บท
ตั้งค่า

3.หนี

*** ทักทายคร้า ***

เนตรนารีรีบวิ่งเข้าไปนั่งคุกเข่าต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้า สองมือประสานกันระหว่างอก ตามองภาพพระเยซูเจ้าเหนือแท่นบูชาแบบออร์โธด็อกซ์ที่วางอยู่ด้านหน้าด้วยแววตาหวาดหวั่น

“ขอให้พระองค์คุ้มครองพี่จิตรและพี่แอนดูร์ด้วยนะคะ” เนตรนารีอธิษฐานทั้งน้ำตา เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ๆ ทำให้เธอหันไปมองอย่างระวังตัว

“เนตรนารี...”

“แม่ชีมาเชลล์...”

แม่ชีมาเชลล์วัยหกสิบมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาอย่างตกใจระคนสงสัย เพราะไม่คิดว่าหญิงสาวจะมาปรากฏตัวในยามวิกาลเช่นนี้ เนตรนารีโผเข้าไปกอดแม่ชีชราอย่างต้องการที่พึ่ง มืออบอุ่นของสาวกพระผู้เป็นเจ้าโอบกอดอย่างปลอบโยน

“เกิดอะไรขึ้นเนตรนารี” เสียงแหบพร่าเอ่ยถามอย่างสงบเยือกเย็น ในขณะที่มือยับย่นลูบไล้แผ่นหลังอยู่นานจนกระทั่งเสียงสะอื้นนั้นเบาลง

“มีคนตามล่าเนตรค่ะคุณแม่”

แม่ชีมาเชลล์ถึงกับตกใจ เพราะการตามล่าเอาชีวิตไม่ใช่เรื่องเล็ก ร่างท้วมคลายอ้อมแขนออกแล้วรีบไปปิดประตูโบสถ์ด้วยสีหน้ากังวล พอมั่นใจว่าประตูหน้าต่างทุกบานปิดสนิท แม่ชีมาเชลล์ก็คว้ามือบางพาเดินเข้าไปนั่งในห้องเก็บของด้านหลัง

“ใครตามล่าใคร” แม่ชีมาเชลล์ถามอย่างร้อนใจ

แต่เนตรนารียังไม่ทันได้บอกเล่าเรื่องราวใดๆ ประตูโบสถ์ก็ถูกเคาะจากผู้มาเยือนในยามวิกาล หญิงสาวถึงกับหน้าถอดสีมองลอดช่องประตูออกไปด้านนอก

“ไม่ต้องกลัวเนตรนารี พระเจ้าจะคุ้มครองคนดีให้พ้นจากอันตรายทั้งมวล ขอให้เชื่อมั่นในพระองค์แล้วท่านจะคุ้มครองลูก” เสียงปลอบโยนนุ่มนวลของแม่ชีชราไม่อาจดับความหวาดกลัวในใจของเธอได้ มือบางบีบมือยับย่นซึ่งเป็นที่พึ่งสุดท้ายอย่างกลัวๆ

“ตั้งสติและใช้ปัญญาในการแก้ปัญหาเนตรนารี แล้วลูกจะพบทางออก”

“มีใครอยู่ข้างในบ้าง พวกเราขอเข้าไปได้ไหม” เสียงเรียกดังไม่ขาดระยะ จนกระทั่งประตูบานใหญ่เปิดออก แม่ชีมาเชลล์มองชายฉกรรจ์ร่างใหญ่สามคนด้วยท่าทีสำรวม

“ถ้าจะมาสารภาพบาป ขอให้มาช่วงเช้าจะดีกว่านะคะ”

“พวกเราไม่ได้มาสารภาพบาป แต่มาหาคน” ชายคนหนึ่งบอกพลางกวาดสายตาไปทั่วห้องโถง พอไม่เห็นใครก็หันไปหาแม่ชีมาเชลล์ “แม่ชีเห็นผู้หญิงผมยาวอายุประมาณยี่สิบห้ามาที่นี่บ้างไหม”

“ไม่มีใครอยู่ที่นี่นอกจากแม่”

แต่ผู้บุกรุกดูจะไม่เชื่อ ก้าวเข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ด้วยท่าทีคุกคาม แต่แม่ชีชราก็ไม่ยอมหลีกทาง

“อย่าบุกรุกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะบาปจะติดตัวลูกไปตลอดชีวิต” แม่ชีมาเชลล์บอกอย่างใจเย็นเพื่อใช้ความสงบสยบแรงแค้นที่โหมเข้ามา

“พวกเราขอเข้าไปดูให้แน่ใจเท่านั้น ถ้าไม่เจอก็จะไป”

พูดจบทั้งสามก็ก้าวเข้าไปราวพายุจนแม่ชีชราจำต้องยอมหลีกทางให้ ดวงตายับย่นมองประตูห้องเก็บของอย่างกังวล ชายสามคนแยกย้ายกันตรวจตราทุกตารางนิ้วภายในโบสถ์อย่างละเอียด จนกระทั่งมาถึงห้องเก็บของด้านหลัง แม่ชีมาเชลล์ก็รีบเข้าไปขวาง

“ข้างในสกปรกและกลิ่นเหม็นมาก”

ชายร่างยักษ์แสยะยิ้มใช้สายตาบังคับให้หลีกทาง

แม่ชีมาเชลล์กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ เลี่ยงไปยืนข้างประตูอย่างสงบ แต่ในใจกำลังสวดขอพระเจ้าคุ้มครองคนที่อยู่ข้างในให้รอดปลอดภัย

