก่อนเดินไปหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อดูเบอร์ปลายทางที่โทรเข้ามา เธอรู้สึกประหลาดใจกับเบอร์ปลายทางซึ่งไม่คุ้นเคย
“สวัสดีค่ะ รินพูดสาย” ลลิตาตัดสินใจกดรับสายทันที เพราะคิดว่าน่าจะเป็นเบอร์ทางโรงพยาบาลโทรมาหาเธอเกี่ยวกับอาการมารดา
(น้องริน พี่เองนะครับ)
“พี่วิชเหรอคะ พี่วิชใช้เบอร์ใครโทรมา”
(เบอร์พี่เองครับ โทรศัพท์พี่หายเลยจำเป็นต้องเปลี่ยนเบอร์ใหม่ ตอนนี้น้องรินอยู่ไหนครับ พี่ไปที่บ้านมาไม่เจอน้องรินเลย ป้าข้างบ้านบอกว่าน้านวลรักษาตัวที่โรงพยาบาลเหรอ)
“เอ่อ รินอยู่ข้างนอกค่ะ พี่วิชมีอะไรหรือเปล่าคะ” ลลิตาเลิ่กลั่กเมื่อถูกชายหนุ่มจี้คำถาม เธอไม่รู้จะตอบเช่นไรดีจำเป็นต้องโกหกไปก่อน
(น้องรินออกมาเจอพี่ได้ไหมครับ พี่อยากไปเยี่ยมคุณน้าและอยากเจอน้องรินด้วย)
“รินขอเป็นช่วงบ่ายได้ไหมคะ ตอนนี้รินติดธุระอยู่ค่ะ” ลลิตาจำเป็นต้องโกหกภูวิชอีกครั้ง เมื่อมีการโกหกครั้งแรก ครั้งที่สองก็ย่อมตามมา เธอรู้สึกไม่สบายใจต้องโกหกคนปลายสาย เธอนับถือเขาเยี่ยงพี่ชายคนหนึ่ง
การทำแบบนี้ยิ่งเพิ่มความไม่สบายใจแก่ตนเอง แต่เธอก็ไม่อยากให้เขารับรู้ปัญหาชีวิตของเธอไปมากกว่านี้ แค่ที่ผ่านมาเธอก็ตอบแทนบุญคุณเขาไม่หมดแล้ว
(ครับ แล้วเจอกันนะครับ)
“ค่ะ” หลังจากวางสายไปลลิตาถอดหายใจ เธอไม่รู้จะทำอย่างไรดี ไม่สามารถบอกภูวิชได้เรื่องที่เธอเป็นนางบำเรอของหลี่เหว่ย
“นายหญิงจะไปไหนครับ” หวังปิงถามลลิตา เขาเห็นเธอกำลังเดินออกจากคฤหาสน์อย่างย่อง ๆ ราวกับกลัวจะมีใครมาเห็น
“เอ่อ คือ” ลลิตาหยุดเท้าลงทันทีหลังจากได้ยินเสียงจากหวังปิง เธอหันเผชิญหน้าเขาและไม่รู้จะบอกคนตรงหน้าอย่างไรดีว่าความจริงเธอจะออกไปพบภูวิชซึ่งไม่อยากให้ใครตามไป เพราะกลัวภูวิชจะจับได้เรื่องที่เธอเป็นนางบำเรอหลี่เหว่ย
“ว่าไงครับ นายหญิงจะไปไหนถ้าไม่มีคนของเราตามไปดูแล นายหญิงห้ามออกไปไหนคนเดียวครับ นายท่านสั่งไว้” หวังปิงยืนจ้องคนตรงหน้าพยายามเค้นคำตอบจากปากลลิตา
“รินแค่จะออกไปซื้อของ ไม่ได้ไปนานจะรีบไปรีบกลับ เลยไม่ได้ให้ใครตามไปด้วยค่ะ”
“ไม่ได้ครับ นายท่านสั่งไว้แล้วถ้านายหญิงจะไปไหน ห้ามออกไปคนเดียวนายท่านเป็นห่วงความปลอดภัยนายหญิงครับ”
“เป็นห่วงความปลอดภัยรินเหรอ แสดงว่านายท่านของคุณหวังปิงโดนใครทำร้ายมาใช่ไหมคะ” ลลิตาถามหวังปิงกลับ เธอสังเกตเห็นหวังปิงสะดุ้งเพียงเล็กน้อย
“ไม่ใช่เรื่องของนายหญิงครับ”
