จุ๊ๆ... มูเตรัก จิ้งจกทักต้องเชื่อ

62.0K · จบแล้ว
เทพีปรัมปรา
22
บท
1.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

คำโปรย “คุณจับฉันมาทำไม?” “สะเดาะเคราะห์” อารัมภบท เมื่อเจ้าพ่อผู้เชื่อเรื่องดวงชะตาดวงซวยหนักจนถึงขั้นต้องไถ่ชีวิตโคกระบือ แต่ก็ซวยจนถึงขั้นที่โคกระบือขาดตลาด ไม่สามารถสะเดาะเคราะห์ได้เร็วที่สุดตามใจต้องการ แต่แล้วเขาก็ได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งถูกบอกเลิกและกำลังกอดขาอ้อนวอนผู้ชาย ขอร้องไม่ให้เขาจากไป เขามองว่าผู้หญิงคนนี้โง่ยิ่งกว่าโคกระบือซะอีก จึงคิดว่าน่าจะทดแทนกันได้ และส่งคนไปฉุดเธอมา... ไถ่ชีวิตโคกระบือจริงๆ ยังไม่ได้ ก็ขอไถ่ชีวิตเสมือนโคกระบือไปก่อนละกัน เรื่องราวบ้าๆ นี้จะเป็นยังไงต่อไป ติดตามได้ในเรื่องเลยนะคะ

นิยายรักโรแมนติกตลกพลิกชีวิตแฟนตาซี โรแมนติกคนธรรมดาผู้สืบทอดไขความลับ

1

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก...

“โอเค เรียบร้อย...เอนตัวลงมาเลยค่ะคุณน้อง” สาวประเภทสอง ผู้พูดจาอย่างสนิทสนมกับลูกค้าสาวทุกรายอย่างรวดเร็ว

ไม่ได้พูดเปล่า

แต่ทำการจับคนที่ยังนั่งเกร็งแบบทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้น ให้เอนโน้มลงไปด้วยอย่างรีบร้อน

จนคนไม่ทันได้ตั้งตัว ใจหายใจคว่ำ!

“ผมไม่เสียเลย แต่เหมือนจะไม่เคยหวี...สระครั้งล่าสุดเมื่อไหร่คะเนี่ย...”

“โอ๊ะ!” ผมที่พันกันยั้วเยี้ย เมื่อถูกสางก็สร้างความเจ็บปวดไปทั่วหนังศีรษะ

“ทนหน่อยนะคะ พี่พยายามมือเบาที่สุดแล้วค่ะ!”

สาบาน?

“ทนไม่ไหวก็หลับไปได้เลยนะคะ น่าจะต้องใช้เวลาพอสมควรค่ะ...” แล้วกลิ่นเทียนหอมก็คลุ้งขึ้นมาสร้างบรรยากาศ คนไม่เคยดมมาก่อนในชีวิตไม่ทราบได้ว่า มันคือกลิ่นอะไร

ความปวดบริเวณท่อนแขนจากการถูกฉุดกระชาก ปวดเชิงประท้วงขึ้นมา จนเธอต้องใช้มืออีกข้างไปสลับกันบีบ

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก...

เร็วมากจนอยากจะตบหน้าตัวเองดูสักทีสองที ว่ามันคือเรื่องจริงหรือฝันไป แต่ความเจ็บแปลบที่หนังศีรษะเป็นระลอกๆ ก็ย้ำเตือนแล้วว่า เธอไม่ได้ฝันไปแน่ๆ

แต่แม้จะเจ็บแค่ไหน หนังตาสองข้างที่หนักมาหลายวัน ก็ค่อยๆ พร้อมใจกันปิดลง แบบเชื่องช้า

กลิ่นหอมของเทียนอโรมาเริ่มลอยห่าง เสียงเจื้อยแจ้วของเครื่องมือต่างๆ ในร้านเสริมสวยแห่งนี้ ก็ค่อยๆ เงียบลง

อา...ได้งีบซะหน่อยก็ดีเหมือนกัน

ย้อนไปเมื่อสองวันก่อนหน้า

“รู้ใช่มั้ย ว่าตัวเองทำงานพลาดมากี่ครั้งแล้ว” คำถามที่เหมือนไม่ได้ถาม ตามมาด้วยการโยนแฟ้มเอกสารลงตรงหน้า จนใบหน้าโทรมๆ ของคนผมยุ่ง เผือดลงกว่าเดิม

