Chapter 2 : ข้ามถิ่น (2)
ตึงงง!!!!!!
"!!!?"
เสียงโครมครามจากเบื้องล่าง ทำให้ทั้งสองรีบลุกจากที่นั่งออกไปดูทันที
"อีกแล้ว..."
เจียงซินเอ่ยเสียงเรียบขณะมองจากระเบียงลงไปยังชั้นล่าง ปฏิกิริยาของเธอแตกต่างจากการจลาจล ของเหล่าชายฉกรรจ์นับสิบที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ซึ่งไห่ถังเดาว่าคงเป็นการทะเลาะวิวาท ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวันจนชินตา
แต่ไม่ใช่สำหรับไห่ถัง...
'นะ...นี่มัน... เกิดอะไรขึ้น!?'
"...."
'ทำไมพวกเขามาตีกันในร้าน!?'
ไห่ถังร้องถามด้วยความตื่นตระหนก ท่ามกลางเสียงข้าวของแตกกระจาย และเสียงหวีดร้องของแขก
"เจียงซิน!!!"
หญิงสาวร่างเล็กที่ถูกดันหลังขึ้นมายังชั้นสอง โผเข้ากอดเจียงซินด้วยน้ำตานองหน้าและตื่นกลัว
"เกิดอะไรขึ้นฟู่จิน?"
"พวกไป่หลงมาเก็บค่าคุ้มครอง แต่อยู่ๆ พวกไหนก็ไม่รู้เอามีดมาฟันเขาตายคาร้านเลย"
"วะ...ว่าไงนะ!?"
"พวกมันกำลังจะขึ้นมา รีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ!!!"
คำเตือนของพนักงานที่ตะโกนขึ้นมาทำให้เจียงซินหน้าซีดเผือด และคว้าผ้าสีเข้มคลุมร่างของเธอทั้งสองไว้ และกำลังจะวิ่งลงไปจากบันได
"ลงมาทำไม รีบกลับขึ้นไปเดี๋ยวนี้!!!"
เสียงของลู่เสวียนที่กำลังขวางทางบันได คำรามกร้าวอย่างน่ากลัว ทำให้สองสาวจำต้องวิ่งกลับขึ้นมาอีกครั้ง
โครมมม!!!!
ร่างสูงใหญ่ในชุดเครื่องแบบสีดำถูกลู่เสวียนถีบยอดอกจนหงายหลัง และกวาดเอาทุกอย่างที่อยู่ใกล้มือล้มระเนระนาด
"ทำยังไงดีล่ะเจียงซิน?!!"
"ฉันกำลังโทรหาผู้ดูแลของไป่หลง"
เจียงซินปิดล็อกประตูห้องทำงานอย่างหนาแน่น และเดินวนไปมาเป็นหนูติดจั่นระหว่างรอให้พวกเขารับสาย
[...ฮัลโหล? ...]
"ฉะ...ฉันเจียงซินนะคะ"
[...เราอยู่หน้าร้านแล้ว!!!...]
เสียงร้องตะโกนดังสวนออกมา ทำให้หญิงสาวสะดุ้งรีบกดวางสาย
"เขา...วะ...ว่าไง!?"
"พวกเขากำลังจัดการอยู่ ตอนนี้กำลังเข้ามา"
พลักกกกก!!!!
ประตูบานใหญ่ถูกถีบเข้ามาจนแทบจะหลุดออกทั้งบาน ทั้งสองกรีดร้องอย่างสุดเสียง เมื่อถูกชายกว่าสามคนปรี่เข้ามาทึ้งเสื้อผ้าของพวกเธอออกโดยไม่ทันตั้งตัว
"ม่ายยยย!!!"
"กรี๊ดดดดด ออกไป!!!!!"
ทั้งสองพยายามขัดขืนอย่างสุดกำลัง และกรีดเสียงร้องแข่งกับเสียงเพลงที่ดังลั่นร้าน แต่มันช่างเป็นการกระทำที่เปล่าประโยชน์
'เจียงซิน!!!!!'
ไห่ถังพยายามชกตีพวกนั้นด้วยแววตาโกรธแค้น แต่มันก็ทะลุผ่านร่างเหล่านั้นไป เจียงซินมองดูการกระทำที่เปล่าประโยชน์ของเขา ด้วยแววตาตื่นกลัวที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา
"ไห่ถัง... ช่วยฉันด้วย!!"
.
.
"ไห่ถัง!!!"
