บท
ตั้งค่า

4

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก...

ปิ่นมณีรู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ที่ร้านทำผมแห่งหนึ่ง ที่เหมือนจะเปิดยันโต้รุ่ง พอมาถึงยังไม่ทันได้พูดจาอะไรก็ถูกลากกึ่งอุ้มขึ้นเตียงสระผม

เธอเผลอหลับไปทั้งๆ ที่ยังถูกทึ้งผมเนิ่นนาน จนเริ่มมารู้ตัวเมื่อถูกปลุกให้ลุกขึ้นมานั่งบนเก้าอี้เพื่อเป่าผมชุดใหญ่

“กว่าจะนุ่มได้...ทำไมไม่รู้จักดูแลเส้นผมให้ดีกว่านี้คะคุณน้อง ทรีทเมนต์น่ะเคยทำบ้างไหม” เสียงบ่นไปทำไปของเจ้าของร้าน ไม่ได้ทำให้เธอสะท้าน

เพราะการกลับมารู้สึกตัวอีกทีคราวนี้ หัวใจของเธอได้ชาอย่างสมบูรณ์แบบ มันทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างบ้าคลั่ง จนเธอแทบจะรับไม่ไหว

ยิ่งมาได้ยินช่างทำผมพูดแบบนี้ มันยิ่งตอกย้ำให้เธอได้ทราบถึงเหตุผลทั้งหมด ที่เขาได้มาด่วนทิ้งไป...

ไม่ผิดหรอก ใช้คำว่าด่วนทิ้งไป นี่แหละดีแล้ว เหมือนตายจากกันดี

เธอยอมรับว่าโกรธ โกรธมาก...แต่ความเสียใจมันกำลังกลบเกลื่อนให้เธอต้องเศร้าโศก มากกว่าจะโวยวาย

วินาทีที่เขาทำกับเธอขนาดนั้น เธอไม่ควรที่จะไปกอดขาอ้อนวอนเขาเลยด้วยซ้ำ เธอควรจะตะโกนด่าขับไล่ให้เขาไปให้พ้นจากชีวิต

แต่เพราะ ณ เวลานั้นความเสียใจมันมีมากกว่า เธอถึงได้ทำอะไรที่แสนจะโง่เง่าออกไป...

“อุ้ยตายแล้วคุณน้อง คุณพี่พูดแรงไปเหรอคะ ทำไมน้ำตาไหลพรากเลย” สีหน้ารู้สึกผิดของคนที่กำลังเป่าผมให้เธออยู่นั้น ทำเอาคนน้ำตาไหลไม่รู้ตัวต้องรีบปาดน้ำตายกใหญ่

“ไม่ใช่ค่ะพี่ ไม่ใช่ค่ะ...” เธอรีบปฏิเสธโดยไร้เหตุผลประกอบ

“หรือว่า...พี่ทึ้งผมน้องแรงไป พี่ขอโทษจริงๆ นะคะ” ความห่วงใยที่ชัดเจน ออกจากใจทำเอาน้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้จะรินไหลอีกรอบ

“เปล่าค่ะ ไม่ใช่ค่ะ...” เธอทำได้เพียงแค่ปฏิเสธอีกครั้ง โดยไร้เหตุผลประกอบเช่นเคย

เธอไม่รู้เลย ว่าจะบอกคนอื่นยังไงดีถึงสาเหตุ

“แสดงว่า ต้องมีเรื่องไม่สบายใจแน่ๆ เลยใช่ไหมคะ?” เจ้าของร้านผู้ไม่ยอมที่จะละเลยความเสียใจของลูกค้า รีบหมุนเก้าอี้ของเธอให้หันไปเผชิญหน้ากับกระจกเงา

“กี่วันแล้วคะ ที่ต้องร้องไห้จนตาบวมแบบนี้” คำถามที่แสนอาทรแต่ไม่ได้ตำหนินั้น ทำเอาเธอแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว

“เรื่องมัน..เพิ่งจะสดๆ ร้อนๆ เลยค่ะพี่ ฮึก...”

“โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะ งั้นก็ร้องไห้ออกมาเลยให้เต็มที่ เดี๋ยวพี่ค่อยๆ เป่าผมให้ เพราะเรามีอะไรที่จะต้องทำกันอีกเยอะ ตาบวมไปให้สุดแล้วค่อยมาหยุดที่ประคบตาจ้ะ!” ทีท่าเป็นกันเองและใส่ใจความรู้สึกเหมือนเธอเป็นน้องสาวคนหนึ่งของตน

ปิ่นมณีไม่รู้หรอกว่าใครเป็นคนจับเธอมาปล่อยไว้ที่นี่

แต่ก็แอบรู้สึกขอบคุณเขา แม้ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงจะคืออะไรก็ตาม เพราะอย่างน้อยๆ การได้สระผมจนสบายศีรษะขนาดนี้ ก็ช่วยบรรเทาความรู้สึกของเธอไปได้มาก

เธอเสียใจอยู่ก็จริง แต่ก็เริ่มได้สติ...