“หนูขอโทษค่ะ” ปิ่นมณี มีสาหรือเปลว รีบยกมือขึ้นพนมเชิงขอโทษ แบบรวดเร็ว

“พี่จ้างเราทำงานเป็นรายชั่วโมง แบบพาร์ทไทม์ เราจะเอาน้องออกเมื่อไหร่ก็ได้ แต่พี่ก็ยังไม่ทำ ยังให้โอกาสมาตลอด” ใบหน้าเคร่งขรึมของคนสวยดุ อย่างเจ้านายสาวใหญ่วัย 37 ปี ทำเอาใจของคนฟังห่อเหี่ยว

“หนูขอโทษค่ะ หนูสัญญาว่าจะไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก” เธอทำงานให้ที่นี่ในฐานะแอดมินดูแลเพจ โดยได้รับเงินตามชั่วโมงที่ได้มีการโต้ตอบหรือทำงานบนเพจตามที่ได้บันทึกเอาไว้

ไม่ใช่พนักงานประจำ ไม่ได้มีเงินเดือนหรือสวัสดิการแต่อย่างใด

“เราพูดแบบนี้มาห้ารอบแล้ว และนี่คือรอบที่หก...หมู่นี้เป็นอะไร ทำไมมาตรฐานถึงได้ต่ำลง” หญิงสาวก้มหน้างุด รู้ถึงสาเหตุที่ทำให้ตัวเองเป็นได้ถึงขนาดนี้

แต่ก็ไม่อาจจะจัดการมันให้ลงตัวสักทีได้

“พี่ว่า...เราคงจะไม่พร้อมทำงานอย่างจริงจังหรอก”

“หนูขอโอกาสอีกสักครั้งเถอะนะคะ หนูสัญญาค่ะว่าจะไม่มีความผิดพลาดเกิดขึ้นอีกแน่ๆ” เจ้าของร้านขนมชื่อดังหัวเราะลั่นขึ้นพร้อมส่ายหน้า

“พี่ว่าพี่โง่พอแล้วนะ อย่าให้พี่รู้สึกโง่ไปมากกว่านี้อีกเลย...เชิญค่ะ พี่ตัดสินใจแล้ว ว่าจะหาคนที่เขาพร้อมกว่ามาทำงานแทนน้อง” ใบหน้าหมองคล้ำ ที่เต็มไปด้วยรอยสิวเก่าใหม่ประปรายกันไปหมด มีหยาดน้ำตาร่วงลงมาหนึ่งหยด

ก่อนใช้มือปาดมันอย่างทันที ยกมือไหว้คนที่เคยให้โอกาสตัวเองอีกครั้ง ก่อนเดินคอตกออกจากร้านไป

‘งานประจำคุณยังทำได้ไม่ดีเลย ยังริแอบไปทำงานเสริม แบบนี้ผมคงเอาคุณไว้ไม่ได้’

เจ้าของบริษัทถ่ายรูป ทำป้ายไวนิลต่างๆ ที่เธอทำงานประจำอยู่ที่นั่น เพิ่งจะพูดประโยคนี้กับเธอไปเมื่อเช้า เมื่อเธอตัดงานส่งลูกค้าไม่ทัน เพราะมัวแต่ตอบแชทให้ลูกค้าของร้านขนม

เธอรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นมันไม่ถูกต้อง มันไม่สมควร...แต่เพราะรายรับกับรายจ่ายมันสวนทางกัน เธอก็ต้องเลือกที่จะต้องทำแบบนี้

เธอมีครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบ

มีค่าครองชีพของตัวเองอันสูงลิบลิ่ว ที่ต้องประคองให้มันอยู่ได้

รวมไปถึง...

‘แค่ขอยืมเองน่า แค่นี้ให้กันไม่ได้เหรอวะ?’

‘ให้ได้ แต่เมฆเล่นไม่คืนเราเลย เราก็เดือดร้อนสิวะ’

‘เฮ้ย พูดแบบนี้เธอหาว่าเราเกาะเธอกินเหรอ ทีเราช่วยเหลือเธออะ ตั้งแต่สมัยเรียนเราไม่เห็นเคยบ่นเลย เธอนี่มันไม่รู้จักสำนึกบุญคุณคนเลยว่ะ’

แฟนหนุ่มที่พึ่งพาไม่ได้ แถมยังเบียดเบียนหนักขึ้น หนักขึ้นทุกวัน...

ประชา ลอบเรืองหรือเมฆ เป็นแฟนคนแรกและคนเดียวของเธอ ที่คบกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย จนเรียนจบมหาวิทยาลัยล่วงเลยมาจนถึงวัยทำงาน ก็ยังคบกันอยู่

“ฮัลโหลเมฆ อยู่ไหนเหรอ?” และแม้ว่าเขาจะพูดจาร้ายกาจใส่แค่ไหน เวลามีปัญหาอะไรเธอก็หลีกเลี่ยงที่จะนึกถึงเขาเป็นคนแรก ไม่ได้เลยสักที

‘ทำงานอยู่ แค่นี้นะ’

‘ตู๊ดๆๆๆ’

“เดี๋ยวสิเมฆ เมฆ!” เขาคนที่เคยเป็นทุกอย่างมาเสมอ เข้าใจเธออย่างดีมาตลอด คอยอยู่เคียงข้างกันมา เปลี่ยนไปทุกวัน ทุกวัน และทุกวัน

‘งานที่นี่มั่นคงมากเลยนะ เงินเดือนก็ดี สวัสดิการก็ดี สังคมก็ดี...มีแต่คนหรูๆ รวยๆ’ ประชาเพิ่งจะได้งานทำดีๆ เมื่อหกเดือนก่อน จากที่ตกงานและขอเงินพ่อแม่ใช้ไปวันๆ มาหลายปี

เธอดีใจที่เขาได้งานการที่มั่นคงสักทีและเหมือนว่าจะแซงหน้าเธอไปแล้ว แต่รายจ่ายของเขากลับสวนทางกับรายได้ที่มี

จากคนที่พออยู่ได้...กลายเป็นคนขัดสน จากที่ไม่เคยรบกวนเธอเรื่องเงินเลย กลับรบกวนทุกๆ เดือน แบบไม่เคยจะชดใช้คืนให้

‘เธอขออะไรเราก็ให้ คบกันมา 9 ปีเธอขอไม่ให้มีอะไรกัน เราก็ไม่มี เธอคิดว่าเธอจะหาผู้ชายดีดีแบบเราได้ที่ไหนอีกวะ อย่าเรื่องเยอะ!’

ใช่...เพราะเขาทำตามที่เธอขอได้ และเธอก็เชื่อว่าคงจะหาผู้ชายแบบนี่ไม่ได้อีกแล้ว เชื่อว่าผู้ชายที่รอเรื่องนี้ไหวคือผู้ชายที่ดีมากๆ

ปิ่นมณีเดินคอตกไปตามพื้นถนน เธอยังมีอีกหนึ่งงานที่แอบทำหลังเลิกงานเป็นบางวันก็คือ พนักงานร้านสะดวกซื้อ เป็นคนคอยจัดของและทำความสะอาด เป็นร้านเล็กๆ ที่คนไม่ค่อยพลุกพล่านและเงินเดือนค่อนข้างน้อย

แต่เธอก็ยอมทำเพื่อให้มีรายได้อีกทาง มาจุนเจือตัวเอง

‘โทรมาอีกทำไมวะ! คนทำงานไม่เข้าใจรึไง!’

“เมฆคือว่า...เรา...”

‘ตู๊ดๆๆๆ’ หญิงสาวผู้ไม่ยอมแพ้กดโทรซ้ำอีกครั้ง แต่กลับโทรไม่ติด เพราะเหมือนว่าเขาจะบล็อกเธอไปแล้วเรียบร้อย

ความรู้สึกของคนที่ไม่เหลือใคร เป็นศูนย์โดยสมบูรณ์ เมื่อคนที่คิดว่าเป็นทุกอย่าง เลือกที่จะปิดกั้นช่องทางติดต่อ

ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยสิวและคล้ำหมอง นองไปด้วยน้ำตาระลอกแล้วระลอกเล่า หญิงสาวหาที่หลบมุมสำหรับการร้องไห้ได้อย่างสะดวก แบบที่ยังไม่อยากจะกลับห้องในเวลานี้

วันนี้เธอไม่มีงานที่ไหน เพราะเวรของร้านสะดวกซื้อคือวันพรุ่งนี้

ประชาเปลี่ยนไปตั้งแต่ได้เข้าทำงานที่นั่น เขาแต่งตัวดูดีขึ้น มีสังสรรค์บ่อยขึ้น มีรายจ่ายมากขึ้น...ออกรถราคาแพง แต่เงินเดือนกลับไม่พอผ่อน

เธอไม่สามารถเตือนอะไรเขาได้เลย นอกจากจำเป็นต้องให้เขายืมเงิน ในคราที่หมุนเงินไม่ทัน เขาทำตัวลับๆ ล่อๆ ปิดบังและไม่ค่อยมีเวลาให้ ทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อยขึ้น...จนแทบจะไม่มีอะไรต้องคุยกัน

เธอพยายามที่จะรักษาความสัมพันธ์ 9 ปีนี้ อย่างถึงที่สุด

ยอมรับว่าที่ทำงานพลาดบ่อยก็เพราะเรื่องพวกนี้ ที่มันรบกวนจนเธอรวนไปหมด รบกวนการทำงาน รบกวนการนอนหลับ การขับถ่าย หรือแม้แต่การดูแลตัวเองทุกรูปแบบ

เธอต้องทำงานหนักมากขึ้น ก็เพราะเขาไม่ยอมคืนเงิน แต่เธอยังต้องส่งเสียทางบ้านอยู่ไม่ขาดเหมือนกัน

‘ไม่ส่งสักเดือน พ่อแม่เปลวคงไม่ตายหรอกมั้ง’

‘เมฆ!’

‘หัดเอาเงินมาซื้อครีมทาบ้าง โทรมลงทุกวัน แก่จนไม่กล้าจะเดินด้วยแล้ว’ ผู้ชายอบอุ่นผู้แสนจะสุภาพของเธอ กลายร่างเป็นผู้ชายสันดานเสีย ที่ปากเสียขึ้นทุกวัน

ไม่รู้ว่าเขาเปลี่ยนไปหรือเพิ่งจะเผยทาสแท้!

เธอเสียใจแต่ก็เสียดายช่วงเวลาที่ผ่านมา...ทำให้เธอพยายามที่จะยื้อความสัมพันธ์มาเรื่อยๆ

Pin-manii: เมฆ เปลวถูกไล่ออกแล้วนะ เมฆทำงานเหรอ เปลวจะนั่งรออยู่หน้าบริษัทนะ เมฆเสร็จงานแล้ว โทรหาเปลวหน่อยนะ

ปิ่นมณีนั่งรถมารอเขาที่หน้าบริษัท พร้อมส่งข้อความไปบอกเขาเอาไว้ แต่เขาก็ไม่ยอมเปิดอ่าน...

แต่เธอก็พยายามอดทนรอ รอจนมืดค่ำแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าแฟนหนุ่มจะเดินออกมา

ปิ่นมณีมีเพื่อน มีครอบครัวแต่ไม่อยากที่จะโทรไปเล่าปัญหาของตัวเองให้ใครฟัง เพราะที่ผ่านมา...เธอก็มีแต่ประชาที่เป็นให้ทุกๆ อย่าง

ยิ่งในคราที่เธอเจอปัญหาหนักขนาดนี้ คนที่อยากจะให้อยู่เคียงข้างมากที่สุด ก็คงจะมีแต่เขา...

Make: ไปรอทำไม วันนี้ไม่ได้เข้าบริษัท มาคุยกับลูกค้าข้างนอก ไม่รู้เรื่องอะไรเลย

การตอบกลับมาของแฟนหนุ่มในเวลาที่ฟ้ามืดแล้ว ทำเอาคนที่เริ่มจะโหยหิว น้ำตารื้นขึ้นอีกรอบ...ความรู้สึกที่อยากจะกอดเขาแน่นๆ ให้หายเหนื่อย

กอดเขาแน่นๆ ให้หายหนาว มันทำเอาเธอแทบจะล้มทั้งยืน

“ทางนี้เลยจ้า...ดอกบัวสดๆ ถวายพระแม่ลักษมี เปิดถึงสามทุ่มเลยน้า ขึ้นไปไหว้กันก่อนได้ รักไม่สมหวัง งานไม่ก้าวหน้า เชิญมาทางนี้ได้เลย...” เสียงประกาศปาวๆ ของแม่ค้าขายดอกไม้ ทำเอาคนที่กำลังจะก้าวเท้าเดินไปเรื่อยๆ จำต้องหยุดชะงักลง

“พระแม่ลักษมีเหรอ...?” ปิ่นมณีเคยได้ยินผ่านหูผ่านตามาบ้าง ว่าพระแม่ศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องของความรักและความมั่งคั่งร่ำรวย แต่ก็ไม่มีโอกาสได้มากราบท่านสักที

“สนใจไหมหนู ป้าลดราคาให้เลยมา...รีบเลยก่อนที่ตึกจะปิด” เธอมองไปยังตึงด้านหลังที่ตั้งตระหง่านและเป็นที่ประดิษฐานเทวรูปขนาดใหญ่ของพระแม่

เธอรู้จักเกี่ยวกับที่นี่ แต่ไม่เคยได้มีโอกาสผ่านมากราบไหว้

ใช่...เธอไม่ได้ทันได้สังเกตด้วยซ้ำว่าตึกนี้ ใกล้กับตึกทำงานของประชา

“ขายยังไงคะ?”