ความโกรธแค้นที่สุมแน่นอยู่ภายในอกของเขา จนขอบตาร้อนผ่าวและหลั่งมันออกมาด้วยความสงสาร และแค้นใจที่เขาเป็นเพียงวิญญาณไร้ค่า ไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้เลย
.
.
"ถ้าเจ้าตั้งจิตให้มั่น บางทีก็อาจจะค้นพบเส้นใยที่เชื่อมต่อกับชีวิต และกลับคืนร่างของตนได้"
เสียงของหลวงจีนที่ดังขึ้นในหัว มันแทบจะกลบทุกเสียงรอบตัวจนมิด ในตอนนี้ไห่ถังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังทำอะไร แต่เขารู้สึกเหมือนร่างกายจะแตกสลาย และถูกมวลพายุมหาศาลดูดกลืนร่าง จนลอยคว้างเข้าไปยังสถานที่ที่มืดมิด และมีเพียงเขาแค่ลำพังเท่านั้น...
'เจียง... ซิน'
.
.
'เจียงซินอยู่ไหน!!!?'
เขาวิ่งไปรอบๆ ห้องที่มืดมิดนั้นราวกับคนบ้า พยายามหาทางออกไปจากที่นี่แต่ก็ไม่สำเร็จ
'อ๊าาาาา!!!!'
ไห่ถังร้องเสียงหลงด้วยความทรมาน เมื่อความมืดรอบกายพลันสว่างวาบ และกลายเป็นจอภาพขนาดยักษ์ ที่กำลังฉายใบหน้าที่ตื่นกลัวของเจียงซิน และตอนนี้เขาไม่ใช่ร่างโปร่งแสงอีกต่อไป..
"ทำอะไรวะ รีบๆ เข้าเดี๋ยวพวกมันก็แห่มากันอีก"
เจียงซินมองดูชายผมสกินเฮดตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว และสับสนเมื่อจู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นยืนและถอยออกมาไกลๆ ก่อนจะก้มลงมองดูมือและร่างกายของตนด้วยแววตาตื่นตระหนก
"มึงไม่เอากูเอาเอง!!"
"อย่า!!!"
"หุบปากซะ นี่เหรอเมียเก็บของไอ้มือขวาแก๊งไป่หลงน่ารักดีนี่หว่า... อุ๊ก!!!!"
ร่างของชายผมยาวทรุดลงนอนกับพื้นหมดสภาพ เมื่อถูกเก้าอี้ตัวใหญ่ฟาดด้วยฝีมือของชายสกินเฮดพวกเดียวกันกับมัน
"ไอ้เวรนี่มึงทำอะไรรุ่นพี่วะ ผีเข้าหรือ...อ๊าก!!!!"
รองเท้าหนังสีดำเตะเสยปลายคางของชายที่สักบนใบหน้าอย่างแรง จนเขาเซถลาล้มลงทับร่างของฟู่จิน แต่เธอและเจียงซินช่วยกันผลักร่างคนร้ายออกไป
และการปะทะสองต่อหนึ่งก็เริ่มต้นขึ้น เจียงซินพยายามกวาดสายตามองหาและเรียกไห่ถังแต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับ มีแค่เพียงสายตาของนักเลงในชุดสูทที่ตัดสกินเฮด คอยชำเลืองมองมาหาเธอขณะที่เขากำลังต่อสู้เกือบตลอดเวลา
"เจียงซิน!!!!"
ลู่เสวียนที่สบักสะบอมวิ่งเขามาพยุงร่างของสองสาวขึ้น และหันไปมองชายทั้งสามที่กำลังสู้กันในห้องนี้ด้วยความงุนงง
"นั่นมัน... พวกเดียวกันไม่ใช่เหรอ!?"
รอยสักที่ลำคอด้านขวาคือสัญญาลักษณ์ประจำแก๊ง ที่ลู่เสวียนคุ้นตาและเป็นอริกับพรรคไป่หลงไม่ผิดแน่ แต่การกระทำของพวกเขาช่างทำให้น่าสับสนใจยิ่งนัก
"อั๊กกก!!!!"
โครมมม!!!!
ร่างของผู้ร้ายทั้งสองที่หมดสภาพถูกชายหัวสกินเฮดจับไถลลงไปจากบันได ที่ข้างล่างนั้นกลับคืนสู่สภาวะปกติแล้ว
ตึง!!!!
เมื่อชายผมสกินเฮดหันกลับมาที่ห้องทำงาน ร่างของเขาก็ถูกลู่เสวียนกระแทกจนติดผนัง และถูกล็อกคอไว้ไม่ยอมให้เข้าถึงตัวผู้หญิงทั้งสองคนได้
"ปล่อย"
เสียงเข้มเอ่ยและหันไปหาเจียงซินด้วยแววตาเป็นห่วง โดยไม่สนใจว่าตนนี้ตัวเองกำลังจะถูกบาร์เทนเดอร์หักคออยู่รอมร่อ
"เป็นอะไรหรือเปล่า?"
