บทที่ 4
“ถ้าจะเดินขึ้นตึกเรียน เธอจำเป็นต้องพรางตัวเล็กน้อยเพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย รีบเปลี่ยนชุดนั่นเร็วๆ เข้า” เพราะคำตอบที่ได้ทำให้ฉันต้องรีบเปิดถุงผ้าที่ได้รับออกดูทันที ข้างในมีชุดนักเรียนชายครบสูตรหนึ่งชุด แถมด้วยหมวกไหมพรมสีน้ำตาลเข้มและวิกทรงกะลาครอบอีกหนึ่งชิ้น
“ต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” นี่ฉันมาเรียนแลกเปลี่ยนหรือมาสืบราชการลับให้กับ FBI กันแน่นะเนี่ย จะลึกลับซับซ้อนไปไหนกัน
“หรือเธอจะเดินขึ้นตึกด้วยสภาพนี้ก็ได้ รับรองไม่ถึงสามก้าว ลมหายใจของเธอก็คงดับสลาย” คิดว่าขู่แบบนั้นแล้วฉันไม่กลัวรึไงกันยะ ฉันแลบลิ้นให้เซจุนที่กำลังหันหลังให้อย่างหมั่นไส้ พูดจาไม่น่ารักเหมือนหน้าตาเลยนะหมอนี่ เดี๋ยวก็ตบด้วยปากกระแทกด้วยหัวใจซะเลย
โฮะๆๆ ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เลยที่ยอมใส่ชุดที่หมอนี่ให้มา มันหลวมโพรกทั้งเสื้อ ทั้งกางเกง ทุเรศตัวเองเหลือเกิน ทำไมฉันจะต้องมาทำอะไรบ้าๆ แบบนี้ด้วยก็ไม่รู้! มันผิดพลาดตั้งแต่ที่รู้ว่าตัวเองต้องมาที่นี่แล้วล่ะ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะประธาน หนุ่มน้อยหน้าตาน่ากินข้างหลังนั่นใครกันคะ” เสียงแรดๆ ของใครบางคนทักทายขึ้น ก่อนร่างสูงโปร่งในชุดนักเรียนหญิงสุดสั้นจะเดินเข้ามาขวางทางสวรรค์ของเราทั้งคู่อย่างไม่กลัวตาย
“ถอยไป มินจุง หมอนี่เป็นเด็กใหม่ ต้องรีบไปรายงานตัว!” รุ่นพี่ตอบเสียงเข้มแล้วผลักยัยหน้าขาวให้ถอยออกห่าง ก่อนจะหันมามองหน้าฉันพร้อมทั้งอมยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างน่าสงสัย
“เมื่อกี้รุ่นพี่ยิ้มอะไรน่ะ!” ฉันถามขึ้นทันทีที่เราทั้งคู่ผ่านด่านชะนีมาได้
“ก็แค่แปลกใจว่าทำไมเธอในตอนนี้น่ารักกว่าตอนอยู่ในชุดผู้หญิงก็เท่านั้นเอง” อีตาบ้า! พูดอย่างนี้จะหาว่าตอนเป็นผู้หญิงฉันขี้เหร่สินะ ชิชะ!
ไม่นานนัก เราทั้งคู่ก็เดินมาถึงห้องที่มีป้ายเล็กๆ สีทองแปะเอาไว้ว่า ‘ห้องร้องทุกข์’ อยากจะรู้เสียเหลือเกินว่าเรามาทำอะไรที่นี่ แต่พอจะอ้าปากถาม ประตูห้องก็ถูกกระชากให้เปิดออกซะก่อน ทำให้ฉันต้องเงียบปากไปโดยปริยาย
ภายในห้องสี่เหลี่ยมมีตัวอักษรภาษาจีนแปะอยู่เต็มไปหมด หนำซ้ำโต๊ะใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางห้องก็ยังถูกออกแบบให้ดูเหมือนบัลลังก์ของท่านเปาที่ฉันชอบดูยังไงยังงั้น
“มากันแล้วสินะ ขอบใจเธอมากเซจุน” เสียงหวานทักทายเราทั้งสองพร้อมรอยยิ้มสดใส ร่างสูงโปร่งของผู้หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาประจันหน้าฉันพร้อมทั้งส่งยิ้มหวานมาให้อีกครั้ง
“ส่วนหนูคงจะเป็นคิมเซรันสินะ ฉันทายถูกไหม”
“ถะ...ถูกค่ะ”
“ได้ข่าวว่าเมื่อคืนหนูได้พบกับซองดู แถมยังไม่ถูกสั่งเก็บด้วย” ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้อยากรู้เรื่องเลวร้ายที่ฉันอยากจะลืมนั่นด้วย
“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ จริงๆ แล้วหมอนั่นถูกขัดคอเลยฆ่าหนูไม่สำเร็จต่างหาก ผู้ชายบ้าอะไร! แค่มองหน้าก็ถูกบีบคอจนเกือบตายแล้ว นิสัยแย่แบบนั้นพ่อแม่คงไม่มีเวลาสั่งสอนแน่ๆ”
เพราะคำถามที่ได้รับดันเป็นชนวนความโกรธแค้นที่ฝังลึกอยู่ในใจ ทำให้ฉันระบายอารมณ์กดดันใส่ผู้หญิงตรงหน้าไม่ยั้ง ไม่ไหวจะเก็บแล้วล่ะ ขอระบายหน่อยเถอะ!
“อะ...เอ่อ คงจะเป็นอย่างที่หนูว่านั่นแหละจ้ะ เพราะว่าทั้งฉันและสามีของฉันมีงานเยอะแยะเต็มมือไปหมด เราเลยไม่ค่อยจะมีเวลาดูแลเขามากกว่านี้ ขอโทษแทนเจ้าลูกชายตัวดีของฉันด้วยนะจ๊ะ” ทำไมเป็นคนที่มารยาทดีแบบนี้กันนะ แต่เดี๋ยวก่อน!!
“คะ...คุณว่าไงนะคะ”
“ขอโทษแทนซองดูลูกชายของฉันด้วยนะจ๊ะ” พระเจ้า! งานนี้ฉันถูกฆ่าแน่ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย ผู้หญิงคนนี้...เป็นแม่ของเจ้าหมอนั่น เมื่อกี้ฉันพูดอะไรออกไปบ้างล่ะเนี่ย โถๆ ให้มันได้อย่างนี้สิ หนีลูกมาเจอแม่เนี่ยนะ ชีวิตฉันยังเศร้าได้อีก
“ได้โปรดถ้าจะฆ่าหนู อย่าฆ่าด้วยวิธีซาดิสม์ๆ เลยนะคะ ขอเจ็บนิดๆ แล้วค่อยๆ จากไปอย่างสงบ หมั่นทำบุญให้หนูบ้าง และอย่าลืมส่งข่าวไปให้ญาติที่ญี่ปุ่น...”
“เดี๋ยวจ้ะเดี๋ยว! ฉันไม่ทำแบบนั้นหรอกนะ อะไรทำให้หนูคิดแบบนั้นกันนะเนี่ย”
“กะ...ก็คุณเป็นแม่ของไอ้บ้านั่น ละ...แล้วเมื่อกี้หนูก็ดัน...”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย ฉันรู้ดีว่าลูกชายตัวเองนิสัยแย่แค่ไหน ชักถูกชะตาด้วยแล้วสิเนี่ย อะไรทำให้เจ้าลูกบ้าคิดแค่จะทำร้ายเธอมากกว่าฆ่าให้ตายกันน่ะ ตอนนี้ฉันพอรู้แล้วล่ะ” รอยยิ้มของผู้หญิงคนนี้ยังสดใสเสมอต้นเสมอปลาย ในขณะที่ฉันในตอนนี้แทบจะสลายกลายร่างกลับไปเกิดใหม่อยู่แล้ว เล่นมาว่าลูกต่อหน้าแม่แบบนี้ ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแล้วล่ะ
“วันนี้เธอยังไม่มีที่พักใช่ไหมล่ะจ๊ะ จะกลับหอก็คงเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่ งั้นวันนี้ไปพักที่บ้านฉันก็แล้วกันนะ” หัวใจแทบจะหล่นวูบลงไปกองอยู่ที่พื้นพรมทันทีที่แม่ของหมอนั่นซึ่งตอนนี้ฉันก็ยังไม่รู้จักยื่นข้อเสนอมาให้
เพราะกลัวว่าเราจะเมื่อย เธอก็เลยเชิญให้มานั่งจิบชาที่โซฟาสีเหลืองสดใส และตอนนี้เซจุนประธานนักเรียนก็ขอตัวไปเข้าเรียนแล้ว เหลือแต่ฉันที่ยังคงนั่งทำหน้างงงันต่อไป
“อย่าได้ทำแบบนั้นเลยนะคะ ให้หนูไปนอนที่โบสถ์ สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า หรือว่าจะที่ไหนก็ได้ แต่อย่าไปที่บ้านของคุณเลย ขืนหมอนั่นรู้เข้ามีหวัง...” ไม่อยากจะคิดเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าหมอนั่นรู้ว่าคนที่เขาประกาศจับนั้นแอบหลบไปนอนสบายใจเฉิบอยู่ในบ้านของเขาซะเอง ไม่อยากจะคิดเลยด้วยว่าสภาพศพของฉันจะเละแค่ไหน
เขาอาจจะฆ่าฉันแล้วเอาศพไปโบกปูนทำเป็นศิลปะประติมากรรมชั้นยอดอำพรางคดีก็ได้ใครจะรู้ หมอนั่นป่าเถื่อนแค่ไหน ฉันลิ้มลองมาแล้ว
“ฮึ! เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงไปหรอกจ้ะ เพราะซองดูไม่ได้กลับบ้านมาเป็นปีๆ แล้ว เขามักจะเที่ยวเตร่อยู่ที่ผับ ไม่ก็อยู่ที่หอพักเท่านั้น เด็กคนนั้นความจริงแล้วไม่ได้เลวร้ายหรอกนะ ถ้าเธอรู้จักเขาที่เป็นเขาจริงๆ” นั่นยังไม่เรียกว่าเป็นตัวของตัวเองอีกรึไง คอฉันเกือบหักเลยนะรู้ไหม ถึงจะด้านไหนของหมอนั่น ฉันก็ไม่พิศวาสอยากจะรู้จักเลยสักนิด
“ถะ...ถ้าคุณมั่นใจแบบนั้นก็ได้ค่ะ ก็ดีกว่านอนบนต้นไม้ล่ะน้า” ฉันจำต้องยอมรับข้อเสนอของแม่ศัตรูอย่างจำใจ ทำไงได้ล่ะ มันคงจะไม่บังเอิญอันตรายขนาดที่ว่าหมอนั่นจะดันคิดถึงบ้านจนกลับไปเยี่ยมในวันนี้หรอกนะ ไม่มีความบังเอิญที่น่ากลัวแบบนั้นอยู่บนโลกแบบนี้หรอก เชื่อสิ
และให้ตาย...ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าฉันกำลังจะบุกรังปีศาจร้าย โอ้วว~ ชักจะตื่นเต้นขึ้นมาหน่อยๆ แล้ว
