Chapter 4 ความวุ่นวายก่อตัว
ทุกคนวิ่งวุ่น เสียงของพยัคฆ์ดังสั่งการเป็นระยะ กลับด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด เดาได้ว่าเขาโกรธและโมโหสุดขีดที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ถ้าได้รู้ว่าใครเป็นคนทำ เชื่อว่าเขาจะไม่ปล่อยไปง่ายๆ แน่
ข้าวหอมยืนมองเพลิงที่ลุกโหมด้วยความสับสนทำอะไรไม่ถูก เธอหวาดกลัว ร่างกายสั่นเทาไปหมด ถึงตอนนี้หญิงสาวเพิ่งจะรู้ความหมายของคำสั่งของพ่อที่กำชับเธอนักหนา มันยังก้องอยู่ในหัว กับหลากหลายคำถามที่เกิดขึ้น ทำไมพ่อถึงทำแบบนี้
ที่จริงเธอกลับไปบ้านพักพร้อมกับแม่เลี้ยงพิมาลา แต่ก็ถูกหนานคำโทรไปสั่งกำชับให้กลับมาที่งานอีก แล้วเธอจะทำอย่างไรกันเล่า ในเมื่อพ่อคือผู้ให้กำเนิด ในขณะที่ทุกคนที่ไร่แห่งนี้มีบุญคุณกับเธอท่วมหัว
'แกต้องประกบพ่อเลี้ยงพยัคฆ์เอาไว้นะ คืนนี้แกจะต้องโดดเด่น ฉันรู้ว่าแกรักพ่อเลี้ยงพยัคฆ์มากแค่ไหน คืนนี้จะเป็นวันของแก เก็บเกี่ยวความสุขให้มากที่สุด' ข้าวหอมนึกถึงคำพูดของบิดา
'พ่อรู้เหรอคะ'
'ฉันเป็นพ่อแก ทำไมจะดูไม่ออกล่ะว่าแกแอบหลงรักพ่อเลี้ยงมานานแค่ไหน ฉันจะไม่ห้ามแก เก็บเกี่ยวความสุขของตัวเองให้มากที่สุดนะ ถ้าจะให้ดีช่วยอะไรฉันสักอย่าง'
'อะไรเหรอคะ'
'ถ้าพ่อเลี้ยงออกจากงานไปไหน โทรบอกฉันด้วยนะ'
'ทำไมเหรอคะ' ข้าวหอมถามอย่างแปลกใจ แต่ก็ถูกคนเป็นพ่อเอ็ดลั่น ยกข้ออ้างว่าจะไปแอบดื่มเหล้ากับเพื่อน
‘กูก็จะไปขโมยเหล้าในงานไปแอบดื่มหลังโรงบ่มไวน์น่ะสิ! ถ้าเกิดให้พ่อเลี้ยงรู้เข้ากูก็ซวยกันพอดี มีงานอย่างนี้ยังแอบไปชวนคนงานตั้งวงกินเหล้า แกทำตามที่พูดก็พอไม่ต้องเซ้าซี้มาก จับตาไว้ดีๆล่ะ!"
ตอนนั้นข้าวหอมเชื่อสนิทใจ เธอทำหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่ใช่เพราะกลัวคำสั่ง แต่เพราะการได้ยืนอยู่เคียงข้างพ่อเลี้ยงพยัคฆ์เป็นความสุขที่สุดของเธอ
พอถึงตอนนี้…เธอกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดอย่างปฏิเสธไม่ได้
พยัคฆ์วิ่งไปที่โรงบ่มไวน์ ปากก็ตะโกนสั่งให้คนงานช่วยกันดับเพลิงให้เร็วที่สุด
"โทรตามหัวหน้าคนงานด้วย ไฟไหม้ขนาดนี้ทำไมยังไม่เห็นอีก" เขาสั่งผู้จัดการ
"หนานคำไม่รับสายครับ ผมโทรหาหลายรอบแล้ว" ผู้จัดการตอบกลับทันที เพราะเขาโทรศัพท์ไปหาหัวหน้าคนงานตั้งแต่เกิดเรื่อง แต่ไร้การตอบกลับ
คำตอบของผู้จัดการทำให้พยัคฆ์รู้ได้ในทันที เพลิงไหม้ครั้งนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุแน่
"ไอ้หนานคํา!!! มึง...กูจะฆ่ามึง"
ถึงจะยังไม่มีหลักฐานแต่พยัคฆ์ก็คาดการณ์ถึงต้นเรื่องได้ในทันที ทั้งสิ่งที่พี่ชายเตือนเอาไว้คราวก่อน ทั้งความขัดเคืองเรื่องเก่าๆ คิดแล้วยิ่งเจ็บใจ อุตส่าห์ระวังเป็นอย่างดีแล้วแต่ไม่คิดว่ามันจะกล้าทำกันถึงขนาดนี้
ในจังหวะที่เขาเดินผ่าน เห็นข้าวหอมยืนเก้กังอยู่ พยัคฆ์ก็กระชากแขนเธอลอยหวือแทบจะเหวี่ยงติดมือไป แนวไรค้างของพ่อเลี้ยงหนุ่มผุดขึ้นเป็นสันนูนแสดงได้ถึงความโกรธจัด มือกำแน่น ดวงตาปูดโปนด้วยความโกรธแค้น
“มานี่!”
“พ่อเลี้ยงคะ ข้าวเจ็บค่ะ”
“พ่อเธออยู่ไหน!? ไอ้หนานคำมันไปไหน” พยัคฆ์คำรามสุดเสียง ความโกรธของเขาทะลุปรอท ไรกรามแน่นตึงเพราะแนวกำแพงฟันถูกขบเข้าหากันแน่น
“ข้าว.. ข้าวไม่รู้ค่ะ”
“เธอรู้ใช่มั้ยว่านี่เป็นฝีมือของพ่อเธอ!" เขาตะคอกต่อว่าข้าวหอมด้วยแววตาโกรธเกรี้ยว ชี้นิ้วไปที่กองเพลิงที่กำลังปะทุโหม หญิงสาวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
"เธอต้องตามหาตัวพ่อของเธอให้เจอ ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้เธอตกจากสวรรค์ลงมาอยู่ในนรกเลยคอยดู!!” พยัคฆ์เกรี้ยวกราดพาลไปลงที่ข้าวหอม ขาก็รีบก้าวไปที่จุดเกิดเหตุ ในขณะที่มือก็กำข้อมือของข้าวหอมแน่นฉุดลากไปด้วย เพราะความตัวเล็กและน้ำหนักเบาทำให้เธอแทบจะติดมือเขาไป ขาของเธอกระแทกกับตอไม้และเศษหินจนเจ็บช้ำไปหมด
“ช่วยกันดับไฟ!” พยัคฆ์ตะโกนสั่งเสียงกร้าว เขาเดินเข้าไปสั่งคนงานที่กำลังวุ่นวายอยู่ข้างใน
ทันทีที่เขาหยุดและปล่อยมือเธอ เดินไปสั่งคนงานที่กำลังวิ่งวุ่นกันอยู่หน้าโรงบ่ม ข้าวหอมรีบลนลานโทรศัพท์หาพ่ออย่างร้อนใจ เธออยากให้พ่อพาคนงานมาช่วยดับไฟ แต่เธอกลับได้ยินเสียงหัวเราะลั่นของพ่อ
[พ่ออยู่ไหนคะ รีบพาคนงานมาช่วยดับไฟหน่อย ตอนนี้เกิดระเบิดที่โรงบ่มไวน์] หญิงสาวละล่ำละลักบอกคนเป็นพ่อเสียงสั่น แต่เสียงของปลายสายที่ตอบกลับมาทำให้หัวใจของเธอแทบหยุดเต้นชั่วขณะ
[ฮ่าๆๆ นั่นฝีมือกูเอง!]
[พ่อ...] หญิงสาวเรียกชื่อบิดาด้วยน้ำเสียงขาดห้วง โทรศัพท์ในมือร่วงลงพื้น ขาของเธออ่อนแรงและทรุดลงกองกับพื้น ร้องไห้โฮ พ่อทรยศกับผู้มีพระคุณที่สุดในชีวิต เธอจะชดเชยความผิดแทนพ่อยังไงได้บ้าง
ข้าวหอมมองไปยังกองเพลิงที่โหมกระหน่ำอย่างปวดร้าว ในขณะที่ได้ยินเสียงคนตะโกนแข่งกันไปมาอื้ออึง ข้าวหอมเดินโซซัดโซเซกลับมาที่ห้อง คนงานวิ่งกันขวักไขว่ เธออยู่ตรงนั้นก็จะเกะกะเปล่าๆ ความคิดของหญิงสาวล่องลอยเหมือนร่างไร้วิญญาณ
ในขณะที่พ่อเลี้ยงพยัคฆ์กำลังวุ่นวายกับกองเพลิงที่ลุกโหม เขาไม่มีเวลาได้สนใจข้าวหอมอีก เพราะคนงานเรียกเขาไปทางโน้นที ทางนี้ที
“พ่อเลี้ยง! มีคนติดอยู่ข้างในครับ”
ภายในแปลวไฟที่โหมกระหน่ำ แม้ด้านในนั้นจะเต็มไปด้วยเชื้อเพลิงอย่างดี แต่โชคดีที่โครงสร้างเป็นเหล็กและอะลูมิเนียม ทำให้โรงบ่มทั้งโรงยังไม่พังถล่มลงมา
“ใคร!” เขาถามเสียงกร้าว
“ไม่แน่ใจครับ”
“เวลานี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ทำงาน แล้วใครจะไปอยู่ในนั้น” พยัคฆ์ตะโกนบอกต่อ
ถึงจะ เป็นกังวลถึงความสูญเสียมากเพียงไร แต่ไฟลุกท่วมขนาดนี้เขาต้องรักษาความปลอดภัยของคนงานเป็นหลัก ชายหนุ่มตะโกนบอกคนงาน
“ระวังตัวด้วยนะ ช่วยดับไฟเปิดทางตรงที่มีคนเจ็บก่อน”
“ครับ”
คนงานช่วยกันดับเพลิง พอที่จะเปิดทางสามารถเข้าไปข้างในได้ ในจังหวะที่รถดับเพลิงมาถึงพอดี
“พ่อเลี้ยงครับ!! คุณสิงห์อยู่ในนี้” เสียงของคนงานตะโกนบอกออกมาอีกรอบ หัวใจของพยัคฆ์แทบหยุดเต้น