ครั้นมือหยาบกร้านของชายร่างยักษ์ผลักบานประตูเข้าไป กลิ่นเหม็นน่าสะอิดสะเอียนก็ฟุ้งออกมาจนพวกมันยกมือปิดจมูก แม่ชีมาเชลล์เดินตามเข้าไปกวาดสายตามองหาแต่ก็ไร้แม้เงาของคนที่อยู่ข้างใน ทั้งสามคนรื้อค้นทุกซอกมุมแล้วรีบออกมาจากห้องเพราะทนความเหม็นไม่ไหว

แม่ชีมาเชลล์ผ่อนลมหายใจเบาๆ อย่างโล่งอก ก่อนจะรีบเดินตามชายแปลกหน้าไปที่หน้าโบสถ์ แต่รถเก๋งคันสีดำก็พาความชั่วร้ายทะยานผ่านประตูใหญ่ไปเสียก่อน สายตายับย่นมองไฟท้ายรถไปจนลับตา รู้สึกห่วงกังวลคนที่ถูกตามล่า

แม่ชีชราเดินตรงไปโทรศัพท์หาวลัยเด็กสาวที่เคยอุปการะอย่างร้อนใจ

“เนตรนารีมาหาแม่แล้วหายไป วลัยรีบตามไปช่วยเนตรนารีด้วยนะ” พูดจบแม่ชีก็วางหูโทรศัพท์ลงบนแท่นวาง แล้วเดินไปสวดขอพรต่อพระเยซูเจ้าให้คุ้มครองเนตรนารี

เนตรนารีเดินแกมวิ่งไปตามถนนอย่างรีบเร่ง ดวงตาคมโตมองซ้ายขวาอย่างระวังตัว และหันหลังกลับไปมองข้างหลังเป็นระยะ พอเห็นแสงไฟจากหน้ารถสว่างจ้ามาแต่ไกล สมองก็สั่งให้วิ่งอย่างไม่คิดชีวิต แต่ก็ยังช้ากว่ารถเก๋งสีแดงคันสวยที่วิ่งเข้าไปจอดใกล้ๆ เนตรนารีถอยหลังหนีอย่างหวาดหวั่น กระจกรถเลื่อนลงช้าๆ พร้อมกับคนขับชะโงกหน้าออกมาให้เห็น

“เนตร!” เสียงคุ้นหูของเพื่อนรัก ทำให้เนตรนารีดีใจสุดชีวิตแล้วรีบเปิดประตูเข้าไปนั่งข้างคนขับ มือกอดกระเป๋าแนบอก วลัยมองหน้าซีดๆ ของเพื่อนรักอย่างสงสัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“ใจเย็นนะเนตร เรื่องอาจไม่เลวร้ายอย่างที่เราคิดก็ได้”

เนตรนารีพยักหน้าน้ำตาคลอ ปรายหางตาหันมองกระจกข้างเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีรถตามมา

วลัยขับรถไม่นานก็มาถึงคอนโดที่พัก พอเลี้ยวรถเข้าไปจอดก็เอี้ยวตัวไปหยิบหมวกแก๊ปที่วางอยู่เบาะหลังส่งให้เพื่อน

“ใส่ซะ” เนตรนารีรับหมวกไปสวม วลัยเปิดประตูลงมาและกวาดสายตามองรอบบริเวณอย่างระมัดระวัง พอไม่เห็นความผิดปกติใดๆ ก็ส่งสัญญาณให้คนในรถตามลงมา เนตรนารีก้าวลงไปยืนบนพื้นมือกอดกระเป๋าแน่น วลัยรีบคว้ามือเพื่อนขึ้นไปบนห้องพักอย่างรีบร้อนเพื่อความปลอดภัย เพราะเรื่องที่เพื่อนรักจะเล่าให้ฟังนั้นคงไม่ใช่เรื่องเล็กเสียแล้ว

เมื่อเข้าไปในห้องพัก เนตรนารีเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เพื่อนรักฟังอย่างไม่มีปิดบัง จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น วลัยเดินไปหยิบโทรศัพท์แนบหู แต่ยังไม่ได้เอ่ยทักทายใดๆ คนโทรเข้ามาก็พูดขึ้นร้อนรน

“เนตรอยู่กับแกหรือเปล่า” น้ำเสียงของคนปลายสาย ทำให้วลัยหันไปสบตาเนตรนารีแล้วตอบออกไป

“อยู่...มีอะไรมิเชลล์”

“ตอนนี้ฉันกำลังทำข่าวอยู่ที่บ้านเนตร คุณแอนดูร์กับพี่จิตรถูกฆาตกรรม แถมบ้านก็ถูกเผาทำลายหลักฐานวอดไปเกือบหมด” มิเชลล์เพื่อนอีกคนของสองสาวมีอาชีพเป็นนักข่าวบอกอย่างร้อนใจ เนตรนารีมองหน้าซีดขาวของวลัยแล้วเดินไปหา

“ใครโทรมาวลัย”

“มิเชลล์” วลัยบอกเสียงสั่น มือกำกระบอกโทรศัพท์แน่น ไม่กล้าเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังเพราะกลัวเพื่อนรับไม่ได้ เนตรนารีเห็นหน้าซีดเผือดของเพื่อนรัก ใจก็หวั่นๆ กลัวเป็นเรื่องของพี่สาวกับพี่เขย เมื่อไม่ได้รับคำตอบเนตรนารีก็เดินไปเปิดทีวี

****

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel