จิตสื่อรัก สัมผัสอันตราย

198.0K · จบแล้ว
Neptheduck​
84
บท
370
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

'เจียงซิน' หญิงสาวผู้มีพลังวิเศษสามารถมองเห็นวิญญาณได้  มาพบกับวิญญาณหนุ่มปริศนา  ที่จะมาเขย่าหัวใจของเธอให้สั่นไหว ไปกับเรื่องราวสยองที่ชวนสยิวจึงเกิดขึ้น

นิยายรักโรแมนติกนิยายสยองขวัญประธานนางเอกเก่งมาเฟียความจำเสื่อมโรแมนติกสยองขวัญ18+

บทนำ : ผู้ชายที่เปียกปอน

กลางดึกสงัดเป็นเวลาที่สรรพสิ่งรอบตัวหยุดนิ่ง ห้วงเวลาระหว่างเที่ยงคืน จนถึงเที่ยงคืนสิบห้านาทีตำนานเมืองบางถิ่นได้กล่าวไว้ว่า เป็นช่วงเวลาที่บานประตูของห้วงเวลาต่างๆ ถูกเปิดออก

เป็นห้วงเวลาที่ลึกลับและผันผวนมากที่สุด แต่สำหรับ 'หลิว เจียงซิน' มันคือช่วงเวลากลับบ้าน และได้พักหูจากเสียงเพลงอึกทึกของที่ทำงาน

ฝีเท้าเล็กภายในรองเท้าคัทชู หยุดนิ่งอยู่ที่หน้าบ้านสองชั้น ที่ถูกปรับแต่งเป็นร้านกาแฟเล็กๆ

ถึงแม้ว่านี่จะเป็นบ้านของเธอ แต่หญิงสาวก็ยังคงยืนอยู่หน้าประตูรั้วไม่ยอมเปิดประตูเข้าไป ทำได้เพียงแค่มองไปยังร่างสูงโปร่งเบื้องหน้าโดยไม่ละสายตา

'มาอีกแล้ว...'

เป็นเวลากว่าสองวันที่ชายผู้นี้มายืนอยู่หน้าบ้านของเธอ ด้วยสภาพเปียกปอนในเสื้อเชิ้ตสีขาว และกางเกงสแลกสีดำดูแล้วราคาไม่ใช่ย่อยๆ เขาไม่ใช่เพื่อน พี่น้อง หรือญาติฝ่ายไหน เป็นชายปริศนาที่ทำเพียงยืนนิ่งๆ และมองเหม่อขึ้นไปบนฟ้า โดยไม่สนใจการมาของเธอแม้แต่เสี้ยวนาที

และยังมายืนขวางหน้าประตูทางเข้าอีก

'เฮ้อ~'

'ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย...'

ร่างเล็กถอนหายใจอย่างหนักหน่วง และเดินทะลุผ่านร่างโปร่งแสงนั้นเข้าไปไขกุญแจรั้ว ด้วยความเซ็งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยไม่หันหลังไปมองถึงแม้ว่าตอนนี้ ความเย็นยะเยือกจะแผ่เข้าไปถึงกระดูกสันหลัง จนขนลุกชันไปทั่วทั้งร่าง

...เมื่อต้องยืนรวมร่าง กับวิญญาณเร่ร่อนตนนี้

เคร้งงง!!

แอ๊ดด~

เมื่อประตูเหล็กถูกเปิดออก เธอจึงรีบเดินเข้าไปเพื่อให้พ้นจากไอความเย็นที่น่าสะพรึงเหล่านั้น

"ชื่ออะไรล่ะ?"

