
บทย่อ
เขา หลี่เหว่ยไม่ต้องการแต่งงานกับคนที่ครอบครอบหาให้ เธอ ลลิตาต้องการเงินจำนวนมากในการรักษามารดา โชคชะตานำพาคนทั้งสองมาพบเจอกัน เขาต้องการตัวหญิงสาวมาเป็นเมียปลอมๆ หรือนางบำเรอ เพื่อเล่นละครตบตาครอบครัว ทว่าหัวใจหญิงสาวกลับไม่รักดี เปิดรับเขาเข้ามาในหัวใจอย่างหันหลังกลับไม่ได้อีก ทั้งที่รู้เต็มอกคนอย่างเขาไม่มีทางรักใครได้ง่ายๆ แต่เธอก็ไม่สามารถหักห้ามใจได้อีก “คุณกำลังโกหกริน รินเห็นคุณกลับมาคุณก็เอาแต่หลบหน้าริน ไม่ยอมกลับเข้าห้อง” “ก็ฉันเบื่อเธอไง น่ารำคาญ ทำตัวงี่เง่าแบบนี้ไงใครเขาอยากจะอยู่ด้วย หงุดหงิดชะมัด” คำพูดของเขาเหมือนมีดแหลมคมปักลงกลางหัวใจหญิงสาว เขาพูดอย่างไร้เยื่อใยทำเหมือนที่ผ่านมาไม่มีอะไรเกิดขึ้น หญิงสาวทนความเจ็บปวดไม่ไหว ปล่อยโฮต่อหน้าชายหนุ่มอย่างไม่อาย
บทที่ 1 จุดเริ่มต้น
ณ ฮ่องกง คฤหาสน์หรูไป๋อิง ประเทศจีน
“ยังไงผมก็ไม่แต่ง เรื่องอื่นผมยอมให้คุณปู่ทุกอย่างแต่สำหรับเรื่องนี้ขอร้องล่ะ” หลี่เหว่ยหนุ่มลูกครึ่งจีน-ไทย อายุย่างเข้า 32 ปี ส่วนสูง 190 เซนติเมตร ใบหน้าหล่อเหลาประธานบริษัทหลินซีตี้ธุรกิจผลิตอุปกรณ์การแพทย์มีหลายสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งยังเป็นเจ้าของกาสิโนและธุรกิจอื่น ๆ อีกมากมาย
ชายหนุ่มได้รับฉายาคือมาเฟียเลือดเย็นและที่สำคัญยังพวงตำแหน่งหัวหน้าแก๊งแดร็กคูล เขาประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุสิบสองปีเท่านั้น โดยมีหลี่หมิงคอยให้การสนับสนุน
“แกต้องแต่งกับเจียลี่ เธอคือลูกสาวผู้นำแก๊งมายาชิ ถ้าแกได้แต่งงานกับเธอ ฉันเชื่อว่าแก๊งแดร็กคูลของแกไปได้ไกลแน่นอน”
“แต่ตอนนี้แก๊งของผมก็ไปได้ไกลอยู่แล้ว โดยไม่ต้องให้ใครมาคอยหนุนหลัง คุณปู่ก็ทราบดีว่าผมดำรงตำแหน่งตั้งแต่อายุสิบสองปี”
“ฉันรู้แต่ถ้าแกได้ผู้มีอิทธิพลมาคอยช่วยเหลือ แกจะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น เชื่อปู่เถอะหลี่เหว่ย ปู่ทำทุกอย่างเพื่อแกนะ”
หลี่หมิงพยายามอธิบายให้หลานชายเพียงคนเดียวรับฟังอย่างใจเย็น เพื่อต้องการให้หลี่เหว่ยยอมรับในจุดประสงค์ของตัวเอง
“เอาเป็นว่าค่อยคุยวันหลังเถอะครับ วันนี้ผมเหนื่อยมากแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”
หลี่เหว่ยเดินจากไปทันทีหลังพูดจบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปู่ของเขาพยายามให้เขาแต่งงานกับคุณหนูเจียลี่ลูกสาวผู้นำแก๊งมายาชิ เขาเหนื่อยจะฟังแต่เรื่องซ้ำ ๆ เดิม ๆ จึงเดินหนีโดยไม่สนใจเสียงเรียกของชายชรา
“หลี่เหว่ยกลับมาก่อน ฉันยังพูดไม่จบ”
