บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

“ไม่หรอก ฉันสัมผัสได้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมกำลังคืบคลานอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี้แหละ กลิ่นของศัตรู...” แว้กกกก!!~ ยัยบ้านั่นท่าทางน่ากลัวเป็นบ้า มีบรรพบุรุษเป็นหมารึไงยะ ถึงได้ดมกลิ่นเร็วปานนั้นน่ะ ทำไงดี จะอยู่ตรงนี้รอให้พวกนั้นดมกลิ่นจนเจอก็ไม่ได้ จะวิ่งหนี ขาเจ้ากรรมก็ดันก้าวไม่ออกซะดื้อๆ นี่ฉันก้าวล้ำเข้ามาในอาณาเขตแห่งนี้แค่เพียงสามก้าวก็ต้องมาจบชีวิตลงแล้วหรือเนี่ย ไม่นะ! ใครมันจะไปอยากตายกันเล่า

“พวกเธอมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มีจอง!” เสียงสวรรค์ดังขึ้นก่อนร่างสูงของผู้มาเยือนใหม่จะเดินสง่าเข้ามาหากลุ่มผู้หญิงอันตรายกลุ่มนั้น

ใบหน้าขาวเนียนสไตล์เกาหลี คิ้วเข้ม ปากนิด ผมสีทรายดูดีไปอีกแบบ เทวดามาโปรดฉันแล้วแหงๆ หล่อจังเลยแฮะ อยากจะลองเข้าไปสัมผัสเรือนผมสีสวยนั่นสักครั้งจังเลยอ่า~ นี่ฉันเพ้ออะไรอยู่เนี่ย

“แล้วนายล่ะมาทำอะไรที่นี่ เซจุน”

เนื้อคู่แน่ๆ ขนาดชื่อเกาหลียังคล้องจองกันซะขนาดนี้ ไม่ใช่เนื้อคู่ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว หลายคนอาจจะแปลกใจที่ว่าทำไมชื่อฉันถึงเป็นชื่อเกาหลี ก็เพราะคุณยายของฉันที่มีเชื้อสายเกาหลีเป็นคนตั้งให้ ฉันเลยกลายเป็นเด็กญี่ปุ่นที่มีชื่อเกาหลีไปโดยปริยายอย่างไม่ต้องสงสัยไงล่ะ

ช่างเรื่องไร้สาระไม่มีแก่นสารของฉันก่อนเถอะ มาดูสถานการณ์ตรงหน้ากันต่อดีกว่าว่าชายหนุ่มสุดหล่อคนนั้นเขามาทำอะไร เอ๊ะ หรือว่าจะมาช่วยฉันกันนะ

“สายฉันรายงานมาว่าเด็กนักเรียนที่ย้ายเข้ามาเรียนที่นี่มักจะเดินทางไปไม่ถึงห้องประธานนักเรียน เพราะมักจะมีพวกลิ่วล้อมาดักหน้าอยู่เสมอ ซึ่งฉันไม่แปลกใจเลยสักนิดว่าพวกที่เป็นแค่สมุนจิ้งจกที่ว่าจะเป็นเธอ!” เสียงเรียบเฉยราวกับไม่เกรงกลัวสิ่งใดพูดขึ้น

น้ำเสียงของเขามันช่างทรงพลังอำนาจอะไรเช่นนี้นะ ฉันไม่ได้คิดไปเองแน่นอน เพราะถ้าฉันคิดไปเอง ยัยผู้หญิงพวกนั้นคงไม่ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าแบบนี้หรอก

“ฉันก็แค่มารอต้อนรับเด็กใหม่ก็เท่านั้นเอง ถ้าไม่เก่งจริง...ยังไงซะก็คงไม่รอดถึงสามวันแน่ๆ จะให้พวกที่ไม่เอาไหนเข้าไปเหยียบสถานที่ที่เต็มไปด้วยความสนุกแบบนั้นได้ยังไงกัน!” ยัยมีจองหัวหน้าแก๊งสาวโหดพูดขึ้นหน้าตาเฉย ถ้าเลือกได้ เธอคิดว่าฉันพิศวาสอยากจะมาเหยียบที่นี่นักรึไงกันเล่า ไม่มีใครเขาอยากจะมาเลยสักนิด โดยเฉพาะฉัน!!