คำถามเดิมกับเมื่อวานถูกเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ขณะที่เธอหันกลับมามองใบหน้าคมคายที่ขาวซีดเต็มๆ ตา

‹ ... ›

แต่อีกฝ่ายก็ยังคงเงยหน้าสนใจดวงดาว ที่ทอประกายบนฟากฟ้า มากกว่าคำถามจากคนแปลกหน้าอย่างเธอ และความอดทนของเจียงซินไม่ได้มีมากนัก เธอกลอกตามองบนด้วยความขัดใจ

"ที่ถามไม่ใช่อะไรนะ แค่จะได้ทำบุญไปให้"

เขาก็ไม่ตอบทำได้เพียงหลับตา และก้มหน้าลงมองเธอด้วยแววตาเศร้าหมองและเรียบเฉย และมวลน้ำที่ไหลออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ก็ทำให้กายของเขาเปียกชุ่ม ก่อนจะหลับตาลงไม่สนใจการมีตัวตนอยู่ของเธออีกต่อไป

"ถ้าอยากพูดเมื่อไหร่ ก็มาเข้าฝันแล้วกัน"

ร่างเล็กปิดประตูรั้วลงกลอนอย่างดี และรีบเดินปึงปังเข้าบ้านไปด้วยความหงุดหงิด

ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่นัก ที่บ้านของเธอมีผีเร่ร่อนมาป้วนเปี้ยน โดยที่ไม่รู้จุดประสงค์ของเขานี่คือสิ่งที่เธอกังวลมาก เพราะนอกจากวิญญาณเร่ร่อนที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองตายไปแล้ว บนโลกใบนี้ยังมีวิญญาณอีกหลายประเภท ทั้งวิญญาณพเนจร ภูติประจำเมือง ปีศาจร้ายจากคำสาปแช่ง และวิญญาณที่เต็มไปด้วยความแค้น

แต่ชายผู้นี้เธอไม่สามารถสื่อสารกับเขาได้ และเธอก็ไม่อยากซ้ำรอยกับเหตุการณ์เมื่อปีก่อน นั่นเป็นครั้งแรกที่เกือบถูกวิญญาณร้ายยึดร่าง เพราะละเลยไม่รีบทำพิธีสวดส่งไปสู่สุคติ และมันก็นานพอที่จะทำให้วิญญาณหญิงชราตนนั้น ล่วงรู้ว่ากายของเธอมี 'เกล็ดของมังกร'

ซึ่งเป็นพลังเร้นลับอันแข็งแกร่งสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ที่คนทั่วไปเรียกว่า 'ร่างทรง'

"ถ้าเจ้าหมอนี่รู้เข้าอีกตน เราซวยแน่"

เจียงซินหันกลับไปมองยังนอกหน้าต่างอีกครั้ง กายโปร่งแสงของเขาก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น และเงยหน้ามองท้องฟ้า แม้ว่าท่าทางของเขาจะดูน่าขนลุกมากขนาดไหน แต่เธอก็เคยชินกับสิ่งเหล่านี้เสียแล้ว

ร่างเล็กส่ายหน้ารีบเข้าไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย และพยายามสลัดเรื่องของวิญญาณตนนั้นให้ออกไปจากหัว แม้แต่กระทั่งออกมาจากห้องน้ำเธอก็ยังคิดไม่ตก

'หรือเราจะแวะไปหาหลวงพ่อก่อนไปเฝ้าร้านดีนะ?'

นอกจากพ่อและแม่เธอก็มีเพียงพระอาจารย์ ที่เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะเป็นแบบนี้เธอจึงไม่มีเพื่อน และมักถูกมองเป็นตัวน่ารังเกียจเสมอ และมุกตลกที่เขาชอบเล่นกันว่า..

"อ้าวพาแฟนมาด้วยเหรอ?"

"เปล่า...ฉันมาคนเดียวนะเจียงซิน!!?"

แต่นั่นไม่ใช่มุก เพราะเธอคิดแบบนั้นจริงๆ จนบางครั้งก็แยกคนและวิญญาณที่มีกายสมบูรณ์ไม่ออก ทำให้เพื่อนๆ ต่างหวาดกลัวและตีจากไม่มีเหลือ...

ตั้งแต่จำความได้พวกเขาเหล่านี้ก็เป็นเหมือนเพื่อน เป็นศัตรูร้ายที่หมายเอาชีวิตของเธอ

แต่น่าแปลก...

ต่อให้เจียงซินจะเห็นวิญญาณมาแล้ว หลายร้อยหลายพันตนแต่กับพ่อและแม่ ...ไม่เคยมีสักเสี้ยววินาทีที่เธอจะได้พบกับพวกเขา

'เพราะอะไรกันนะ...'

~♫ ♬ ♪

"..."

เสียงเพลงบรรเลงดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ ทำให้ร่างเล็กขนลุกเกรียว และกวาดสายตามองไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชิ้น ที่ถอดปลั๊กออกจนหมด

แต่สิ่งเหล่านั้นก็ยังคงดังอยู่ จนกระทั่ง...

"โอ๊ย!!! ให้ตายเถอะ"

หัวใจของเธอแทบหล่นลงไปบนพื้น เมื่อมีสายเรียกเข้าจาก 'ลู่เสวียน' เพื่อนสนิท ที่แอบมาเปลี่ยนเสียงเรียกเข้าของเธออีกแล้ว

[...รับช้าจัง...อาบน้ำหรือไง? ...]

"ช้าเพราะจำเสียงโทรศัพท์ของตัวเองไม่ได้เนี่ยแหละ!!!"

เสียงหัวเราะร่วนดังออกมาจากปลายสาย

[...เพราะดีนะ...ฉันก็ใช้เสียงนี้...]

"แล้วทำไมเราต้องใช้เสียงเดียวกันด้วยเล่า!!"

[...อืม...ไม่รู้สิ ถึงบ้านปลอดภัยก็ดีแล้ว...]

"อืม"

[...ฝันดี...]

"อะไรโทรมาแค่เนี๊ย!?"

ติ๊ด!!

เจียงซินส่ายหน้าและถอนหายใจยาวเหยียด วางโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะและรีบปีนขึ้นมาบนเตียงซุกกายลงใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ และเอื้อมมือไปหยิบสร้อยประคำบนหัวนอน ที่ได้มาจากพระอาจารย์มาคล้องข้อมือของตนไว้

เธอใช้เวลาอันน้อยนิด หลังจากร่างกายเข้าสู่สภาวะการนอนหลับ เพื่อตามหาพ่อและแม่ของตนอยู่ทุกค่ำคืน เป็นเวลานานกว่า 4 ปี

ซึ่งก็พบแต่ความล้มเหลว...

แต่คืนนี้เธอก็จะพยายามดูอีกครั้ง

"พ่อคะแม่คะ"

.

.

"อวยพรให้หนูทำสำเร็จด้วยนะคะ"

ดวงตาคู่สวยค่อยๆ ปิดลง และดำดิ่งลงไปสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็วด้วยความอ่อนล้า

เพียงอึดใจเดียวคลื่นมวลอากาศอบรมรอบกายของเธอ ราวกับอยู่ท่ามกลางใจกลางของพายุ เพียงไม่นานแรงลมมหาศาลก็ค่อยๆ เบาบางลง เหลือเพียงพื้นที่เวิ้งว้างว่างเปล่าสีดำขมุกขมัว เสียงลมที่หวีดหวิวในตอนแรกนั้นก็ค่อยๆ ดังชัดเจนขึ้น

...และกลับกลายเป็นเสียงโอดครวญทรมาน ของเหล่าภูติและวิญญาณนับร้อยนับพันตน

พวกเขาพยายามใช้พลังทั้งหมด เพื่อปรากฏตัวให้เธอเห็นแต่ไม่มากพอ ก่อนจะจางหายไปและมีตนใหม่ผุดขึ้นมาแทนที่ ภาพที่เห็นจึงเป็นเพียงแค่แสงวูบวาบ ทำให้ภายในร่างกายของเธอเริ่มปั่นป่วน และรู้สึกคลื่นเหียนจนทรุดลงนั่งกับพื้นที่เย็นเฉียบด้วยความทรมาน

ในคืนเดือนเพ็ญนี้คือวาระพิเศษ ทำให้การปรากฏตัวของพวกเขามากผิดปกติ ทำให้ห้วงเวลานี้เปิดกว้างมากกว่าคืนก่อนๆ เพื่อเปิดรับวิญญาณจำนวนมาก จึงทำให้สถานที่แห่งนี้ดูดกลืนพลังงานของเธอไปอย่างมหาศาล

.

.

"จงหลีกเลี่ยงและระวัง คืนเดือนเพ็ญ และคืนจันทร์ทรงกลดให้ดีนะโยม"

"ไต้ซือเคยบอกว่ามันจะเป็นช่วงเวลา ที่เหล่าวิญญาณมารวมตัวกันมากที่สุดไม่ใช่เหรอคะ?"

"ถูกต้องแล้ว.."

.

.

"แต่มันอันตรายมาก และมีไม่น้อยที่ไม่ได้กลับมา"

นั่นคือบทสนทนาระหว่างเธอและหลวงจีน ที่อธิบายถึงพันธสัญญาที่เธอต้องแลก เมื่อเปิดประตูของห้วงนรก

'ไม่ได้กลับแล้วยังไง....'

'ชีวิตนี้ฉันไม่เหลือใครอีกแล้ว บนโลกสีเทาที่เน่าเฟะใบนี้'

.

.

'ฉันแค่อยากเจอพวกท่าน'

'ได้กอดพวกท่านอีกครั้ง...'

.

.

'ต่อให้ต้องถูกลากลงไปในขุมนรก...'

'ฉันก็ยอม'

เจียงซินขบกรามแน่นข่มความเจ็บปวดและทรมานเอาไว้อย่างสุดกำลัง พยายามกวาดสายตาที่พร่าเลือนเพื่อมองหาพ่อและแม่ของตน แต่กลับพบเพียงวิญญาณแปลกหน้าที่มีใบหน้าซีดขาว และเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานเท่านั้น

'ปวด...'

.

.

'เหมือนแก้วหูจะฉีก'

'ทำไมทรมานขนาดนี้'

.

.

'แค่อยากพบพ่อกับแม่ ทำไมต้องเจ็บปวดขนาดนี้!?'

มือทั้งสองข้างยังคงอุดหูแน่น เมื่อเสียงรอบกายยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ และใบหน้าที่เปรอะไปด้วยหยาดน้ำตา ก้มหน้าลงมองพื้นด้วยความเจ็บปวด

"กรี๊ดดดดดดด!!?"

เสียงหวานหวีดร้องด้วยความตื่นตระหนก เมื่อร่างกายของเธอหมุนคว้าง และถูกดึงให้ลุกขึ้นยืนด้วยแรงมหาศาล

"!?"

ดวงตากลมโตมองผ่านม่านน้ำตาด้วยความสับสน เมื่อต้องเผชิญกับวิญญาณผู้ชายแปลกหน้า ซึ่งเป็นตนเดียวกับที่ยืนอยู่หน้าบ้านของเธอ

เจียงซินพยายามก้าวถอยหลัง แต่ก็เหมือนถูกแช่แข็งหนาวสะท้านไปทั่วทั้งร่าง โดยเฉพาะความเย็นเยือกจากฝ่ามือใหญ่ ที่แตะลงมาบนไหล่ของเธอ

'ทำไม... มีพลังกล้าแข็งขนาดนี้'

.

.

'เขาเป็นใครกันแน่!!?'

.

.

'นะ...น่ากลัว'

'น่ากลัวเหลือเกิน...'

"นะ... นายต้องการอะไร!?"

ริมฝีปากบางเฉียบของวิญญาณตนนั้นขยับช้าๆ พร้อมกับเปล่งวาจา ที่ทำให้เสียงจากทุกสรรพสิ่งรอบตัวเงียบสงัดและหยุดลงโดยพลัน

...จนเหลือเพียงความว่างเปล่า ระหว่างเขาและเธอเท่านั้น

‹...ได้โปรด...›

.

.

‹...พาผมกลับบ้านที...›