Chapter 3 แตกเนื้อสาว
งานเลี้ยงเริ่มขึ้น แขกเรือต่างทยอยเข้ามาในงาน พยัคฆ์กับแม่เลี้ยงพิมาลาต่างช่วยกันรับแขกโดยมีข้าวหอมเดินตามพยัคฆ์ร้ายด้วยทุกที่ วันนี้ข้าวหอมถูกแต่งหน้าทำผมด้วยช่างในเมืองทำให้เธอสวยแปลกตา รวมถึงชุดใหม่ที่แม่เลี้ยงพิมาลาซื้อให้เธอด้วย
พยัคฆ์เพิ่งจะเห็นข้าวหอมโตเป็นสาวในครั้งแรก จากที่เขามองว่าเธอเป็นเด็กกะโปโลในสายตาเขาตลอดเวลา ในใจลึกๆ เขาก็อดภูมิใจไม่ได้ที่แขกเหรื่อต่างชื่นชมผู้หญิงหน้าจิ้มลิ้มที่ยืนเคียงคู่กับเขาไม่ขาด
นรานิลประสบอุบัติเหตุตกบันได ทำให้เธอไม่สามารถเดินได้จึงต้องพักอยู่ที่บ้าน นั่นทำให้แผนของพยัคฆ์ล่มไม่เป็นท่า และนั่นก็ทำให้สีหราชอยู่ไม่ติดงานเช่นกัน เขาไม่รู้จักและคุ้นเคยกับแขกและไม่ชอบงานสังสรรค์ประเภทนี้สักเท่าไหร่ จึงช่วยน้องชายตรวจความเรียบร้อยของงานแทน
รองเท้าหนังสีเข้มของสีหราชหยุดชะงักกับภาพตรงหน้า ไม่อยากให้เกิดเสียงดัง เพราะอาชีพและนิสัยส่วนตัวที่เป็นคนรอบคอบและช่างสังเกต เวลาเกือบสองทุ่ม สีหราชเห็นว่ามีความผิดปกติบางอย่างในโรงบ่มไวน์ ในเวลาที่ไม่สมควรมีใครอยู่ที่นั่น เขาจึงเดินมาที่นี่เงียบๆ
งานกำลังเริ่ม พยัคฆ์กำลังวุ่นวายกับการต้อนรับแขก และอยู่ในช่วงสำคัญของงานในค่ำคืน คนในงานคงจะไม่มีใครสังเกตเห็นถึงความผิดปกตินี้
สายตาคู่คมมองลอดผ่านช่องเล็ก ไฟสลัวทำให้เขามองเห็นได้เพียงเลือนราง
สีหราชเห็นชายรูปร่างสันทัด 2-3 คนกำลังคุยอะไรกันบางอย่าง และแน่นอนว่าลักษณะการแต่งตัว พวกเขาไม่น่าจะมีหน้าที่ตรงนี้ คนที่มีสิทธิ์จะเข้ามาในโรงบ่มไวน์ จะเป็นนักวิจัยและเจ้าหน้าที่ที่มีชุดทำงานเฉพาะ แตกต่างจากคนงานทั่วไปเท่านั้น
'ใคร!' เกิดคำถามขึ้นในใจของเขา
สีหราชย่อตัวหมอบต่ำลง พยายามเงี่ยหูฟังในสิ่งที่พวกเขาคุยกัน แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นคนงานอีกคนยืนลับๆ ล่อๆ อยู่หน้าโรงบ่มไวน์เหมือนกำลังดูต้นทาง
แน่นอนว่า...ในสถานการณ์แบบนี้ ทำให้ไม่สามารถคิดว่าจะเป็นเรื่องดีได้ สีหราชพยายามหาช่อง เพื่อสอดโทรศัพท์เข้าไปบันทึกภาพ มันคงเป็นวิธีการเดียวที่เขาจะทำได้ในตอนนี้ เพราะเขาไม่รู้จักคนพวกนั้นเลย
สีหราชพยายามสอดโทรศัพท์เข้าไปในช่องเล็กๆ ด้านในชายสูงวัยกว่าดูท่าจะเป็นหัวหน้ากำลังชี้นิ้วเป็นเชิงสั่ง ในขณะที่อีกสองก็พยักหน้ารับเป็นครั้งคราวเท่านั้น
ผั๊วะ!! เสียงไม้หน้าสามฟาดเข้าที่ศีรษะอย่างแรงจากทางด้านหลัง โดยที่สีหราชยังไม่ทันรู้ตัวในภัยมืดของตัวเอง เขาทรุดฮวบลงทันที
“แส่หาเรื่องดีนัก เอาไงกับมันดีพี่หนาน” ในมือของคนถามยังถือไม้หน้าสาม
“พลิกหน้ามันขึ้นซิ!” เขาสั่งเสียงเหี้ยมเกรียม คนรับคำสั่งไม่ได้ทิ้งไม้หน้าสามในมือ แต่เขาใช้ปลายเท้าเขี่ยใบหน้าของชายหนุ่มหันเข้าหาไฟ ให้มองเห็นหน้าชัดๆ
“เฮ้ย! ไอ้พ่อเลี้ยงว่ะพี่”
เพราะความมืดทำให้มองสีหราชเป็นพยัคฆ์ไป เจ้าลิ่วล้อหันมองหน้าลูกพี่เลิ่กลั่ก แต่มันกลับไม่มีทีท่าตกใจนัก ก่อนบอกให้ลูกน้องส่องไฟแล้วก้มลงดูใบหน้าของชายหนุ่มอีกครั้งใกล้ๆ
“ตื่นไปได้น่ามึง ไม่ใช่โว้ย” มันพูด แต่ฟังจากน้ำเสียงบ่งบอกได้ว่าค่อนข้างโล่งใจ