“ไม่ใช่เรื่องของรินเหรอ แสดงว่าพวกคุณมีอะไรปิดบังแน่ ๆ ใช่ไหมถึงไม่อยากให้ใครรู้อาการบาดเจ็บของคุณหลี่เหว่ย”
“ผมขอร้องนายหญิงล่ะอย่าถามอะไรผมมากเลย ทำตามที่นายท่านสั่งเถอะครับ”
ลลิตาไม่รู้จะทำอย่างไรดีเพื่อให้คนตรงหน้ายอมปล่อยเธอไปเพียงลำพังคนเดียว เธอไม่อยากให้ใครตามไปดูแล เธอกลัวว่าภูวิชจะเห็นถึงความผิดปกติ
“หวังปิงขอโทษนะ” ลลิตาเตะเข้าตรงหว่างขาหวังปิงแล้วหนีออกมา แม้กลับมาจะโดนทำโทษจากหลี่เหว่ยก็ยอมรับทั้งนั้น ขอแค่ครั้งนี้เธอได้เจอภูวิชอีกครั้งก็ยังดีเพราะเธอก็ไม่รู้ว่าหลังจากนี้มันจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับตนเอง เธอไม่อยากให้คนที่เธอนับถือเหมือนพี่ชายต้องผิดหวัง
“นายหญิง กลับมาเถอะนะครับ” หวังปิงตะโกนเรียกหญิงสาวที่วิ่งออกนอกประตูได้สำเร็จและขึ้นรถแท็กซี่ออกไปแล้ว ในขณะที่ตนยังเจ็บตรงส่วนนั้นที่หญิงสาวเตะเข้ามา
หวังปิงรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย เขาเป็นถึงบอดี้การ์ด ฆ่าคนมานับไม่ถ้วนแต่ต้องมาพลาดท่ากับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ของเจ้านาย
หวังปิงพยุงร่างเข้าข้างในคฤหาสน์ เขาจำเป็นต้องรายงานเจ้านายให้ทราบถึงพฤติกรรมของหญิงสาว ซึ่งตอนนี้อาการของหลี่เหว่ยเริ่มหายเป็นปกติแต่ต้องพักฟื้นอีกไม่กี่วันก็จะสามารถออกมาใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม
“นายท่านครับ ผมมีเรื่องเกี่ยวกับนายหญิงมารายงาน”หวังปิงเข้ามายังห้องนอนหลี่เหว่ย ขณะชายหนุ่มกำลังนอนพักฟื้นร่างกายบนเตียง
“เรื่องอะไรว่ามา” หลี่เหว่ยถามบอดี้การ์ด เขารู้ได้ทันทีเรื่องที่หวังปิงจะมารายงานต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน ไม่อย่างนั้นคนอย่างหวังปิงจะไม่เข้ามารบกวนตอนเขาป่วยหรอก
“นายหญิงหนีออกไปแล้วครับ”
“ว่าไงนะ หนีออกไปแล้วเหรอ” หลี่เหว่ยลุกขึ้นจากเตียง จ้องเขม็งหน้าหวังปิงอย่างคาดโทษ เขาไม่คาดคิดว่าหญิงสาวจะกำเริบถึงเพียงนี้
“ครับ จะให้ผมตามไปจับตัวนายหญิงกลับมาไหมครับ”
“ไม่ต้อง! แค่ส่งคนสะกดรอยตามก็พอถ้าเธอคิดจะหนีจริง ๆ ค่อยให้คนของเราตามจับตัวกลับมา”
“ครับนายท่าน ผมจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้แหละครับ” หวังปิงเดินออกจากห้องนอนเจ้านายหนุ่ม
หลี่เหว่ยรู้สึกโกรธลลิตา อุตส่าห์ให้อิสระแต่กลับทำอะไรไม่เกรงใจกันเลย แถมยังกล้าขัดคำสั่งเขาอีกต่างหาก
“กล้ามากลลิตา คนอย่างเธอจะได้เห็นดีแน่” หลี่เหว่ยกำหมัดแน่นเผยให้เห็นเส้นเลือดบริเวณหลังมือหนา