หลี่หมิงไม่พอใจกับการกระทำของหลานชายอย่างยิ่ง เขาต้องหาวิธีให้หลานชายยอมรับการแต่งงานครั้งนี้ให้ได้
“หวังปิง หวังปิง”
หลี่เหว่ยตะโกนเรียกลูกน้องคนสนิทมือขวาที่เขาไว้ใจมากที่สุด
“ครับ นายท่าน”
หวังปิงลูกน้องคนสนิทมือขวาหลี่เหว่ย พวกเขาทั้งสองเติบโตมาด้วยกัน แต่หวังปิงอายุห่างกับหลี่เหว่ยถึงห้าปี แม้เขาจะทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ด แต่เขาก็ได้รับการดูแลพิเศษจากเจ้านายหนุ่มเหมือนน้องชายคนหนึ่ง
“สัปดาห์หน้าฉันมีบินไปไทย แกเตรียมจองตั๋วให้ด้วย ฉันมีนัดคุยงานกับคุณดิเรก เตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อยอย่าให้พลาด ฉันไว้ใจแกมากที่สุด” หลี่เหว่ยตบบ่าคนตรงหน้า เขาเชื่อมั่นว่าหวังปิงจะสามารถจัดการได้โดยไม่มีการผิดพลาดอย่างแน่นอน
“ครับ นายท่านมีอะไรจะให้ผมจัดการอีกไหมครับ”
“ตามซาร่ามาพบฉันที่ห้องด้วย”
“ครับ”
นอกจากความหล่อเหลาและเก่งกาจแล้ว เขาก็ยังเจ้าชู้เป็นอันดับหนึ่งอีกด้วย ควงผู้หญิงไม่เคยซ้ำหน้าเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยยิ่งกว่าเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่นเพราะเขาไม่เชื่อบนโลกใบนี้จะมีความรักอยู่จริงเพราะถูกเลี้ยงดู ด้วยความกดดันตั้งแต่เด็กทำให้เขากลายเป็นคนแข็งกระด้างและเลือดเย็น
ณ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ประเทศไทย
บรรยากาศร่มรื่น ลมพัดเย็นสบายและทางเดินเป็นอุโมงค์ต้นไม้ วันนี้เป็นวันที่ทุกคนต่างรอคอยกับความสำเร็จที่ร่ำเรียนมาตลอดระยะเวลาสี่ปี
ภายในงานรับปริญญาต่างมีรอยยิ้มและน้ำตาแห่งความสุขในเดียวกัน เช่นเดียวกับรินหรือลลิตา หญิงสาววัย 24 ปี หน้าสะสวย อ่อนหวาน กตัญญูจึงเป็นที่รักของทุกคน
“สวัสดีค่ะพี่วิช มางานรับปริญญาของรินด้วยเหรอคะ” ลลิตาทักทายหนุ่มรุ่นพี่มาหยุดข้างตัวเอง
“ต้องมาอยู่แล้วครับ น้องรินรับปริญญาทั้งที พี่จะไม่มาได้ไงครับ” ภูวิชหนุ่มหล่อที่มีความเป็นผู้นำและอบอุ่น เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อันดับต้น ๆ ของประเทศ แอบชอบลลิตาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก
ทั้งสองคนเป็นเพื่อนบ้านอยู่ใกล้เคียงกัน เขาและเธอมักเล่นด้วยกันตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ลลิตามีฐานะยากจน มิหนำซ้ำยังมีแม่ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ ส่วนพ่อของลลิตาเสียชีวิตตั้งแต่หญิงสาวยังเด็ก ซึ่งทางบ้านภูวิชไม่เคยรังเกียจลลิตาแถมยังคอยให้ความช่วยเหลือหญิงเสมอ
“ไปกันเถอะครับ วันนี้พี่จะพาน้องรินไปฉลองวันแห่งความสำเร็จ”
“แต่ว่า…รินไม่ไปไม่ได้เหรอคะ” ลลิตาเกรงใจคนตรงหน้า เขามักคอยช่วยเหลือเธอเสมอไม่เคยหวังผลตอบแทนสักครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกันยังจะพาเธอไปฉลองอีก
“ไม่มีแต่ครับ ห้ามปฏิเสธพี่ครับ”
“ก็ได้ค่ะ” สุดท้ายลลิตาจำยอมตกลง ย่อมทราบดีต่อให้ปฏิเสธอย่างไรภูวิชไม่มีทางยอม
ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่งริมแม่น้ำ
บรรยากาศโรแมนติกและหรูหรา สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำและสะพานที่เปิดไฟสวยงามยามค่ำคืน การตกแต่งร้านสไตล์ลอฟท์และบรรเลงเพลงสุดคลาสสิคทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้ม
“น้องรินชอบไหมครับ”
“ชอบมากค่ะ แต่อาหารคงแพงน่าดูเลยนะคะ พี่วิชไม่เห็นต้องลำบากพารินมาที่นี่เลย”
“ไม่เป็นไรครับ พี่ยินดีสำหรับน้องรินแค่นี้สบายมากครับ ต่อให้เลี้ยงตลอดชีวิตพี่ก็เต็มใจ”
“เอ่อ คือ ว่า…” ลลิตารู้สึกแปลกใจกับคำพูดของภูวิช หญิงสาวไม่เคยมองภูวิชนอกจากพี่ชายคนหนึ่ง
ภูวิชไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ตนได้พูดออกไปเมื่อสักครู่นั้น ทำคนตรงหน้าสงสัย เขารีบเปลี่ยนเรื่องชวนหญิงสาวรับประทานอาหาร เรื่องของความรู้สึภูวิชยังไม่พร้อมให้ลลิตารับรู้ เขากลัวว่าหากเธอรู้ความในใจเขาแล้วจะตีตัวออกหาก ดังนั้นขอเก็บความรู้สึกนี้ไว้ข้างในส่วนลึกเพียงพอ
“กินข้าวเถอะครับ” ชายหนุ่มพูดพลางส่งยิ้มแก่หญิงสาว ภายใต้รอยยิ้มนั้นมันเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย ทั้งอึดอัดต้องทำตัวเป็นปกติ และต้องแสร้งทำเป็นพี่ชายที่แสนดีทั้งที่อยากเป็นมากกว่านั้น
“พี่วิชเป็นอะไรหรือเปล่าคะ รินทำอะไรไม่พอใจหรือเปล่า”
“เปล่าครับ”
“แล้วทำไมพี่วิชดูเศร้าจังเลยคะ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ กินข้าวต่อเถอะเดี๋ยวจะเย็นจนจืดชืดหมด” ภูวิชตัดบทสนทนา ขืนปล่อยให้หญิงสาวถามเขาอีกนิดเดียวมีหวังต้องเผยความรู้สึกให้เธอได้ล่วงรู้แน่นอน เขายิ่งไม่เข้มแข็งเมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาวอยู่ด้วย กลัวจะพลาดทำให้เธอรับรู้ความในใจ
“น้องรินอิ่มยังครับ”
“อิ่มแล้วค่ะ”
“น้องรินไปรอพี่ที่รถก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่จ่ายเงินเสร็จแล้วตามไป”
ภูวิชมองตามแผ่นหลังที่เดินออกไป เขารู้สึกสลดใจที่ไม่สามารถทำให้หญิงสาวรับรู้ความในใจเขาได้
วันนี้อุตส่าห์เตรียมดอกไม้ช่อใหญ่และแหวนเพื่อขอคบกับเธอ แต่ดันผิดแผนเพราะหญิงสาวแสดงท่าทีต่อต้านกับความรู้สึกของเขาอย่างชัดเจน
“น้องริน พี่จะทำยังไงดี” เขามองแหวนในกล่องกำมะหยี่ด้วยใจที่เจ็บปวด