“นี่มันพี่ชายของไอ้พ่อเลี้ยงนี่หว่า ลากตัวมันไปในโรงบ่ม อยู่ๆ ก็อยากมาแส่หาเรื่องตาย กูจะเผามันพร้อมกับโรงบ่มนี่แหละ”
ร่างของสีหราชถูกลากเข้ามาในโรงบ่มไวน์
“ตัวหนักเป็นบ้า”
“มึงอย่าบ่นมาก เราต้องรีบแล้วแหละ บอกพรรคพวกให้เริ่มขนของออกได้เลย วันนี้กูจะเผาให้วอดไปพร้อมกับที่นี่เลย ไอ้พ่อเลี้ยงพยัคฆ์มันต้องกระอักเลือดที่ทำกับกูแบบนี้”
“ได้พี่”
“มึงอย่าลืมเก็บโทรศัพท์มันไว้ด้วยล่ะ จัดการหลักฐานให้เรียบร้อย”
“ครับ”
สิ้นคำสั่ง ชายฉกรรจ์หลายคนก็เข้ามา ไวน์ในโรงบ่มถูกทยอยลำเลียงออกไป ในขณะที่ในงานเลี้ยงกำลังดำเนินไปด้วยดี ทุกคนกำลังดื่มด่ำกับห้วงเวลาแห่งความสุข
ในงานไม่มีใครสังเกตเห็นสีหราช พยัคฆ์กับแม่เลี้ยงที่มาละก็มัวแต่วุ่นวายกับการต้อนรับแขก โดยมีข้าวหอมเดินตามไปทุกที่ ข้าวหอมรู้สึกมีความสุขมากที่ได้ยืนเคียงคู่กับเขาในงานใหญ่แบบนี้ แม้จะไม่ได้อยู่ในฐานะของคนรัก แต่เธอก็เก็บภาพของวันนี้ไปฝันต่อได้
เวลาเที่ยงคืน แขกในงานเลี้ยงทยอยกลับจนเกือบหมด เหลือเพียงบางโต๊ะที่ยังคุยติดลม เจ้าหน้าที่ของฮักบริษัทจำกัดรักช่วยกันเก็บของบางส่วน เพราะพรุ่งนี้จะต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ
บึ้ม!!! จู่ๆ ก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นที่โรงบ่มไวน์ จากนั้นไม่นานเปลวไฟก็โหมกระหน่ำ แอลกอฮอล์และถังไม้ล้วนเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ยิ่งได้น้ำมันก๊าดหลายแกลลอนที่ถูกเทราดไปจนทั่วโรงบ่มด้วยแล้ว แค่เพียงพริบตาเดียวก็ทำให้ทุกอย่างถูกไฟกลืนกิน
ไฟไหม้! เสียงตะโกนส่งสัญญาณ เสียงนั้นทำให้ทุกคนหันไปมองที่ต้นเพลิง
“โรงบ่มไวน์!” หลายเสียงบอกขึ้นพร้อมกัน หนึ่งในนั้นเป็นเสียงของพยัคฆ์ หัวใจของเขาหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม จากการประเมินสถานการณ์อยู่ไกลๆก็ย่อยยับมากพอ
“ผู้จัดการ ผมฝากทางนี้ด้วยนะ” พยัคฆ์บอกกับผู้จัดการและวิ่งออกไป
“ผมไปด้วยดีกว่าครับ”
“เราจะทิ้งแขกไว้ได้ยังไง สิงห์ล่ะ! มีใครเห็นนายสิงห์บ้างมั้ย!” พยัคฆ์ตะโกนตอบกลับ กวาดสายตามองหาพี่ชายฝาแฝด ทั้งที่ขาก็ยังก้าวยาวออกจากงานเลี้ยง ความโกลาหลเริ่มแผ่กระจายไปทั่วทั้งงาน
“ไม่เห็นในงานตั้งแต่แม่เลี้ยงกลับแล้วครับ คิดว่าน่าจะกลับไปด้วยกัน”
“ใช่สิ...คุณโซดาก็ไม่ได้มางาน นายสิงห์น่าจะเป็นห่วงแล้วรีบกลับไป”
ในสถานการณ์ที่วุ่นวาย พิมฐารีบวิ่งเข้ามาดักทาง “คุณพยัคฆ์กับผู้จัดการไปดูแลทางโน้นได้เลยนะคะ ทางนี้เดี๋ยวพิมกับน้องๆ ช่วยดูแลให้เอง ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
“ขอบคุณมากเลยนะครับคุณพิม รบกวนคุณพิมช่วยเคลียร์แขกกลับทั้งหมดได้ไหมครับ ผมไม่อยากให้เป็นข่าว แล้วก็ฝากโทรเรียกรถดับเพลิงให้ผมด้วย ด่วนเลยนะ”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวจะให้น้องๆ ช่วยประชาสัมพันธ์ ไม่ให้แขกตื่นนะคะ”
“ขอบคุณมากครับ ผมต้องไปแล้ว”
“ให้ตามคุณสิงห์มั้ยครับ” ผู้จัดการหนุ่มถามต่อ
“อย่าดีกว่า ฉันจัดการเองได้ ฉันไม่อยากให้นายแม่เป็นกังวลไปด้วยถ้ารู้ข่าว ปล่อยให้ท่านหลับเถอะพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน” พยัคฆ์ตะโกนตอบกลับท่ามกลางเสียงอื้ออึง