“เรื่องนั้นไม่ใช่หน้าที่ของเธอที่จะมาพิสูจน์ ในฐานะที่ฉันเป็นประธานนักเรียนของที่นี่ ฉันขอสั่งให้พวกเธอจงไปซะ!”

ใช่ๆๆ ไปให้หมดเลย จะไปไหนก็ไปเลยไป๊!

“เชอะ! ฝากไว้ก่อนเถอะเซจุน พวกเรา ไป!!” เมื่อเลือกไม่ได้ ยัยสาวจอมโหดก็เดินจากไป ฉันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก สองมือกุมแนบหัวใจเพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่าง อย่างน้อยๆ หัวใจฉันมันก็ยังคงเต้นอยู่นึกว่าจะต้องตายจริงๆ แล้วนะเนี่ย

“ออกมาได้แล้ว” เสียงเข้มๆ ดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่ฉันจะหันซ้ายหันขวา มองดูชายหนุ่มตรงหน้าว่าเขาพูดกับใครอยู่กันแน่

“.....”

“ถ้าไม่ออกมาก็ซ่อนอยู่ตรงนั้นรอให้ใครสักคนมาเห็นแล้วฆ่าเธอก็แล้วกัน ฉันไปล่ะ” ว่าจบชายหนุ่มก็ทำท่าว่าจะเดินจากไป ทำให้ฉันต้องรีบออกจากที่ซ่อนอย่างด่วนแบบไม่กลัวตาย

“เฮ้ๆๆ เดี๋ยวสิ! ฉันออกมาแล้วนี่ไง” เขารู้ได้ยังไงกันนะว่าฉันซ่อนอยู่ตรงนั้น มีตาหลังรึไงกันผู้ชายคนนี้

“ถ้าคิดจะหลบซ่อนให้มิดๆ เสียงหายใจควรจะเบากว่านี้ ไม่งั้นเธออาจจะตายโดยที่ไม่รู้ตัว” เลิกพูดเรื่องตายสักทีจะได้ไหมเนี่ย ไม่มีคำอื่นที่ฟังแล้วทำให้ฉันมีกำลังใจที่จะหายใจต่อไปรึไงกันเล่า

“ขะ...ขอบคุณที่ช่วยนะ ถ้าไม่ได้นาย ฉันคงแย่”

“ฉันก็แค่ทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ว่าแต่เธอ...” เว้นช่วงก่อนจะก้มมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาเหยียดหยาม “...คิดยังไงถึงได้มาเรียนแลกเปลี่ยนที่นี่ ไม่มีวิธีฆ่าตัวตายแบบอื่นที่ดีกว่านี้แล้วรึไง”

“ฉันถูกอาจารย์ปล่อยเกาะน่ะสิ ทั้งๆ ที่ลงชื่อจะไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศไทยแล้วแท้ๆ มารู้ตัวอีกทีก็ถูกหลอกให้เซ็นชื่อมาเรียนแลกเปลี่ยนที่เกาหลี แถมยังเป็นที่นี่อีกต่างหาก!” ฉันรีบเล่าชีวประวัติความเป็นมาของความซวยให้ชายตรงหน้าฟัง

“หึ! ชีวิตเธอมันหดสั้นลงแล้วล่ะสาวน้อย ก่อนตายอยากจะทำอะไรก็จงรีบทำซะ ไม่งั้นตายไปอาจจะเสียดาย” ปัดโธ่เว้ย!! ก็บอกแล้วไงว่าเลิกพูดเรื่องพรรค์นั้นสักที นี่ฉันต้องมาตายในที่แบบนี้จริงๆ เหรอเนี่ย

ใครมันจะไปรับได้ ยังไงซะฉันก็จะไม่มีวันยอมตายแน่นอน ฉันต้องรอดไปจากโรงเรียนนรกแห่งนี้ให้ได้ ต้องทำให้ได้!

ฉันเดินตามหลังนายเซจุนมาจนถึงหอพัก ระหว่างทางที่เดินมาจนถึงที่นี่ หมอนั่นก็อธิบายถึงกฎ กติกา มารยาทและทักษะการเอาตัวรอดให้ฉันฟังอย่างคร่าวๆ

ทุกคนที่นี่ถูกบังคับให้ต้องอยู่หอในตลอดการศึกษา ก่อนสามทุ่มนักเรียนชาย-หญิงจะต้องไปลงชื่อเข้านอนที่ห้องโถงใหญ่ภายในหอทุกวัน ถ้าไม่อยากกลายเป็นศพก็จงอย่าไปช้าแม้วินาทีเดียว

หอพักของที่นี่สร้างเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ มีห้องโถงใหญ่ที่ว่าตั้งตระหง่านอยู่ชั้นล่างตรงกลางเพื่อกั้นเขตแดนระหว่างชาย-หญิง มีด้วยกันทั้งหมดสิบสามชั้น ชั้นบนสุดเป็นเขตหวงห้ามเพราะเป็นที่พำนักของเหล่ายอดนักสู้ที่ควบคุมโรงเรียน นี่ฉันมาศึกษาหาความรู้หรือมาทำสงครามโลกกันแน่นะเนี่ย!

“นี่ก็เลยเวลาอาหารเย็นไปมาก คงไม่มีอาหารเหลือแล้วล่ะ สามทุ่มตรงให้เธอรีบลงไปที่ห้องโถงชั้นล่าง รายงานตัวกับลีซัมซุน หมอนั่นเป็นประธานของหอพักรวมแห่งนี้ เอ๊าะ! ที่หลังเธอต้องเรียกฉันว่ารุ่นพี่เพราะฉันแก่กว่าเธอหนึ่งปี หมดหน้าที่ของฉันแล้วโชคดี” ไม่รอให้ฉันได้ทันถามเรื่องมากมายที่อยากจะรู้จนอกแทบระเบิด เซจุนก็เดินจากไปอย่างเงียบๆ ทิ้งให้ฉันต้องยืนอยู่หน้าห้องพักหมายเลข 13 แต่เพียงผู้เดียว

แล้วฉันจะตรัสรู้ได้ยังไงว่าคนไหนคือลีซัมซุนอะไรนั่นของนายกันน่ะหาา~

[อีกสิบห้านาทีจะสามทุ่มตรง]

ถึงจะกลัวจับใจแค่ไหน แต่ยังไงซะฉันก็ต้องทำตามกฎของที่นี่ แต่ละก้าวของการเดินตามหาประธานหอพักนั้นฉันถูกสายตานับร้อยๆ คู่จ้องมองอย่างไม่ขาดสาย

“ยัยนั่นใครกัน...ไม่เคยเห็นหน้า”

“เห็นว่าเป็นเด็กใหม่ ได้ข่าวว่าเซจุนของพวกเราลดตัวไปรับถึงหน้าโรงเรียนแน่ะ มันน่านักเชียวนังนั่น!!”

สายลมแห่งความอาฆาตพัดโฉบผ่านหน้าฉันไปในทันทีที่สองสาวเสวนากันจบประโยค แต่นี่มันไม่ใช่เวลาที่ฉันจะมามัวกลัวอยู่แบบนี้ ต้องหาประธานหอให้เจออย่างเร่งด่วนแล้วล่ะ ว่าแต่นายซัมซุนที่ว่ามัวแต่ไปมุดอยู่ที่รูไหนกันล่ะเนี่ย

ตึกตึกตึ่ง!!!

