บทที่ 8 กักขัง
สถานที่นัดหมายระหว่างลลิตาและภูวิชคือร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ตกแต่งด้วยสไตล์อินดัสเทรียลลอฟท์ ซึ่งอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลของมารดาหญิงสาว
ลลิตาเดินเข้าไปนั่งรอในร้าน ดวงตากลมโตมองบรรยากาศรอบ ๆ ร้านด้วยความรู้สึกสดชื่น ขณะนั่งเหม่อลอยไม่ทันสังเกตภูวิชเดินเข้ามาตั้งแต่ตอนไหนสะกิดร่างเล็กเบา ๆ
“น้องรินครับ” ภูวิชเรียกหญิงสาวคนที่เขาคิดถึงตลอดสองสัปดาห์ไปดูงาน เธอส่งยิ้มหวานแก่เขาทำใจชายหนุ่มแทบอ่อนยวบกับคนตรงหน้า
“พี่วิช มาแล้วเหรอคะ” ลลิตามองคนตรงหน้าที่เดินมาใกล้เธอ ก่อนจะกลับไปนั่งฝั่งตรงข้ามเธอ
“มันเกิดอะไรขึ้นเหรอครับน้องริน ทำไมน้านวลถึงต้องเข้าโรงพยาบาลครับ”
“แม่ต้องเปลี่ยนลิ้นหัวใจค่ะ ถ้าไม่รีบเปลี่ยน…” ลลิตาเว้นประโยคที่จะพูด เธอพยายามกลั้นเสียงสั่นเครือกลัวน้ำตาจะไหลพรากต่อหน้าชายหนุ่ม
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องเล่าก็ได้ น้องรินอยากกินอะไรอีกไหมครับก่อนที่เราจะไปพบน้านวล”
“รินไม่อยากกินแล้วค่ะ รินดื่มกาแฟแก้วเดียวก็พอแล้ว พี่วิชอยากดื่มอะไรไหมคะเดี๋ยวรินไปสั่งให้ค่ะ” ลลิตากำลังลุกขึ้นแต่ถูกภูวิชสั่งห้าม ขณะนั้นมือของเขาแตะลงบนฝ่ามือเรียวของเธอก่อนที่เธอจะรีบชักกลับ
“ขอโทษครับ พี่ไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่เป็นไรค่ะ รินว่าเราไปกันดีกว่า”
“ครับ”
ทั้งสองคนเดินออกจากร้านกาแฟไปยังโรงพยาบาลซึ่งไม่ไกลกัน ใช้เวลาเพียงไม่เกินสิบนาทีก็ถึงโรงพยาบาล
“ตามรินมานะคะ”
“ครับ” ภูวิชมองเธอที่เดินนำหน้าตนเอง ลลิตาตัวเล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับความสูงของเขาต่างกันสามสิบเซนติเมตร เธอน่ารักเสมอไม่เคยเปลี่ยน
เมื่อย้อนในวัยเด็กภาพต่าง ๆ ก็ฉายเข้ามาในหัว เขาไม่สามารถลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้เลย ทุกอย่างที่ผ่านมาเป็นภาพความทรงจำที่ดีระหว่างเขาและเธอ
“ถึงแล้วค่ะ” ลลิตาหันมาบอกภูวิชก่อนผลักประตูเข้าห้องพักฟื้น ทั้งสองเดินไปหยุดข้างเตียงนวลจันทร์ขณะนี้มีพยาบาลพิเศษกำลังเปลี่ยนสายน้ำเกลือให้
“หนูริน พ่อวิช” นางนวลจันทร์ทักทายลูกสาวก่อนจะหันไปทักทายชายหนุ่มอีกคนข้างลลิตา