'ไห่...ถังเหรอ?'
ชายผมสกินเฮดพยักหน้าเบาๆ ด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า แม้กระทั่งเสียงในความคิดของเจียงซินเขาก็สามารถรับรู้ถึงมันได้
"ปล่อยเขาไป ฉันขอคุยอะไรกับผู้ชายคนนี้หน่อยนะลู่เสวียน"
"ว่าไงนะ!?"
ลู่เสวียนร้องเสียงหลงในขณะที่ฟู่จินพยายามรั้งแขนเจียงซินเอาไว้ เมื่อเธอพยายามจะเดินไปใกล้ชายน่ากลัวผู้นั้น แต่ก็ไม่อาจดึงรั้งความดันทุรังของเจ้าของร้านนี้ได้
'นายจะออกมาได้ยังไง?'
'ผม... ก็ไม่รู้'
เจียงซินคิดจนคิ้วขมวดเป็นปม ก่อนจะตัดสินใจยกมือข้างที่มีกำไลปลุกเสก ทาบลงบนอกของชายตัดสกินเฮดเบาๆ
"อ๊ากกกกกก!!!"
"เจียงซิน... เธอทำอะไรกับมัน!?"
ลุ่เสวียนร้องถามเมื่อเห็นคนร้ายมีสีหน้าเจ็บปวด และร้องคำรามออกมาด้วยความทรมาน จนทรุดลงกับพื้นท่ามกลางความงุนงงของทุกคน
และทั้งห้องก็ตกลงสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง...
"กะ... เกิดอะไรขึ้น?"
ฟู่จินตกใจจนแทบสิ้นสติยังคงกอดแขนเจียงซินไว้แน่น โดยไม่ยอมละสายตาไปจากร่างของชายตัดสกินเฮด
"นั่นสิ มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ..."
เจียงซินเอ่ยเสียงแผ่วเบาทั้งที่รู้คำตอบดีอยู่แก่ใจ พร้อมทั้งจ้องมองไปบนพื้นที่ว่างเปล่าข้างๆ กับร่างที่ไร้สติของคนร้าย โดยที่ลู่เสวียนกำลังลากเขาออกไปจากห้องนี้โดยมีฟู่จินเดินตามออกไปติดๆ จนทั้งห้องเหลือแค่เพียงแค่เธอกับร่างโปร่งแสง ที่ดูอ่อนล้าและเลือนรางมากกว่าเดิมของไห่ถัง
...วิญญาณที่ช่วยชีวิตของเธอเอาไว้
"เราน่าจะนั่งดูการ์ตูนดราก้อนบอลด้วยกัน อย่างที่คุณว่า"
เธอแอบนึกเสียใจอยู่นิดๆ ที่ไม่ยอมเชื่อลางสังหรณ์ของเขา และตอนนี้ไห่ถังก็ดูสับสนตื่นตระหนกมาก แต่เขากลับไม่มีเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้น ราวกับว่ามันถูกใช้ไปจนเกือบหมดจากการต่อสู้เมื่อครู่
'เจียงซิน...เมื่อกี้ ผมเป็นอะไรไป?'
"เพิ่งเคยเข้าสิงคนเป็นครั้งแรกสินะ"
ร่างเล็กเดินเข้าไปหาวิญญาณหนุ่ม และทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นเบื้องหน้าของเขาด้วยแววตาเอ็นดู
'ผม...ทำแบบนั้นได้เหรอ?'
"คุณช่วยชีวิตฉัน"
เธอพยักหน้าตอบก่อนจะถอดกำไลนั้นวางไว้ข้างตัว และเอื้อมไปจับมือโปร่งแสงของเขาที่วางอยู่บนพื้น แม้จะลังเลอยู่ไม่น้อยแต่เธอก็ไม่อาจห้ามสัญชาตญาณ และความเป็นห่วงภายในใจลึกๆ ของตนได้
ถึงแม้ว่ามือข้างนี้จะทะลุผ่านไป และไม่สามารถกุมมือกันไว้ได้ราวกับเป็นแค่เพียงความฝัน...
แต่สัมผัสหนาวเย็นจากมือที่ประสานกันอยู่ในตอนนี้มันคือของจริง
"ขอบคุณนะ"
.
.
"คุณผีของฉัน"