ราวกับเกิดแผ่นดินไหวกลางห้องโถงใหญ่ เมื่อฉันดันเซ่อเดินไปชนแผงอกกว้างของใครบางคนเข้าให้อย่างจังโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ เจ็บปวดรวดร้าวแบบนี้หัวฉันแตกรึเปล่านะ ฉันที่เป็นฝ่ายชนเขาแท้ๆ กลับล้มก้นจ้ำพื้นเสียเอง น่าอายกว่านี้มีอีกไหมเนี่ย

ฉันคิดไปเองรึเปล่านะว่าบรรยากาศที่ก่อนหน้าเคยเสียงดังสนั่นหู บัดนี้กลับเงียบกริบลงทันทีที่ฉันสะเหล่อเดินไปชนร่างสูงของใครบางคน สิ่งที่ฉันเห็นอยู่ตรงหน้าตอนนี้มีแค่รองเท้าหนังสีดำเงาวับเท่านั้น ความเงียบที่ไม่มีแม้กระทั่งเสียงลมพัดทำให้ฉันไม่กล้าเงยขึ้นมองคนตรงหน้า ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างที่ฉันเองก็ไม่สามารถหาคำใดมาอธิบายเป็นคำพูดได้ แค่ทำตามสัญชาตญาณเอาตัวรอดเท่านั้น

บรรยากาศยิ่งเงียบยิ่งน่ากลัวแฮะ

“ขะ...ขอโทษด้วย พอดีว่าฉันไม่ทันดู...” ฉันรีบขอโทษขอโพยก่อนจะลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและทำท่าว่าจะจากไปแบบเนียนๆ แต่เพียงแค่สามก้าวที่ฉันกำลังจะเดินหนีความผิดที่ไม่ได้ตั้งใจ ร่างฉันก็ถูกกระชากอย่างแรง ส่งผลให้ฉันหันมาสบตากับเจ้าของมือปริศนาเข้าให้อย่างจัง...

ทันทีที่เห็นใบหน้าของเจ้าของมือปริศนา ฉันก็อ้าปากด้วยความตกใจ หัวใจเต้นรัวขึ้นอย่างไร้เหตุผล หน้ามืด เลือดลมในท้องตีกันพัลวันไปหมด

ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มนิรนามต้นเหตุที่สามารถทำให้เสียงที่ดังราวนรกแตกเงียบลงได้ใช้ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองราวกับว่าฉันเป็นตัวน่าเกลียดน่ากลัวก็ไม่ปาน ทำให้อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าฉันทำอะไรผิดมากนักรึไง แค่เผลอจ้องหน้าเขานานไปหน่อยเท่านั้นเอง ก็ใครใช้ให้หมอนี่เกิดมาหน้าตาหล่อจนฉันละสายตาไม่ได้กันล่ะ มันไม่ใช่ความผิดของฉันเลยสักนิดนะ เขานั่นแหละที่ผิด!!

“อะ...โอ๊ย นี่!!”

คิ้วหนาทั้งสองเริ่มขมวดเข้าหากัน มือหนาที่กำลังจับต้นแขนฉันอยู่จู่ๆ ก็ออกแรงบีบโดยไม่รู้สาเหตุจนฉันต้องร้องเสียงหลงเพราะความเจ็บ หมอนี่กินอะไรเป็นอาหารเช้ากันแน่นะ พละกำลังถึงได้มีมากมายแบบนี้ ริมฝีปากบางกระจับเริ่มจะมีรอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นมา ราวกับว่ามีความสุขที่เห็นฉันส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดยังไงยังงั้น ป่าเถื่อนซะจริงหมอนี่!!

และที่สำคัญไปมากกว่านั้น ทำไมถึงได้มองฉันด้วยสายตาอาฆาตพยาบาทแบบนั้น ด้วยหน้าตากับนิสัยไปคนละทางเลย ผู้ชายคนนี้หน้าตาโคตรจะดีแต่นิสัยเลวชาติชะมัด!!

“ใครอนุญาตให้เธอมองหน้าฉัน ยัยโง่!” นะ...นั่นปากเหรอ แล้วเมื่อกี้นี้เขาว่าไงนะ ยัยโง่อย่างงั้นเหรอ...มากไปแล้วนะ กล้าดียังไงมาด่า คนที่เพิ่งจะเคยเจอครั้งแรกด้วยคำพูดที่รุนแรงแบบนั้น