ว่าเธอควรจะปล่อยคนแบบนั้นออกไปจากชีวิตได้เสียที หลังจากที่เสียเวลามาตั้ง 9 ปี

เป็น 9 ปี...ที่ไม่มีความหมายอะไรเลย!

“นั่นมันผู้หญิงที่นั่งกอดขาผู้ชายร้องไห้อยู่ริมถนนนี่คะ!” เจนนี่ว่าอย่างตกใจ เมื่อภาพหน้าจอขนาดใหญ่กลางห้องโถงของคฤหาสน์ได้ถูกฉาย โดยที่มีคนตามขบวนทั้งหมดยืนดูอยู่ด้วย

“ดึกขนาดนี้ ร้านทำผม และดูแลผิวครบครัน เหลืออยู่ร้านเดียวแล้วครับท่าน” หัวหน้าทีมผู้รับคำสั่งรีบรายงาน ในขณะที่หน้าจอกำลังฉายภาพช่างทำผมกำลังเป่าและบำรุงผมให้กับผู้หญิงคนนั้นอยู่

“เสร็จแล้วให้พากลับมาที่นี่ พรุ่งนี้ช่วยจองร้านใหม่ไว้ให้ด้วย” เขาหันไปสั่งงานเลขาที่เพิ่งจะได้มาตามติด เพราะมัวแต่ไปเคลียร์งานอื่นให้อยู่

“ค่ะท่าน” พวงเพชร เด็ดเดี่ยว ตอบรับอย่างแข็งขัน แม้จะสงสัยแต่ก็ยังไม่กล้าเอ่ยปากถาม

“อย่าบอกนะคะ...ว่าท่านสนใจในตัวผู้หญิงคนนี้ ก็เลยจะเอามาชุบตัวให้ดูดีขึ้น?” เมื่อยังไม่ได้รับคำตอบ ล่ามสาวประเภทสองร่างใหญ่ก็ยังเลือกที่จะเดาต่อไป จนถูกซินแสมองปราม

“มีเหตุผลอะไร ก็รีบว่ามาเถอะท่าน” และซินแสฮ้อคงรีบถามเพราะอยากจะรู้เช่นกัน เพราะปกติคนอย่างเกริกหล้า ไม่ใช่ว่าจะหื่นกามไม่เลือกที่เลือกเวลา และตัดสินใจทำอะไรลงไปด้วยอารมณ์

“ผู้หญิงโง่คนหนึ่ง ก็คงไม่ต่างอะไรจากโคกระบือ” และคำตอบของเขาก็ทำเอาทุกคนแทบจะอ้าปากหวอ

“อะไรนะคะ ผู้หญิงโง่คนหนึ่ง?” เจนนี่ทำตาโต รู้สึกคุ้นๆ กับคำพูดนี้ เพราะตัวเองเพิ่งจะพูดไปตอนที่เห็นสภาพผู้หญิงคนนี้เมื่อช่วงค่ำ

“เธอเป็นคนพูดเองเจนนี่ ฉันได้ไอเดียนี้เพราะเธอ” เขาว่าอย่างสบายๆ รู้สึกพึงพอใจกับผลลัพธ์

“ไอเดีย? อย่าบอกนะคะว่า...” เธอรีบหันไปมองยังซินแสเชิงขอคำปรึกษา

“ได้ไหมซินแส ไถ่ชีวิตผู้หญิงที่โง่ยิ่งกว่าโคกระบือ พอจะทดแทนกันได้ไหม ไหนๆ ก็ยังหาโคกระบือจริงๆ มาไถ่ไม่ได้นี่” เขาตอบให้แบบกระจ่าง จนแต่ละคนอึ้งไปตามๆ กัน

“จะเอาอย่างนี้จริงๆ หรือครับท่าน”

“โอม ฝากสืบประวัติของเธอให้ละเอียด จะได้รู้ว่าจะทำให้ชีวิตโคกระบือตัวนี้ดีขึ้นยังไงบ้าง” คำสั่งของเขาคือการยืนยันที่ชัดเจนที่สุด ว่าไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้แล้ว

“ส่วนโคกระบือจริงๆ ซินแสก็หาแหล่งเอาไว้ได้เลย หาได้แล้วก็แจ้งเลขาให้เขาหาเวลาที่ฉันจะสามารถไปเลือกด้วยตัวเองได้ ฉันอยากจะพักผ่อนแล้ว” เขาว่าพร้อมลุกขึ้นยืน จนทุกคนต้องรีบลุกยืนตามพร้อมทำความเคารพ

คนบ้างานและทุ่มเทให้กับการดูแลทุกคนในตระกูลเจ้าพ่อนี้เป็นอย่างดี ไม่เคยมีโมเมนต์แบบนี้ให้ใครเห็นมาก่อน เขาทำตัวเหมือนไม่ใส่เหมือนเช่นปกติ

