บทย่อ
เขาคือ…รักแรกและรักเดียวของเธอ เธอคือ…ของตาย นางบำเรอชั่วชีวิตของเขา จนของตายเดินจากไป…เสืออย่างเขาก็คลั่งเป็นหมาบ้า
Chapter 1 อาณาจักรหัสดายุ
เขาคือ…รักแรกและรักเดียวของเธอ
เธอคือ…ของตาย นางบำเรอชั่วชีวิตของเขา
จนของตายเดินจากไป…เสืออย่างเขาก็คลั่งเป็นหมาบ้า
บนเนินเขาลูกเตี้ยๆ ที่มองเห็นแนวทิวแปลงปลูกองุ่นยาวสุดลูกตา เกือบ 30 ปีแห่งการบุกเบิกจากรุ่นพ่อ เปลี่ยนจากป่ารกร้างกลายเป็นไร่องุ่น หลังจากนั้นพ่อเลี้ยงพยัคฆ์ก็ต่อยอดสร้างโรงบ่มไวน์ที่ทันสมัย
พยัคฆ์กับสีหราช สองเสือแห่งหัสดายุยืนมองอาณาจักรของพวกเขาด้วยความภาคภูมิ ที่จริงต้องเรียกว่าอาณาจักรของพ่อเลี้ยงพยัคฆ์น่าจะถูกกว่า เพราะเขาทำมันคนเดียวมาตลอด 10 กว่าปี หลังจากพ่อเลี้ยงเมฆวางมือและเสียชีวิตไปเมื่อ 2 ปีก่อน พยัคฆ์ก็ขึ้นมารับตำแหน่งดูแลอาณาจักรแห่งนี้อย่างสมบูรณ์
สีหราชเป็นนักกฎหมายซึ่งมีสำนักงานทนายความและนักสืบที่กรุงเทพฯ เขาไม่ค่อยจะว่างขึ้นมาที่เชียงใหม่มากนัก นอกเสียจากว่าจะมีงานจำเป็น อย่างเช่นงานที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
[เรื่องของสีหราชกับนรานิลอยู่ในเรื่อง Hug บริษัทจำกัดรักนะคะ]
ลานเชิงเขาที่มองเห็นอยู่ไกลออกไป ถูกทีมงานของบริษัทเนรมิตขึ้นใหม่อย่างสวยงาม ทีมงานเร่งดำเนินการจัดงานอย่างแข็งขัน แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายของพยัคฆ์คือสีหราชลงไปคุมงานด้วยตัวเองทุกขั้นตอน ทั้งที่เขาไม่เคยสนใจงานในไร่ ไม่เคยก้าวก่ายงานของน้องชายมาก่อน
สีหราชตบบ่าน้องชายฝาแฝด “ฉันภูมิใจในตัวแกที่สุด แกทำให้อาณาจักรแห่งนี้ผงาดขึ้นสู่แถวหน้าผู้ผลิตและส่งออกไวน์ลำดับต้นๆ ของประเทศ พ่อกับนายแม่คงจะภูมิใจกับงานในวันนี้ไม่ต่างจากฉัน”
พยัคฆ์เหล่หางตาไปมองคนพูด เห็นสายตาของพี่ชายที่เอาแต่จ้องนรานิลก็อดแซวไม่ได้ ผู้ชายอารมณ์ดีขี้เล่นอย่างเขาไม่ค่อยชอบฉากหวานซึ้งแบบนี้สักเท่าไหร่
“เอาให้แน่นะ! ฉันว่านายจะภูมิใจในตัวเจ้าของบริษัทจัดอีเว้นท์คนโน้นมากกว่าหรือเปล่า” คนเป็นน้องเย้า เขานี่แหละจะเป็นคนง้างปากให้เสือร้ายอย่างพี่ชายยอมพูด
“อะไร” คนถูกถามกลับร้อนตัว
“มองตาเป็นประกายขนาดนี้ แกสนใจเธอเหรอวะ” พยัคฆ์แกล้งทำเป็นถาม ทั้งที่เขารู้อยู่เต็มอกระหว่างสถานะของคนทั้งคู่ เดาจากอาการของนรานิล และปฏิกิริยาของพี่ชายเขาก็มั่นใจเต็มร้อย
“พูดอะไรไม่เข้าเรื่อง บ้ากันไปใหญ่แล้ว” คนตอบทำน้ำเสียงฟึดฟัดกลบเกลื่อน นั้นทำให้แฝดน้องกลั้วหัวเราะในลำคอ
"ฮึๆ คนเรา อายุมันเยอะขึ้นทุกวัน รักก็บอก ชอบก็บอก ไม่เห็นต้องแอบมองเลย" เขาบอกขึ้นมาลอยๆ
“นี่นายกำลังพูดอะไรอยู่”
“เปล๊า…แค่ปรัชญาความรักน่ะ”
“ไร้สาระ”
“ใช่! ฉันมันคนไร้สาระ” คนเป็นน้องยอม แต่ก็ยังทิ้งสายตาล้อเลียนอยู่ดี
“ว่าแต่นายมีอะไรให้ฉันช่วยบ้างล่ะ” สีหราชรีบเปลี่ยนเรื่อง น้ำเสียงจริงจังทำให้คนเป็นน้องหยุด อีกคนรู้ทันกลั้วหัวเราะในลำคอ
“ได้นายมาช่วยจัดการเอกสารของคนงาน ฉันก็โล่งอกไปเยอะ บางทีการใช้กฎหมายควบคุมอาจจะได้ผลมากกว่าระบบอุปถัมภ์ที่เคยทำมาก่อนจริงๆ” แววตาของคนพูดเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด หันไปพูดกับพี่ชายด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“นายว่าจะมีปัญหามั้ย ถ้าฉันจะเปลี่ยนคนงานพวกนั้นออกทั้งชุด ฉันอยากตัดปัญหาแบบถอดรากถอนโคนไปเลย ฉันขี้เกียจต้องตามแก้ปัญหารายวัน อยากให้มันเป็นระบบมากขึ้นเพื่อรองรับการขยายตัว”
“อืม! ในทางกฎหมายที่ฉันจัดการอะไรให้ ครอบคลุมทุกอย่างแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร แต่ในทางจริยธรรมและระบบอุปถัมภ์ที่เคยเอื้ออาทรกัน อาจจะมีบาดหมาง” สีหราชบอกไปตามความจริงที่มักเกิดขึ้นเสมอ ระบบอุปถัมภ์ที่เกื้อกูลกันจนเป็นความเคยชิน
“จริยธรรมก็ไม่มีแล้ว พวกเขาทำขนาดนี้ คงรู้ตัวว่าจะอยู่อีกไม่นาน”
“นายหมายความว่าไง”
“ฉันได้กลิ่นแปลกๆ มานานพอสมควร ค่อนข้างมั่นใจว่าพวกเขาจะอยู่ที่นี่ต่ออีกไม่นาน ที่ฉันยอมทำตามข้อเสนอของพวกเขาก็เพราะอยากให้งานคืนนี้ผ่านพ้นไปก่อนเท่านั้นเอง หลังจากงานคืนนี้ฉันไม่เอาไว้แน่”
“จะทำอะไรก็ระวังตัวด้วยนะ คนอยู่ที่แจ้งต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น นายก็รู้ว่าหากเกิดอะไรขึ้น พวกเขาแค่ข้ามฝั่งไปก็จบ” สีหราชเตือนน้องชาย เพราะรู้ว่าพยัคฆ์เป็นคนเลือดร้อนและหุนหันพลัน บางทีอาจจะได้รับผลเสียมากกว่าผลดี
“ฉันรู้น่า”
“เมื่อรู้อย่างนี้นายควรจะป้องกันตัวเองให้มากขึ้นกว่าเดิมนะ”
“ขอบใจว่ะ”
“ผู้จัดการเพิ่งจะบอกฉันว่าไวน์ที่อยู่ในโรงบ่มมูลค่า 10 กว่าล้านเลยเหรอ” สีหราชเปลี่ยนเรื่อง
“อือ ไวน์ทั้งหมดเตรียมที่จะส่งออกล็อตแรกน่ะ”
“เริ่มส่งออกเมื่อไหร่”
“ยอดสั่งซื้อล็อตแรกจะถูกส่งออกหลังจากงานเปิดตัว 1 เดือน แต่เราต้องไวน์เตรียมสำรองสำหรับรอบการสั่งซื้อต่อไปด้วย ไม่แน่ว่างานนี้ฉันอาจจะได้ลูกค้าเพิ่มมากขึ้นกว่าที่คาดเอาไว้ตั้งแต่ต้นก็ได้”
“ฉันขอแสดงความดีใจกับความสำเร็จก้าวนี้ของนายล่วงหน้านะ นายทำให้ครอบครัวภูมิใจเสมอ เห็นแก่ตัวมากที่ทิ้งไร่เอาไว้ให้แกดูแลคนเดียว แต่แกก็ดูแลมันเป็นอย่างดี”
สีหราชพูดแล้วตบบ่าน้องชายอีกครั้ง หนนี้ออกแรงมากขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อยให้เจ้าตัวได้รู้ว่าหมายความตามนั้นจริงๆ
“ขอบใจ ฉันมันเก่งอยู่แล้วนี่หว่า" พยัคฆ์รีบยืดอกรับ
"ไม่คิดจะถ่อมตัวสักหน่อยเลยเหรอ"
"ไม่ล่ะ ก็คนมันเก่งจนเป็นที่ประจักษ์พยานขนาดนี้"
สีหราชหัวเราะขำ พยัคฆ์เป็นคนตรงไปตรงมาและมั่นใจในตัวเองแบบนี้เสมอ แต่เขาก็เป็นคนเก่งสมกับที่เจ้าตัวมั่นอกมั่นใจ
"ฉันขอไปเช็กความเรียบร้อยที่โรงบ่มก่อนนะ นายก็ยืนชื่นชมความเก่งของคนตรงโน้นต่อก็แล้วกัน” พยัคฆ์โบ้ยหน้าไปที่นรานิล บอกล้อเลียนพี่ชาย
“เอาอะไรมาพูด”
“จะให้นายแม่ช่วยสังเกตไหมล่ะ ว่านายเปลี่ยนไปจริงๆ เพราะผู้หญิงคนนั้น เดี๋ยวฉันอาสาบอกนายแม่ให้”
“อย่านะเว้ย!”
“ก็ยอมรับหัวใจตัวเองสักที อย่ามาทำเป็นปากแข็งปากเก่งทั้งที่ใจอ่อนยวบ”
สีหราชผลักหัวไหล่ลูกน้องชายให้เดินออกไป “ไปได้แล้ว จะไปดูงานไม่ใช่เหรอ อย่ามามัวพูดเพ้อเจ้ออยู่แถวนี้”
พยัคฆ์ระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น แต่ก็เดินออกไป