“สวัสดีครับน้านวล” ภูวิชพนมมือทั้งสองข้างไหว้คนที่นอนบนเตียง พร้อมนำกระเช้าผลไม้มาวางไว้ข้างโต๊ะหัวเตียง
“น้านวลเป็นยังไงบ้างครับ เจ็บตรงไหนอีกไหม”
“น้าไม่เป็นอะไรมากแล้ว ขอบใจพ่อวิชมากอุตส่าห์มาเยี่ยมน้า”
“ผมยินดีครับ”
“เอ่อ แม่กับพี่วิชคุยกันไปก่อนนะคะ เดี๋ยวรินมาขอไปเข้าห้องน้ำก่อน” ลลิตาพูดแทรกระหว่างมารดากับภูวิช
“พ่อวิช น้ามีเรื่องขอร้องอะไรพ่อวิชหน่อย” หลังจากลูกสาวเดินจากไป นางนวลจันทร์ก็พูดขึ้นทันที เธอกุมมือชายหนุ่มรุ่นลูก เธอทราบดีคนตรงหน้าคิดอย่างไรกับลูกสาวตนเอง คนอาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมรู้ดี เธอไม่ติดหากชายหนุ่มจะรักกับลลิตา เพราะเธอเชื่อว่าภูวิชจะสามารถดูแลลูกสาวได้ดี
“ครับน้านวล”
“น้ารู้นะว่าพ่อวิชคิดยังไงกับหนูริน ถ้าพ่อวิชจะรักกับหนูริน น้าก็ยินดี น้าจะได้หมดห่วงเรื่องหนูรินเสียที ถ้าน้าไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้วน้าฝากพ่อวิชดูแลน้องด้วยนะ”
“น้านวลอย่าพูดอย่างนั้นสิครับ น้านวลต้องอยู่กับน้องรินไปนาน ๆ นะครับ”
นางนวลจันทร์มองคนตรงหน้าแล้วส่งยิ้มอย่างเอ็นดู เธอเชื่อว่าหากวันหนึ่งเธอไม่อยู่แล้วจริง ๆ อย่างน้อยก็ยังมีภูวิชที่จะคอยดูแลลูกสาวตนเอง
“คุยอะไรกันคะ ท่าทางซีเรียสเชียว” ลลิตาออกมาจากห้องน้ำ
“เปล่าหรอก แม่แค่ชวนพ่อวิชคุยเรื่อยเปื่อย”
“แม่คะ รินคิดถึงแม่จังเลย” ลลิตาเดินเข้าไปโอบกอดมารดาบนเตียง ไม่รู้หลังจากนี้จะได้มาหาแม่อีกเมื่อไร เพราะหลังจากเธอกลับคฤหาสน์หรูอิงคงต้องโดนหลี่เหว่ยทำโทษแน่นอน
ความอ่อนแอทำให้ลลิตาปล่อยน้ำตาไหลสู่ข้างแก้ม รู้ตัวอีกทีเธอก็ได้เผลอร้องไห้เสียแล้ว ตอนที่ได้ยินเสียงมารดาเรียก
“หนูริน ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ” ลลิตาผละออกจากมารดาก่อนจะเช็ดน้ำตา
“สงสัยจะคิดถึงน้านวลมากครับ ถึงได้ร้องไห้ขี้แยแบบนี้” ภูวิชแซวลลิตาพร้อมยกมือหนาลูบศีรษะหญิงสาว ทุกการกระทำของชายหนุ่มตกอยู่ในสายตานางนวลจันทร์
ล่วงเวลาไปหลายชั่วโมง คนทั้งสองพากันออกจากโรงพยาบาลเมื่อเยี่ยมนางนวลจันทร์เสร็จ
“กินข้าวก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้าน”
“ค่ะ” เธอรู้สึกหิวเหมือนกัน
หลี่เหว่ยนั่งรอลลิตาตั้งแต่ช่วงบ่ายโมง หลังจากเขาได้รับรายงานจากหวังปิงว่าหญิงสาวหนีออกไปคนเดียว แถมยังทำร้ายร่างกายบอดี้การ์ด เขาก็ได้ส่งคนไปสะกดรอยตาม ทุกอิริยาบถของลลิตาถูกถ่ายเป็นภาพส่งมาให้เขา
เมื่อเขาได้เห็นภาพเหล่านั้นถึงขั้นเดือดพล่าน เธอแอบไปพบผู้ชายคนอื่นแถมยังมีการจับไม้จับมือ สิ่งที่เธอทำถือว่าหยามเกียรติคนอย่างเขามาก เขาจะทำให้เธอได้รับรู้ความเจ็บปวดอย่างแน่นอน
“กลับมาได้แล้วเหรอ!” ลลิตาเดินเข้ามาในคฤหาสน์ในเวลาเกือบสองทุ่ม เธอถึงกับชะงักเมื่อได้ยินเสียงเย็นยะเยือกที่คุ้นเคยของใครคนหนึ่ง ก่อนหันไปเห็นชายหนุ่มนั่งจ้องมองเธอ สีหน้าและแววตาคาดเดาอารมณ์ไม่ได้เลย
“คุณเป็นยังไงบ้างคะ หายดีแล้วเหรอ”
หลี่เหว่ยไม่ตอบลลิตาเขาจ้องมองคนตัวเล็กกำลังเดินมาหาตนเอง เมื่อเธอเดินมาถึงก็คว้าแขนขาวเนียนบีบอย่างแรง
“ฉันเจ็บนะคุณหลี่เหว่ย ปล่อยนะคะ” ลลิตาพยายามสะบัดแขนให้หลุดจากมือหนาแต่ยิ่งสะบัดมากเท่าไรเขาก็ยิ่งบีบแรง
“ปล่อยเหรอลลิตา ตามมานี่” หลี่เหว่ยกระชากแขนเล็กให้เดินตามอย่างแรงจนไหลมนแทบหลุดออกจากบ่า อารมณ์เกรี้ยวกราดของชายหนุ่มตอนนี้ ไม่มีใครขวางเขาได้เลย ทุกคนทำได้แค่มองเจ้านายหนุ่มด้วยความหวาดกลัว
ลลิตารู้สึกเจ็บแขน เขาบีบแรงจนเธอปวดราวไปทั้งตัว เขาลากเธอโดยไม่สนใจเธอจะเจ็บมากเพียงใด
หลี่เหว่ยพาลลิตาไปห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องใต้บันได ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าในห้อง ทั้งมืดและเงียบมากก่อนที่เขาจะโยนร่างหญิงสาวเข้าข้างใน
“โอ๊ย เจ็บนะทำบ้าอะไรเนี่ย”
ชายหนุ่มไม่สนใจคนตรงหน้า ตอนนี้เขาโกรธเธอยิ่งกว่าอะไรเสียอีก หลังจากเขาโยนเธอเข้าห้องสำเร็จก็ล็อกประตูห้องทันที ไม่สนใจเสียงเรียกของหญิงสาว เขาต้องการสั่งสอนให้เธอรู้จักที่ต่ำที่สูงอย่าได้คิดมาลองดีกับเขาอีก
“ปล่อยฉันนะอย่าขังฉันไว้แบบนี้ ฮือ ๆ” ลลิตาวิ่งไปทุบประตูห้องซ้ำ ๆ หลายครั้ง แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา ก่อนทรุดร่างลงบนพื้นพลางนั่งชันเข่าพิงประตู ปล่อยให้น้ำตาไหลรินข้างแก้ม คาดไม่ถึงเขาจะทำร้ายเธอถึงเพียงนี้แค่ออกไปพบมารดาเพียงเท่านั้นถึงกับต้องพาเธอมาขังไว้ในห้องนี้เลยเหรอ เธอกลัวความมืดที่สุดเมื่อไม่สามารถทำอะไรได้จึงล้มตัวลงนอนบนพื้นที่เย็นเฉียบไปถึงกาย