เอาวะ ลองดูก็ได้

เมื่อมาถึงลานเทวรูปที่ผู้คนเริ่มซาลงแล้ว หญิงสาวที่ไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย นอกจากดอกบัวสีชมพูจำนวน 8 ดอกและดอกกุหลาบสีแดงอีก 8 ดอก กับผลไม้และขนมที่แม่ค้าได้ทำเป็นชุดเอาไว้พร้อมแนะนำวิธีการกราบไหว้

เสื้อผ้าที่ใส่ก็ไม่ได้เป็นสีชมพูตามที่ใครหลายคนบอกต่อ แต่ไม่เป็นไร...โอกาสหน้าค่อยมาอีกที หากพร้อมกว่านี้ แต่วันนี้เธอจำเป็นที่จะต้องมาไหว้ท่านก่อนจริงๆ

ปิ่นมณีคุกเข่าลงไปพนมมือ แหงนหน้ามองเทวรูปของท่าน ตั้งจิตให้เป็นสมาธิ...เหมือนตอนที่กำลังจะสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน

หลังจากที่ผจญกับความฟุ้งซ่านและคิดมากมาร่วมหลายเดือน เธอก็เริ่มหันไปพึ่งพาพระพุทธศาสนา เข้าวัด สวดมนต์และนั่งสมาธิ ซึ่งตั้งใจทำต่อเนื่องมาได้เดือนกว่าๆ แล้ว

มันทำให้จิตใจของเธอดีขึ้น...แต่สถานการณ์ต่างๆ ก็ยังไม่ได้ดีขึ้น

“พระแม่ขาลูกชื่อปิ่นมณี มีสา เกิดวันที่...อายุ 24 ปี ลูกไม่ได้มีของบูชาที่ครบพร้อมในวันนี้ แต่มีความตั้งใจดีที่จะมากราบพระแม่ค่ะ ขอพระแม่ได้โปรดเมตตาและรับเอาผลบุญที่ลูกได้เพียรสร้างในทุกๆ วัน ได้แก่...สวดมนต์ นั่งสมาธิ แผ่เมตตา อโหสิกรรมและกตัญญูต่อผู้มีพระคุณเป็นที่หนึ่ง

ขอให้ผลบุญทั้งหมดนี้ จงสำเร็จต่อพระแม่ลักษมี ขอให้พระแม่ได้โปรดประทานพรอันประเสริฐให้แก่ลูก ขอให้ลูกสมหวังในความรัก ขอให้ปัญหาในความรักของลูกกับแฟนคลี่คลาย กลับมาเข้าใจกันเหมือนเดิมด้วยเถอะนะคะ หากว่าเราสองคนคือคู่กันก็ขอให้ได้ลงเอยกันสักทีเถอะนะคะ....”

พอเธอนึกได้ว่าการขอแบบนี้ หากเขาไม่ใช่ ก็จะถูกดีดออกไปทันทีนั้น ทำเอาเธอใจหายวูบขึ้นมา...

“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าไม่ใช่ก็ขอให้จากกันไปโดนเร็วที่สุด แล้วขอให้พระแม่ส่งคนมาดามใจให้เร็วที่สุด ขอให้คู่แท้คนนั้นเดินทางมาเจอกันให้เร็วที่สุดด้วยนะคะ ไม่มีสเปคจะขอค่ะ...ขอแค่เป็นคนที่จะต้องได้อยู่ด้วยกันและเป็นคู่กันจริงๆ ก็พอค่ะ” เธอกัดใจว่าไปอย่างนั้น แม้ลึกๆ ก็อยากจะให้ประชากลับมารักตัวเองเหมือนเดิม

ยังคงมีความเชื่อว่า 9 ปีที่ผ่านมา...มันคงใช่แล้ว

เขาคงจะเป็นเนื้อคู่แล้ว...