“แล้วทำไมฉันจะต้องขออนุญาตนายด้วย มีป้ายติดเอาไว้ตรงหลืบไหนไม่ทราบว่ากำลังซ่อมแซมอยู่ ห้ามมองน่ะ” ไม่รู้ว่าฉันไปเที่ยวขุดเอาความกล้ามาจากไหน รู้ตัวอีกทีฉันก็สามารถทำให้คนทั้งห้องโถงอ้าปากค้างไปตามๆ กันเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำของฉันเอง

สรุปคือ...ฉันไม่ควรจะพูดแบบนั้นสินะ

“เธอกล้าดียังไง” ร่างสูงขบฟันพูด ก่อนจะคลายมือที่บีบต้นแขนฉันออก แต่เปลี่ยนมาเป็นบีบที่คอฉันแทน อ๊ากกก!! หมอนี่กะจะฆ่าฉันให้ตายคามือเลยรึไง แค่เดินชนเท่านั้นเองนะ แค่เดินชนจริงๆ น้า~

“ฉะ...ฉันขอโทษนายก็ได้ ทีนี้ปล่อยฉันไปได้รึยัง...แค่ก” ฉันพูดตะกุกตะกักพร้อมทั้งพยายามไขว่คว้าหาที่พึ่งพิง แรงบีบที่คอก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ฉันจะตายอยู่แล้วนะ

“เฮ้ย! นั่นมันยัยเซ่อที่เจอเมื่อวานนี่หว่า ไปทำอีท่าไหนถึงได้มาอยู่ที่นี่กันล่ะเนี่ย” เสียงเข้มๆ ดังขึ้นในขณะที่เปลือกตาฉันใกล้จะปิดเต็มที ลมหายใจเฮือกสุดท้ายกำลังจะหมดลงในไม่ช้า อะไรกัน นี่ฉันเปิดตัวมาได้สองตอนเศษๆ จะต้องมาตายแล้วเหรอเนี่ย ไม่นะ ฉันไม่ย้อมมมม!!~

“แกรู้จัก?”

เสียงของไอ้ซาตานจอมโหดถาม ขณะที่มือหนาก็ยังคงกำคอฉันเอาไว้แน่น ฉันรู้สึกเหมือนว่าเท้าทั้งสองของตัวเองลอยขึ้นจากพื้นเพราะถูกยก โฮ ชีวิตที่ใกล้จะตายนี่มันช่างน่ากลัวอะไรเช่นนี้

“ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวหรอก แต่นั่นมันผู้หญิงนะโว้ย แกจะฆ่าคนในห้องโถงที่ฉันชอบมานั่งจู๋จี๋กับสาวๆ ไม่ได้นะ”

“แล้วแกจะสั่งให้ฉันปล่อยเธอ...”

“ฉันไม่บังอาจขนาดนั้นหรอก แค่อยากจะบอกให้แกคิดดูให้ดี ถ้ายัยนี่ตายไป ประชากรหญิงสวยก็ต้องลดลงไปอีกหนึ่งคนเชียวนะเว้ย”

“แอ่กๆ ปละ...ปล่อยฉันนะ ขะ...ขอโทษ” ฉันได้แต่พร่ำบอกคำว่าขอโทษไปอย่างไม่คิดถึงศักดิ์ศรี วินาทีนี้ไม่มีใครใจกล้าเข้ามาช่วยฉันเลยจริงๆ สินะ ใจร้ายเกินไปแล้วนะคนพวกนี้

“สัญญาสิว่าจะยอมเป็นทาสของฉันไปจนวันตาย” ไอ้โหดนั่นมันว่าไงนะ ให้เป็นทาสมันอย่างงั้นเหรอ แถมยังค่อยๆ คลายมือออกจากคอของฉันนิดหน่อยเพื่อให้ฉันเปิดปากพูดได้ ฉันควรจะขอบใจเขาด้วยดีไหมล่ะเนี่ย?

“รีบสัญญาสิยัยทึ่ม ไม่งั้นเธอตายแน่!” นายคนนี้!! คนที่เจอกันเมื่อวานนี่นา ไอ้หน้าหล่อที่เข้ามาทักตอนที่ฉันกำลังแอบดูไอ้พวกนักเลงยกพวกตีกัน เขามาทำอะไรที่นี่

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel