บทที่ 6 นางบำเรอ
ลลิตาตื่นขึ้นในเวลาช่วงบ่าย เธอรู้สึกเจ็บแปลบตรงส่วนล่างเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ภาพเหล่านั้นก็ฉายขึ้นมาในสมองอีกครั้ง จนเธอกลั้นน้ำตาไม่อยู่ปล่อยให้ไหลอาบแก้มนุ่ม สิ่งที่หวงแหนที่สุดก็ถูกพรากไป
“โธ่เว้ย! จะร้องไห้ทำไม” หลี่เหว่ยตำหนิคนข้างกายเนื่องจากเสียงร้องของเธอทำให้เขาสะดุ้งตื่น
หญิงสาวพยายามกลั้นเสียงร้องไห้ให้เบาที่สุดเท่าที่ทำได้ ตอนนี้เธอเจ็บจุข้างในอกแทบไม่ไหวอีกต่อไป เขาไม่ใช่คนที่สูญเสียไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกเธอหรอก
ลลิตามองชายหนุ่มหลังจากที่เขาเงียบไป จึงได้รู้ว่าเขาได้หลับต่อโดยไม่ได้สนใจเธอสักนิดเดียว เมื่อเห็นดังนั้นจึงพาร่างอันบอบช้ำออกจากห้อง ก่อนจากไปไม่ลืมเก็บเสื้อผ้าที่ตกบนพื้นมาสวมใส่
พ้นร่างคนตัวเล็ก หลี่เหว่ยลืมตาขึ้น เขาไม่ได้หลับต่ออย่างที่เธอเข้าใจเพียงแค่สังเกตสถานการณ์ อยากรู้เธอจะทำอย่างไรต่อไปหลังโดนเขาตำหนิ สุดท้ายเธอเลือกจะออกจากห้องไป
ชายหนุ่มรู้สึกแค้นใจหญิงสาวมากที่กล้ามาท้าทายอำนาจของตัวเอง คนอย่างเขาไม่เคยง้อใครทั้งนั้น แต่สิ่งที่เธอทำราวกับไม่ยินดีจะหลับนอนกับเขา ทำอย่างเขาขืนใจเธอ ทั้งที่เมื่อคืนเธอเองก็ต่างมีความสุขร่วมกับเขา
“เราจะได้เห็นดีกันลลิตา” ชายหนุ่มเน้นเสียงหนักก่อนลุกขึ้นอาบน้ำจัดการร่างกายให้สะอาด เขาต้องทำให้เธอได้รู้ว่าอย่าคิดที่จะทำเช่นนี้กับเขาอีก เธอจะต้องได้รับความเจ็บปวดอย่างแน่นอน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องหญิงสาวดังขึ้น หลังจากเธอพาตนเองกลับมายังห้องได้ไม่กี่ชั่วโมง เธอรู้สึกเวียนหัวจนแทบลุกไม่ไหว แต่เสียงเคาะประตูหน้าห้องยังคงดังรบกวนการนอนหลับจึงพาร่างอันไร้เรี่ยวแรงไปเปิดประตู
หญิงสาวแง้มประตูออกเล็กน้อย พอให้เห็นว่าใครมาหาเธอในช่วงเวลาแบบนี้
“นายท่านเรียกหาเธอ” ป้าวาดผลักประตูเข้าในห้องหญิงสาว จนร่างบอบบางแทบล้มเซแต่โชคดีมืออีกข้างยังคงจับลูกบิดประตู
“อะไรเหรอคะ” ถามอย่างเสียงแผ่วเบา เธอเหนื่อยเกินจะทำอะไรได้อีก แค่ถูกเขารังแกเมื่อคืนก็ทำเธอไม่มีแรงเดินอีกแล้ว
“ตามฉันมา”
“จะพาไปไหนเหรอคะ” หญิงสาวยังคงยืนนิ่งไม่ยอมก้าวเท้าตามคำสั่งคนตรงหน้า
“นายท่านให้ฉันพาเธอไปทำงานบ้าน นายท่านบอกว่าเธอไม่มีสิทธิ์ต่อรองอะไรทั้งนั้นทำตามที่สั่งก็พอ ส่วนเวลากลางคืนก็ทำหน้าที่นางบำเรอให้ดีด้วย” ป้าวาดอธิบายคนตรงหน้าตามคำสั่งของหลีเหว่ย
ลลิตานิ่งเงียบหลายนาที ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากทำงานบ้านแต่เมื่อคืนเธอถูกเขารังแกจนไม่มีแรงเหลืออยู่อีกแล้ว เธอเหนื่อยและเพลียเหลือเกิน
“มัวยืนอยู่ทำไม ตามมาสิ” ป้าวาดตะคอกลลิตา
“ค่ะ” คนอย่างเธอไม่มีทางตอบโต้สินะ
ลลิตาถูกสั่งให้ทำงานบ้านอย่างหนักขณะนี้รู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน เขาทำราวกับเธอไม่ใช่มนุษย์ ไม่เข้าใจเลยทำไมต้องทำรุนแรงด้วยหรือเพราะเขาเป็นมาเฟีย นิสัยจึงดุร้ายไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงตัวเล็กอย่างเธอ
“เฮ้อ” เธอพ่นลมหายใจเฮือกหนึ่งก่อนล้างจานต่อ เธอรู้สึกหิวเหลือเกินตั้งแต่เมื่อวานยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง วันนี้ก็เช่นกันแถมยังไม่ทันได้รับประทานอะไรสักอย่างลงท้องก็ถูกสั่งให้ทำงานบ้าน
ทันใดนั้น
ลลิตารู้สึกหน้ามืด สักพักสติเริ่มดับวูบก่อนจะล้มลงคาพื้นห้อง
“ว้าย!” มะลิสาวใช้ของคฤหาสน์บังเอิญผ่านมาก็เห็นหญิงสาวนอนสลบไม่ได้สติ ไม่รอช้าตะโกนขอความช่วยเหลือจากคนอื่น
กระทั่งหวังปิงพามาพอดีจึงเห็นร่างเล็กของลลิตาและเตรียมจะอุ้มเข้าสู่อ้อมแขน แต่ช้าไปกว่าหลี่เหว่ยที่เดินเข้ามาอุ้มเธอและพาไปยังห้องนอน และไม่ลืมกำชับลูกน้องให้ตามแพทย์มาดูอาการหญิงสาว
หลี่เหว่ยวางคนตัวเล็กอย่างทะนุถนอม จากนั้นหย่อนก้นนั่งข้างเธอและมองดูหน้าสวยด้วยความเป็นห่วง เพียงไม่นานแพทย์ที่ให้คนไปตามก็มาถึงก่อนจะตรวจร่างกายลลิตาอย่างละเอียด และแจ้งอาการแก่ชายหนุ่มพร้อมทั้งให้ยา จากนั้นก็จากไปทิ้งเขากับเธอไว้ตามลำพัง
“ขอโทษ” เสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบา เขาไม่เข้าใจตัวเองเลยทำไมต้องพูดคำนั้นกับเธอและแสดงท่าทีห่วงใยคนบนเตียง
ฝ่ามือใหญ่กุมมือเล็กไว้พร้อมช้อนตามองคนหลับพริ้ม เขาแอบเจ็บแปลบในใจที่เห็นเธอนอนนิ่งบนเตียง อาการแบบนี้มันคืออะไรกันแน่ เขาไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครมาก่อนเลยจนกระทั่งได้เจอเธอ ผู้หญิงที่แสนธรรมดาแต่มีอิทธิพลต่อหัวใจ
หลายวันต่อมาร่างกายลลิตาหายดีเป็นปกติ หลังจากวันนั้นเธอถูกเขาทรมานทั้งกายแต่จิตใจ เธอก็ไม่พบเขาอีกเลย ไม่รู้ว่าชายหนุ่มหายไปไหน ถามจากหวังปิงคำตอบที่ได้รับคือเขางานยุ่งไม่ค่อยมีเวลา แต่เธอคิดว่าต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่นอน
อีกอย่างที่สร้างความแปลกใจกับลลิตาคือเขาสั่งทุกคนให้เรียกเธอว่านายหญิง และให้อิสระเต็มที่จะไปไหนมาไหนก็สะดวก ทั้งยังให้คนตามดูแลอารักขาไม่ให้ห่าง ตอนแรกรู้สึกค่อนข้างอึดอัดแต่พอเอาเข้าจริง คนเหล่านี้เพียงติดตามเธออยู่ห่าง ๆ ไม่ได้ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว
วันนี้ก็เช่นกัน เขาให้ลูกน้องพาเธอไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมมารดาหลังจากผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเรียบร้อย อาการของแม่ดีขึ้นแต่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อีกสักพัก
“แม่คะ เป็นยังไงบ้าง” ลลิตากุมมือมารดาที่นอนบนเตียงผู้ป่วยในห้องพักวีไอพี ซึ่งทุกอย่างถูกจัดการโดยหลี่เหว่ย
“แม่ดีขึ้นมากแล้ว” นวลจันทร์ตอบกลับลูกสาวที่นั่งข้างเตียงตนเอง เธอสังเกตห้องพักที่เธอพักฟื้นมันหรูหรามากเกินกำลังลูกสาว
“หนูริน แม่ถามอะไรหน่อย ห้ามโกหกแม่นะ”
“เอ่อ แม่มีอะไรหรือเปล่าคะ” ลลิตาเลิ่กลั่ก เธอไม่รู้แม่จะสงสัยอะไรหรือเปล่า
“แม่แค่จะถามว่าหนูรินเอาเงินที่ไหนมารักษาแม่”
“รินได้งานทำแล้วค่ะ บริษัทที่รินทำเขาให้สวัสดิการดีมากค่ะ สามารถเบิกจ่ายรักษาพยาบาลให้คนในครอบครัวได้ตามที่บริษัทกำหนดแต่ถ้าค่ารักษาพยาบาลไม่พอก็สามารถยืมเงินบริษัทก่อนแล้วค่อยหักจากเงินเดือน แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ บริษัทที่รินทำงานอยู่เขาให้เงินเดือนรินสูงมากค่ะ แค่นี้รินดูแลแม่ได้สบาย ๆ” หญิงสาวจำเป็นต้องโกหกมารดา หากเธอพูดความจริงออกไป แม่คงไม่มีทางยอมเด็ดขาดแต่เพื่อแม่เธอยอมทุกอย่างจริง ๆ
“จริงเหรอลูก”
“จริงค่ะ แม่คะรินกลับก่อนนะคะ” ลลิตาดึงผ้าห่มคลุมกายแม่แล้วเดินออกจากห้องไป ขืนอยู่ต่อมีหวังต้องเผยความจริงออกมาแน่ เธอเป็นคนโกหกไม่ค่อยเก่งด้วย
หลี่เหว่ยไม่ได้งานยุ่งตามคำบอกของหวังปิงที่บอกหญิงสาว เขาอยู่ในคฤหาสน์ตลอดเพียงแต่อยู่ภายในห้องนอน เนื่องจากไม่กี่วันก่อน เขาถูกลอบทำร้ายจนอาการเจ็บสาหัสถึงขั้นไม่สามารถลุกไปไหนได้ทั้งนั้น
อาการบาดเจ็บของเขาเป็นความลับไม่สามารถเปิดเผยให้คนข้างนอกรับรู้ ไม่อย่างนั้นศัตรูรอบด้านจะบุกเข้ามาทำร้าย มีเพียงหวังปิงและป้าวาดเท่านั้นที่รับรู้
“ลลิตาเป็นยังไงบ้าง” หลี่เหว่ยถามบอดี้การ์ด หลังจากเขาให้คนดูแลเธออย่างใกล้ชิด กลัวเธอจะได้รับอันตรายเช่นเขา
“ถามถึงนายท่านเกือบทุกวันครับ แต่ผมตอบเพียงแค่ว่านายท่านงานยุ่ง”
“อืม งั้นออกไปเถอะ ฉันจะพักผ่อนแล้ว”
“ครับ” หวังปิงทำความเคารพเจ้านายเสร็จ ก็เดินออกจากห้องไปปล่อยให้หลี่เหว่ยได้นอนหลับพักผ่อนเต็มที่
