
บทย่อ
'เจียงซิน' หญิงสาวผู้มีพลังวิเศษสามารถมองเห็นวิญญาณได้ มาพบกับวิญญาณหนุ่มปริศนา ที่จะมาเขย่าหัวใจของเธอให้สั่นไหว ไปกับเรื่องราวสยองที่ชวนสยิวจึงเกิดขึ้น
บทนำ : ผู้ชายที่เปียกปอน
กลางดึกสงัดเป็นเวลาที่สรรพสิ่งรอบตัวหยุดนิ่ง ห้วงเวลาระหว่างเที่ยงคืน จนถึงเที่ยงคืนสิบห้านาทีตำนานเมืองบางถิ่นได้กล่าวไว้ว่า เป็นช่วงเวลาที่บานประตูของห้วงเวลาต่างๆ ถูกเปิดออก
เป็นห้วงเวลาที่ลึกลับและผันผวนมากที่สุด แต่สำหรับ 'หลิว เจียงซิน' มันคือช่วงเวลากลับบ้าน และได้พักหูจากเสียงเพลงอึกทึกของที่ทำงาน
ฝีเท้าเล็กภายในรองเท้าคัทชู หยุดนิ่งอยู่ที่หน้าบ้านสองชั้น ที่ถูกปรับแต่งเป็นร้านกาแฟเล็กๆ
ถึงแม้ว่านี่จะเป็นบ้านของเธอ แต่หญิงสาวก็ยังคงยืนอยู่หน้าประตูรั้วไม่ยอมเปิดประตูเข้าไป ทำได้เพียงแค่มองไปยังร่างสูงโปร่งเบื้องหน้าโดยไม่ละสายตา
'มาอีกแล้ว...'
เป็นเวลากว่าสองวันที่ชายผู้นี้มายืนอยู่หน้าบ้านของเธอ ด้วยสภาพเปียกปอนในเสื้อเชิ้ตสีขาว และกางเกงสแลกสีดำดูแล้วราคาไม่ใช่ย่อยๆ เขาไม่ใช่เพื่อน พี่น้อง หรือญาติฝ่ายไหน เป็นชายปริศนาที่ทำเพียงยืนนิ่งๆ และมองเหม่อขึ้นไปบนฟ้า โดยไม่สนใจการมาของเธอแม้แต่เสี้ยวนาที
และยังมายืนขวางหน้าประตูทางเข้าอีก
'เฮ้อ~'
'ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย...'
ร่างเล็กถอนหายใจอย่างหนักหน่วง และเดินทะลุผ่านร่างโปร่งแสงนั้นเข้าไปไขกุญแจรั้ว ด้วยความเซ็งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยไม่หันหลังไปมองถึงแม้ว่าตอนนี้ ความเย็นยะเยือกจะแผ่เข้าไปถึงกระดูกสันหลัง จนขนลุกชันไปทั่วทั้งร่าง
...เมื่อต้องยืนรวมร่าง กับวิญญาณเร่ร่อนตนนี้
เคร้งงง!!
แอ๊ดด~
เมื่อประตูเหล็กถูกเปิดออก เธอจึงรีบเดินเข้าไปเพื่อให้พ้นจากไอความเย็นที่น่าสะพรึงเหล่านั้น
"ชื่ออะไรล่ะ?"
คำถามเดิมกับเมื่อวานถูกเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ขณะที่เธอหันกลับมามองใบหน้าคมคายที่ขาวซีดเต็มๆ ตา
‹ ... ›
แต่อีกฝ่ายก็ยังคงเงยหน้าสนใจดวงดาว ที่ทอประกายบนฟากฟ้า มากกว่าคำถามจากคนแปลกหน้าอย่างเธอ และความอดทนของเจียงซินไม่ได้มีมากนัก เธอกลอกตามองบนด้วยความขัดใจ
"ที่ถามไม่ใช่อะไรนะ แค่จะได้ทำบุญไปให้"
เขาก็ไม่ตอบทำได้เพียงหลับตา และก้มหน้าลงมองเธอด้วยแววตาเศร้าหมองและเรียบเฉย และมวลน้ำที่ไหลออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ก็ทำให้กายของเขาเปียกชุ่ม ก่อนจะหลับตาลงไม่สนใจการมีตัวตนอยู่ของเธออีกต่อไป
"ถ้าอยากพูดเมื่อไหร่ ก็มาเข้าฝันแล้วกัน"
ร่างเล็กปิดประตูรั้วลงกลอนอย่างดี และรีบเดินปึงปังเข้าบ้านไปด้วยความหงุดหงิด
ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่นัก ที่บ้านของเธอมีผีเร่ร่อนมาป้วนเปี้ยน โดยที่ไม่รู้จุดประสงค์ของเขานี่คือสิ่งที่เธอกังวลมาก เพราะนอกจากวิญญาณเร่ร่อนที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองตายไปแล้ว บนโลกใบนี้ยังมีวิญญาณอีกหลายประเภท ทั้งวิญญาณพเนจร ภูติประจำเมือง ปีศาจร้ายจากคำสาปแช่ง และวิญญาณที่เต็มไปด้วยความแค้น
แต่ชายผู้นี้เธอไม่สามารถสื่อสารกับเขาได้ และเธอก็ไม่อยากซ้ำรอยกับเหตุการณ์เมื่อปีก่อน นั่นเป็นครั้งแรกที่เกือบถูกวิญญาณร้ายยึดร่าง เพราะละเลยไม่รีบทำพิธีสวดส่งไปสู่สุคติ และมันก็นานพอที่จะทำให้วิญญาณหญิงชราตนนั้น ล่วงรู้ว่ากายของเธอมี 'เกล็ดของมังกร'
ซึ่งเป็นพลังเร้นลับอันแข็งแกร่งสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ที่คนทั่วไปเรียกว่า 'ร่างทรง'
"ถ้าเจ้าหมอนี่รู้เข้าอีกตน เราซวยแน่"
เจียงซินหันกลับไปมองยังนอกหน้าต่างอีกครั้ง กายโปร่งแสงของเขาก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น และเงยหน้ามองท้องฟ้า แม้ว่าท่าทางของเขาจะดูน่าขนลุกมากขนาดไหน แต่เธอก็เคยชินกับสิ่งเหล่านี้เสียแล้ว
ร่างเล็กส่ายหน้ารีบเข้าไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย และพยายามสลัดเรื่องของวิญญาณตนนั้นให้ออกไปจากหัว แม้แต่กระทั่งออกมาจากห้องน้ำเธอก็ยังคิดไม่ตก
'หรือเราจะแวะไปหาหลวงพ่อก่อนไปเฝ้าร้านดีนะ?'
นอกจากพ่อและแม่เธอก็มีเพียงพระอาจารย์ ที่เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะเป็นแบบนี้เธอจึงไม่มีเพื่อน และมักถูกมองเป็นตัวน่ารังเกียจเสมอ และมุกตลกที่เขาชอบเล่นกันว่า..
"อ้าวพาแฟนมาด้วยเหรอ?"
"เปล่า...ฉันมาคนเดียวนะเจียงซิน!!?"
แต่นั่นไม่ใช่มุก เพราะเธอคิดแบบนั้นจริงๆ จนบางครั้งก็แยกคนและวิญญาณที่มีกายสมบูรณ์ไม่ออก ทำให้เพื่อนๆ ต่างหวาดกลัวและตีจากไม่มีเหลือ...
ตั้งแต่จำความได้พวกเขาเหล่านี้ก็เป็นเหมือนเพื่อน เป็นศัตรูร้ายที่หมายเอาชีวิตของเธอ
แต่น่าแปลก...
ต่อให้เจียงซินจะเห็นวิญญาณมาแล้ว หลายร้อยหลายพันตนแต่กับพ่อและแม่ ...ไม่เคยมีสักเสี้ยววินาทีที่เธอจะได้พบกับพวกเขา
'เพราะอะไรกันนะ...'
~♫ ♬ ♪
"..."
เสียงเพลงบรรเลงดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ ทำให้ร่างเล็กขนลุกเกรียว และกวาดสายตามองไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชิ้น ที่ถอดปลั๊กออกจนหมด
แต่สิ่งเหล่านั้นก็ยังคงดังอยู่ จนกระทั่ง...
"โอ๊ย!!! ให้ตายเถอะ"
หัวใจของเธอแทบหล่นลงไปบนพื้น เมื่อมีสายเรียกเข้าจาก 'ลู่เสวียน' เพื่อนสนิท ที่แอบมาเปลี่ยนเสียงเรียกเข้าของเธออีกแล้ว
[...รับช้าจัง...อาบน้ำหรือไง? ...]
"ช้าเพราะจำเสียงโทรศัพท์ของตัวเองไม่ได้เนี่ยแหละ!!!"
เสียงหัวเราะร่วนดังออกมาจากปลายสาย
[...เพราะดีนะ...ฉันก็ใช้เสียงนี้...]
"แล้วทำไมเราต้องใช้เสียงเดียวกันด้วยเล่า!!"
[...อืม...ไม่รู้สิ ถึงบ้านปลอดภัยก็ดีแล้ว...]
"อืม"
[...ฝันดี...]
"อะไรโทรมาแค่เนี๊ย!?"
ติ๊ด!!
เจียงซินส่ายหน้าและถอนหายใจยาวเหยียด วางโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะและรีบปีนขึ้นมาบนเตียงซุกกายลงใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ และเอื้อมมือไปหยิบสร้อยประคำบนหัวนอน ที่ได้มาจากพระอาจารย์มาคล้องข้อมือของตนไว้
เธอใช้เวลาอันน้อยนิด หลังจากร่างกายเข้าสู่สภาวะการนอนหลับ เพื่อตามหาพ่อและแม่ของตนอยู่ทุกค่ำคืน เป็นเวลานานกว่า 4 ปี
ซึ่งก็พบแต่ความล้มเหลว...
แต่คืนนี้เธอก็จะพยายามดูอีกครั้ง
"พ่อคะแม่คะ"
.
.
"อวยพรให้หนูทำสำเร็จด้วยนะคะ"
ดวงตาคู่สวยค่อยๆ ปิดลง และดำดิ่งลงไปสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็วด้วยความอ่อนล้า
เพียงอึดใจเดียวคลื่นมวลอากาศอบรมรอบกายของเธอ ราวกับอยู่ท่ามกลางใจกลางของพายุ เพียงไม่นานแรงลมมหาศาลก็ค่อยๆ เบาบางลง เหลือเพียงพื้นที่เวิ้งว้างว่างเปล่าสีดำขมุกขมัว เสียงลมที่หวีดหวิวในตอนแรกนั้นก็ค่อยๆ ดังชัดเจนขึ้น
...และกลับกลายเป็นเสียงโอดครวญทรมาน ของเหล่าภูติและวิญญาณนับร้อยนับพันตน
พวกเขาพยายามใช้พลังทั้งหมด เพื่อปรากฏตัวให้เธอเห็นแต่ไม่มากพอ ก่อนจะจางหายไปและมีตนใหม่ผุดขึ้นมาแทนที่ ภาพที่เห็นจึงเป็นเพียงแค่แสงวูบวาบ ทำให้ภายในร่างกายของเธอเริ่มปั่นป่วน และรู้สึกคลื่นเหียนจนทรุดลงนั่งกับพื้นที่เย็นเฉียบด้วยความทรมาน
ในคืนเดือนเพ็ญนี้คือวาระพิเศษ ทำให้การปรากฏตัวของพวกเขามากผิดปกติ ทำให้ห้วงเวลานี้เปิดกว้างมากกว่าคืนก่อนๆ เพื่อเปิดรับวิญญาณจำนวนมาก จึงทำให้สถานที่แห่งนี้ดูดกลืนพลังงานของเธอไปอย่างมหาศาล
.
.
"จงหลีกเลี่ยงและระวัง คืนเดือนเพ็ญ และคืนจันทร์ทรงกลดให้ดีนะโยม"
"ไต้ซือเคยบอกว่ามันจะเป็นช่วงเวลา ที่เหล่าวิญญาณมารวมตัวกันมากที่สุดไม่ใช่เหรอคะ?"
"ถูกต้องแล้ว.."
.
.
"แต่มันอันตรายมาก และมีไม่น้อยที่ไม่ได้กลับมา"
นั่นคือบทสนทนาระหว่างเธอและหลวงจีน ที่อธิบายถึงพันธสัญญาที่เธอต้องแลก เมื่อเปิดประตูของห้วงนรก
'ไม่ได้กลับแล้วยังไง....'
'ชีวิตนี้ฉันไม่เหลือใครอีกแล้ว บนโลกสีเทาที่เน่าเฟะใบนี้'
.
.
'ฉันแค่อยากเจอพวกท่าน'
'ได้กอดพวกท่านอีกครั้ง...'
.
.
'ต่อให้ต้องถูกลากลงไปในขุมนรก...'
'ฉันก็ยอม'
เจียงซินขบกรามแน่นข่มความเจ็บปวดและทรมานเอาไว้อย่างสุดกำลัง พยายามกวาดสายตาที่พร่าเลือนเพื่อมองหาพ่อและแม่ของตน แต่กลับพบเพียงวิญญาณแปลกหน้าที่มีใบหน้าซีดขาว และเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานเท่านั้น
'ปวด...'
.
.
'เหมือนแก้วหูจะฉีก'
'ทำไมทรมานขนาดนี้'
.
.
'แค่อยากพบพ่อกับแม่ ทำไมต้องเจ็บปวดขนาดนี้!?'
มือทั้งสองข้างยังคงอุดหูแน่น เมื่อเสียงรอบกายยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ และใบหน้าที่เปรอะไปด้วยหยาดน้ำตา ก้มหน้าลงมองพื้นด้วยความเจ็บปวด
"กรี๊ดดดดดดด!!?"
เสียงหวานหวีดร้องด้วยความตื่นตระหนก เมื่อร่างกายของเธอหมุนคว้าง และถูกดึงให้ลุกขึ้นยืนด้วยแรงมหาศาล
"!?"
ดวงตากลมโตมองผ่านม่านน้ำตาด้วยความสับสน เมื่อต้องเผชิญกับวิญญาณผู้ชายแปลกหน้า ซึ่งเป็นตนเดียวกับที่ยืนอยู่หน้าบ้านของเธอ
เจียงซินพยายามก้าวถอยหลัง แต่ก็เหมือนถูกแช่แข็งหนาวสะท้านไปทั่วทั้งร่าง โดยเฉพาะความเย็นเยือกจากฝ่ามือใหญ่ ที่แตะลงมาบนไหล่ของเธอ
'ทำไม... มีพลังกล้าแข็งขนาดนี้'
.
.
'เขาเป็นใครกันแน่!!?'
.
.
'นะ...น่ากลัว'
'น่ากลัวเหลือเกิน...'
"นะ... นายต้องการอะไร!?"
ริมฝีปากบางเฉียบของวิญญาณตนนั้นขยับช้าๆ พร้อมกับเปล่งวาจา ที่ทำให้เสียงจากทุกสรรพสิ่งรอบตัวเงียบสงัดและหยุดลงโดยพลัน
...จนเหลือเพียงความว่างเปล่า ระหว่างเขาและเธอเท่านั้น
‹...ได้โปรด...›
.
.
‹...พาผมกลับบ้านที...›