แต่...กลับดูผ่อนคลายมากกว่าครั้งไหนๆ

“แกคิดว่าท่านผิดปกติไหม เจ้าโอม” รีบสะกิดคนที่สนิทที่สุด พร้อมกระซิบถาม

“โคตรผิดปกติ คนอย่างท่าน..ไม่เคยสนใจชีวิตใครนอกจากตัวเอง”

“นั่นสิ นี่ก็ไม่คิดเลยนะ ว่าท่านจะหันไปมองข้างทาง ร้อยวันพันชาติเห็นแต่นั่งหลับตา ประหลาดจริงๆ” แล้วซินแสผู้นิ่งขรึมก็หันมามองสองคนที่กระซิบกระซาบกันเชิงตำหนิ

“แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ตัวเองได้แล้ว”

“แหม ท่านซินแสก็...ไม่สงสัยบ้างรึยังไง ไม่อยากรู้เลยรึไง” เจนนี่ผู้ช่างโวยวายก็ยังคงโวยวายต่อไป แต่ก็รีบแยกย้ายกันไปในทันที ปล่อยให้ซินแสฮ้อคงยืนมองตามผู้เป็นเจ้านายไปด้วยแววตาอ่านยาก

“โอเค...บำรุงผมเสร็จแล้ว ประคบตาให้เรียบร้อย ง่วงมั้ย...จริงๆ ร้านพี่เปิดเที่ยงคืนถึงหกโมงเช้า จะหลับยาวๆ ไปเลยก็ได้ เดี๋ยวพี่ดูแลผิวทั้งหมดให้” เจ้าของร้านที่แนะนำว่าตัวเองชื่อ บลูเบอร์รี่ สอบถามพูดคุยให้เธอได้ระบายความรู้สึกไปยกใหญ่ จนเริ่มดีขึ้นและไม่น้ำตาไหลแล้ว

“ขอบคุณมากเลยนะคะพี่ คืออันที่จริง...หนูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามาอยู่ที่ได้ยังไง” เธอว่าพร้อมหันไปมองหน้าร้าน ที่มีชายหนุ่มร่างใหญ่สองคนยืนคุ้มกันอยู่

“อย่าบอกนะคะ ว่าโดนจับตัวมา...” คนที่ดูละครบ่อยว่าไปอย่างนั้นแบบเชิงจะเล่นด้วย แต่แม่สาวเจ้ากลับพยักหน้าจริงจัง

“ใช่ค่ะ แต่อย่าเสียงดังไปนะคะ...หนูกลัวว่าพวกเขาจะได้ยินน่ะค่ะ” คำตอบของเธอทำเอาบลูเบอร์รี่หัวเราะคิกคัก

“โถคุณน้อง จะเล่นมุกทั้งทีก็เล่นเนียนเลยนะ มีที่ไหนล่ะโดนจับตัวมาส่งเข้าร้านเสริมสวย ไม่ใช่ว่าเป็นลูกผู้ดีไปแกล้งตกยากมาเหรอคะ แล้วมาชุบตัวเพื่อกลับคฤหาสน์น่ะ!”

ปิ่นมณีรีบส่ายหน้า ยอมในความช่างคิดและจินตนาการของคนที่ตัวเองเริ่มไว้เนื้อเชื่อใจ

“เพลาๆ ลงบ้างนะคะละครหรือซีรี่ส์น่ะ นี่มันชีวิตจริงนะคะ” เธอว่าเชิงกระซิบ และดึงให้เจ้าของร้านผ่อนเสียงตามตัวเองลง เพราะคนข้างนอกเริ่มหันมองเข้ามา

“เรานั่นแหละค่ะ ดูละครมากไปแล้ว หรือว่าเมาอะไรมารึเปล่าเนี่ย...ไม่ต้องกลัวว่าใครจะรู้หรอกค่ะว่ารวย พี่ไม่ถือ พี่ชอบรู้จักคนรวย มาใช้บริการบ่อยๆ ได้นะคะ จะเอาแบบแต่งหน้าให้เหมือนคนจนก็ได้ค่ะ แบบเผื่ออยากจะไปลองใจคนอื่นเล่นอีก” หญิงสาวคร้านจะให้เหตุผลหรือโต้เถียงกับคนที่ดูละครจนสามารถจะไปเขียนบทเองได้นั่น พร้อมส่ายหน้า

“โอเค แล้วแต่พี่เลยค่ะ...” แล้วเธอก็เอนตัวไปกับเก้าอี้นอนตัวใหญ่ เตรียมหลับใหลให้คนปรนนิบัติเต็มที่ เพราะเด็กในร้านเตรียมอุปกรณ์กันมาเรียบร้อย

เธอไม่รู้หรอกว่าใครจะต้องเป็นคนออกค่าใช้จ่าย

แล้วเธอจะต้องไปที่ไหนต่อ

“ช่างเถอะขอไม่รับรู้อะไรตอนนี้ก็แล้วกันนะ...” แล้วนิทราก็สวมสอด หอบเอาร่างของเธอลอยไปที่ไหนสักที่อีกครั้ง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel