บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 เพื่อนไม่สนิท

“วันนี้กลับบ้านยังไง เดี๋ยวแฟรงก์ไปส่ง”

แฟรงก์เดินเข้าไปถามคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ กว่าจะแข่งฟุตบอลเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบสองทุ่ม ผลออกมาคือทีมเขาเป็นฝ่ายชนะแบบขาดลอย

“กลับพร้อมฟริน เห็นฟรินบอกว่าจะไปส่ง”

“ตามนั้น” แฟรงก์พยักหน้ารับรู้ ไม่ได้ถามอะไรเซ้าซี้ พวกเขาสองคนเคยไปบ้านดาวเหนือค่อนข้างบ่อย เลยทำให้รู้จักและสนิทกับพ่อแม่ของเธอไปด้วย

“หมวยเพิ่งส่งข้อความมาบอกว่าวันนี้ซ้อมแข่งกีฬาสีเลิกสองทุ่ม มึงแวะไปรับน้องที่โรงเรียนด้วย” ฟรินที่เดินตามหลังมาพูดขึ้น หมวยของพวกเขาคือเฟย์วาน้องสาวคนเล็ก

“เออ! เดี๋ยวกูไปรับไอ้หมวยเอง มึงจะทำอะไรก็รีบไปเถอะ”

“…..”

“พกไว้เผื่อได้ใช้” แฟรงก์หันซ้ายมองขวากระซิบบอก ก่อนจะยัดถุงยางอนามัยใส่กระเป๋าให้กางเกงน้องชาย ของแบบนี้มันต้องมีเตรียมพร้อมตลอดเวลา

“มึงเก็บไว้ใช้เองเถอะ สำหรับกูไม่จำเป็น” สายตาคู่คมเหลือบมองไปยังดาวเหนือที่กำลังก้มหน้าก้มตายืนเก็บของอยู่ไม่ไกล เธอไม่ได้รับรู้หรือสนใจพวกเขาเลยสักนิด

“จะสดว่างั้น”

“…..”

“ไม่ต้องรีบเอาหลานมาฝากกูนะ กูยังหล่อเท่ห์ขนาดนี้ไม่พร้อมเป็นลุงให้ลูกมึง”

“ไม่รับปาก” ฟรินกระตุกยิ้มเล็กน้อย ถือวิสาสะดึงมวนบุหรี่ที่อยู่ในริมฝีปากแฝดพี่ออกมาสูบต่อ

“กูล่ะกลัวใจมึงจริงๆ” เพราะแฟรงก์รู้จักนิสัยน้องชายดีกว่าใคร ฟรินเป็นคนไม่พูด ถ้าคิดจะทำมันทำเลย อันนี้ถือว่าเป็นข้อเสียอย่างหนึ่งเพราะไม่มีใครรู้ว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่

“มึงจะไปก็รีบไป เดี๋ยวไอ้หมวยรอนาน”

“เออ! งั้นกูรีบไปก่อน ขืนไปช้าเดี๋ยวโดนมันบ่น บ่นยิ่งกว่าแม่อีกมั้ง”

ฟรินโยนมวนบุหรี่ทิ้งลงบนพื้นพร้อมใช้เท้าขยี้มันจนดับเพื่อเดินเข้าไปหาดาวเหนือ

“เก็บของเสร็จยัง”

“เสร็จพอดีเลย”

“ถ้าเสร็จแล้วก็ตามมา รถฉันจอดอยู่ทางนี้”

“เฮ้~ รอเหนือด้วยสิ” ดาวเหนือถึงกลับลนลานรีบหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมาคล้องบ่า เมื่อฟรินเดินหนีออกไปโดยไม่หันกลับมามองเธออีก

“ฟรินรอเหนือด้วย”

‘นั่นมันดาวเหนือปีสองป่ะ เห็นไอ้องศาบอกกำลังตามจีบ’

‘ตัวจริงโคตรน่ารักเลย ถ้ากูเป็นไอ้องศากูก็จีบเหมือนกัน’

‘เห็นองศาบอกโสดด้วยนะ ยังไม่มีแฟน’

ร่างสูงถอนหายใจลากยาวด้วยความหงุดหงิดเมื่อเดินผ่านหน้าตึกคณะเพื่อไปขึ้นรถที่จอดอยู่

ศึกษาชายนับสิบกำลังนั่งล้อมวงสุมหัวคอยแทะโลมนักศึกษาสาวคนอื่นที่เดินผ่านไปมา แล้วดาวเหนือก็เป็นหนึ่งในนั้นที่กำลังถูกพูดถึง

“เดินให้มันเร็วกว่านี้ ไม่ใช่มัวแต่ชักช้าเพราะอยากอ่อยผู้ชาย” ฟรินเดินย้อนกลับไปหาคนตัวเล็กที่หอบข้าวของพะรุงพะรัง

“ก็เร็วสุดแล้ว ฟรินอย่าเดินเร็วนักสิ เหนือตามไม่ทัน” ฟรินสูงตั้งร้อยแปดสิบกว่า ส่วนเธอแค่ร้อยหกสิบขาย่อมสั้นกว่าเดินช้ากว่าอยู่แล้ว

“ชักช้า!”

“อ๊ะ! อยากกระชาก เหนือเจ็บนะ”

ดาวเหนือถูกฉุดกระชากลากถูให้เดินตามมาขึ้นรถไฮเปอร์คาร์คันหรูของฟรินด้วยความทุลักทุเล

“จะเหวี่ยงทำไมเนี่ย จุกหมดแล้ว” ร่างบางยกมือกุมท้องด้วยความจุก เมื่อถูกเขาผลักดันให้เข้ามารถก่อนจะปิดประตูใส่เสียงดัง

“นั่งนิ่งๆ ไม่ต้องพูดมาก”

“ไปหงุดหงิดอะไรมาอีกหรือเหนือทำอะไรให้ไม่พอใจ”

ดูก็รู้ว่าคนข้างๆ กำลังมีอารมณ์ที่เปลี่ยนไปโดยเธอไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าเผลอไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจตอนไหน

“ช่างเถอะ ไม่ต้องใส่ใจ”

“…..”

บรรยากาศบนรถเงียบลง คนทั้งสองไม่ได้พูดคุยอะไรกันต่อจากนั้นจะมีก็เพียงสายตาของชายหนุ่มที่คอยเหลือบมองคนนั่งข้างอยู่เป็นระยะโดยที่ดาวเหนือไม่ได้รู้สึกว่ากำลังถูกจ้องมองเพราะเธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตานั่งเล่นโทรศัพท์

“คุยกับใครนักหนา”

“คุยกับมินดา” คนตัวเล็กตอบอย่างไม่คิดปิดบัง

“แค่มินดาคนเดียว?”

“คุยกับเจ้าขาด้วย” เจ้าขาคือเพื่อนสนิทของเธออีกคน

“…..”

ผ่านไปเกือบสี่สิบนาที รถไฮเปอร์คาร์คันหรูสีดำด้านตบไฟเลี้ยวหลบเข้าข้างทางมาจอดที่หน้าบ้านของหญิงสาว

“ขอบใจที่มาส่ง แล้วเจอกันที่มหาลัยนะ”

“อยู่บ้านกับใคร ทำไมในบ้านไม่เปิดไฟ” ฟรินมองสำรวจไปยังบริเวณโดยรอบของตัวบ้าน

ซอยบ้านของดาวเหนือค่อนข้างเปลี่ยวแถมยังแออัดไม่ค่อยรื่นรมย์สักเท่าไหร่

“อยู่คนเดียว”

“แล้วพ่อกับแม่ไปไหน”

“ไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัดได้หลายวันแล้ว”

“เดี๋ยวฉันอยู่เป็นเพื่อน”

“ไม่เป็นไร เหนืออยู่คนเดียวได้ ฟรินกลับบ้านเถอะ จะไปได้พักด้วย” พูดด้วยน้ำเสียงเกรงใจ เขาอุตส่าห์ลำบากมาส่งเธอแล้วไม่อยากรบกวนไปมากกว่านี้

“ว่าจะขอเข้าห้องน้ำพอดี”

“ได้สิ งั้นเชิญตามสบาย”

ฟรินเดินนำเข้ามาในตัวบ้านโดยมีดาวเหนือเดินตามหลังมาติดๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะแยกตัวเดินหายไปเข้าห้องน้ำ

“ฟรินมีรอยสักที่แขนด้วยเหรอ”

“รู้ได้ยังไง” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย

รอยสักบนตัวนอกจากคอและแขนจะมีแค่ไอ้แฟรงก์คนเดียวที่รู้เแม้แต่ครอบครัวที่อยู่บ้านหลังเดียวกันยังไม่เคยได้เห็น

“เมื่อกี้เหนือเห็นแวบๆ ตอนถกแขนเสื้อขึ้นล้างมือ”

“…..”

“นอกจากที่คอแล้วมีตรงไหนอีกบ้าง” ที่ลำคอเขามีรอยสักเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษคำว่า ‘made in heaven’

“จะอยากรู้ไปทำไม”

“ไม่ได้อยากรู้แต่อยากเห็น”

“เดี๋ยวก็ได้เห็นเองนั่นแหละ”

“แบบนี้ที่คนเขาลือกันว่าฟรินสักทั้งตัวก็เป็นเรื่องจริงน่ะสิ”

“พวกมันเคยเห็นแล้วหรือไงถึงได้พูดแบบนั้น”

“…..”

“เธอก็เหมือนกัน อย่าเชื่อจนกว่าจะได้เห็นเอง”

ดาวเหนือขยับเข้าหาเพื่อนชาย ก่อนจะถอดแว่นตาออกจากใบหน้าคมคายอย่างถือวิสาสะ เพียงแค่ชอบตอนที่ฟรินไม่สวมแว่นตามากกว่าเท่านั้นเอง

“แล้วถ้าถอดแว่นแบบนี้เห็นชัดมั้ย”

“ฉันสายตาสั้น ลืมไปแล้วเหรอ”

“ก็น่าจะใช่ แว่นหนาซะขนาดนี้ แต่เวลาไม่ใส่แว่นหล่อกว่าเยอะเลย”

“เอาคืนมา อย่าเล่นไม่รู้เรื่อง”

“ไม่เห็นต้องดุ คืนก็ได้” คนตัวเล็กยอมสวมแว่นตากลับคืนให้เมื่อถูกน้ำเสียงตำหนิ

“เห็นหน้าเหนือชัดมั้ย”

“ไม่ค่อยชัด ขยับเข้ามาใกล้ๆ หน่อย”

“แบบนี้ชัดหรือยัง”

“ขอใกล้กว่านี้”

ฟรินทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดกระชากคอเสื้อนักศึกษาของเธอให้เข้าหา จนปลายจมูกสัมผัสกันไปมารับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นของกันและกัน

“จะทำอะไร ปล่อยเหนือก่อน”

“ขยับมาสิ”

“แค่นี้ก็พอแล้ว ถ้าใกล้อีกนิดฟรินจะจูบเหนืออยู่แล้วนะ”

“แล้วจูบไม่ได้หรือไง”

“…..” หัวใจดวงน้อยเต้นแรงอย่างที่ไม่เป็นมาก่อน หลังจากได้เห็นสายตาของเพื่อนชายที่จ้องมอง ทำเอารู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งร่างกายจนรีบหันหน้าหนี

“ขยับมาสิ จะจูบ”

“พูดอะไรเนี่ย เมื่อไหร่จะเลิกล้อเล่น”

มือบางดันอกแกร่งให้ถอยห่างจนเขายอมผละตัวออกจากเธอ

“แม่ทำเค้กกล้วยหอมไว้ เดี๋ยวเหนือไปเอามาให้ลองชิม ฝีมือแม่เหนืออร่อยแบบสุดยอดไปเลย” ดาวเหนือรีบพูดเปลี่ยนประเด็นเปลี่ยนเรื่องคุย

“ฉันไม่กินของหวาน”

“จริงด้วย ขอโทษทีนะเหนือลืมไปเลย ปกติแฟรงก์ชอบกิน เลยจำสับสน”

“ถ้าเป็นไอ้แฟรงก์เธอคงจำได้ทุกอย่างสินะ”

“…..” น้ำเสียงที่ฟรินพูดแฝงไปด้วยความประชดประชันจนคนฟังอย่างเธอรู้สึกได้

“แล้วฉันกับไอ้แฟรงก์ไม่เหมือนกันตรงไหน ทำไมถึงสนใจมันมากกว่า”

“ไปกันใหญ่แล้วฟริน เหนือไม่เคยคิดแบบนั้นเลย”

“เธอต้องสนใจฉันมากกว่ามัน” ฝ่ามือหนาเลื่อนเข้าไปประคองใบหน้าแสนหวานให้หันกลับมาสบตา

“ห้ามสนใจมันมากกว่าฉัน”

“เหนือขอถามอะไรสักอย่างได้มั้ย”

“อะไร?”

“ฟรินชอบเหนือเหรอ”

“…..”

“ว่าแล้วไง ฟรินคงไม่ได้ชอบคนกะโปโลอย่างเหนือหรอก”

“แล้วทำไมถึงคิดแบบนั้น” เขาถามกลับพลางไล่สายตามองสำรวจปฏิกิริยาของคนตรงหน้า

“ก็คนอื่นชอบพูดกรอกหูว่าฟรินชอบเหนือ มันไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย จริงมั้ย?”

“ก็จริง”

“นั่นไง! คิดไว้ไม่มีผิด ถ้าเกิดมีใครพูดแบบนี้อีกเหนือจะได้บอกเขาไป ว่าเราเป็นแค่เพื่อนกัน”

ดาวเหนือถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ถามออกไปแบบนั้น ทั้งๆ ที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว

“หมายถึงฉันชอบเธอน่ะคือเรื่องจริง!”

“เมื่อไหร่จะเลิกแกล้งเหนือสักทีเนี่ย อื้อ~”

หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ราวกับร่างกายถูกแช่แข็งขยับไม่ได้ เสียงหวานกลืนหลบหายลงไปในลำคอ ขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาประกบจูบแนบชิด

“เปิดปากให้หน่อย จะได้สอดลิ้นเข้าไป”

“ฟะ…ฟรินจูบเหนือทำไม” เธอยกหลังมือปาดคราบน้ำลายของชายหนุ่มที่เปรอะเปื้อนไปทั่วริมฝีปาก

“เชื่อหรือยังว่าชอบ”

“…..”

“ถ้ายังไม่เชื่อจะได้จูบอีกที”

“…..”

“อาจจะไม่จบแค่จูบ เพราะฉันคิดจะเอาเธอมาตั้งนานแล้ว”

“…..”

“ฟริน!”

“เรียกทำไม”

“เมื่อกี้ที่พูดมีสติมั้ย ฟรินพูดจริงเหรอ” ดาวเหนือตบหน้าเพื่อนชายเบาๆ เพื่อเรียกสติบางทีเขาอาจจะละเมอหรือเผลอพูดแบบไม่ตั้งใจ

“.....”

“ฟรินคิดกับเหนือแบบนี้จริงๆ เหรอ”

“ก็คิดมาตลอด มีแต่เธอที่ไม่เคยรู้เอง”

“…..”

“แล้วจะให้เอามั้ย”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel