2.ต้นตอ (ต่อ)
*** ทักทายคร้า ***
แอนดูร์กับจิตราภาหลบอยู่ในห้องนอนมือกำปืนแน่น พอประตูแง้มออกแอนดูร์ก็ยิงผู้บุกรุกทันที
ปังๆ ๆ ๆ
ชายชุดดำหลบข้างประตูแล้วยิงสวนกลับเข้าไป จิตราภาช่วยสามียิงต่อสู้อย่างกล้าหาญ แต่ถูกกระสุนคนร้ายล้มลง
“จิตร...” แอนดูร์ตกใจเข้าไปกอดภรรยาแน่น จิตราภาตาเบิกกว้างเมื่อเห็นจุดสีแดงเล็กๆ ปรากฏอยู่บนศีรษะของสามี
“อย่า...ทำ...เขา” จิตราภาขอร้องเสียงขาดหาย ดวงตาพร่าเบลอมองพวกมันด้วยสายตาวิงวอน และร่างชุ่มเลือดก็รวบรวมกำลังเฮือกสุดท้าย พยุงตัวขึ้นเพื่อใช้ร่างกายปกป้องสามีจากคมกระสุน จิตราภาโอบกอดสามีน้ำตาไหลอาบแก้มอย่างน่าสงสาร คนร้ายเดินเข้าไปหาช้าๆ ปลายกระบอกปืนยังคงเล็งไปที่ร่างของแอนดูร์อย่างไร้ความปรานี
“ได้โปรด...อย่าทำร้ายเธอ เธอไม่รู้เรื่องอะไรด้วย” แอนดูร์บอกพลางกอดร่างจิตราภาแน่น
มือปืนผู้ไม่เคยปรานีให้ศัตรูมองความตายของคนตรงหน้าอย่างเย็นชา แอนดูร์อาศัยจังหวะที่คนร้ายเข้ามาใกล้ตวัดปืนในมือยิงใส่ แต่ถูกด้ามปืนในมือคนร้ายฟาดลงบนใบหน้าเลือดไหลออกมา
“โอ๊ย...” แอนดูร์ร้องด้วยความเจ็บแต่ไม่ยอมปล่อยมือจากร่างภรรยา จิตราภาหายใจรวยรินลงไปทุกขณะแต่ก็กอดรัดสามีอย่างเป็นห่วง
“หลักฐานอยู่ที่ไหน” หนึ่งในสองถามเสียงต่ำ ดวงตาดุดันมองเลือดและความเจ็บปวดของศัตรูเหมือนเป็นเรื่องปกติ
“หลักฐานอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง” แอนดูร์ตอบใบหน้าชุ่มไปด้วยเลือดและเหงื่อ
ริมฝีปากหนายกยิ้ม ปลายกระบอกปืนเล็งไปที่ศีรษะแอนดูร์ จิตราภาตาโตโถมตัวเข้ากอดคอสามีจนล้มลงบนพื้นไปด้วยกัน เสียงปืนก็ดังขึ้นอีกสองนัดซ้อน กระสุนเจาะตัดขั้วหัวใจอย่างแม่นยำ จิตราภาเบิกตาค้างเลือดไหลออกจากปาก สิ้นใจในอ้อมกอดของสามีอย่างน่าเวทนา
“จิตร...จิตร” แอนดูร์ร้องเรียกกอดร่างภรรยาแน่นอย่างเสียใจ มือปืนอีกสองคนที่รื้อค้นอยู่ข้างล่างขึ้นมาสมทบ มันคนหนึ่งส่ายหน้าไปมาเพื่อบอกให้รู้ว่าไม่พบสิ่งที่ต้องการ ชายร่างใหญ่เดินเข้าไปจิกผมแอนดูร์กระชากไปข้างหลังจนหน้าหงาย ริมฝีปากหนาแสยะยิ้มอย่างโหดเหี้ยม
“หลักฐานที่แกได้มาอยู่ที่ไหน”
แอนดูร์เอียงหน้ามองก่อนจะหัวเราะหึๆ ในลำคอ และไม่ยอมตอบคำถามใดๆ เพราะไม่กี่อึดใจลมหายใจของเขาคงหมดลงเช่นกัน ตอนนี้ชีวิตจะอยู่หรือตายเขาไม่กลัว ขอเพียงพระผู้เป็นเจ้าคุ้มครองเนตรนารีให้ปลอดภัยก็พอ
“อยากตายมากรึไงฮะ! หลักฐานอยู่ไหน” คนร้ายอีกคนกระแทกหมัดเข้าที่ท้องแอนดูร์จนตัวงอ
“ฉันไม่รู้หลักฐานอะไรกัน” แอนดูร์บอกเสียงต่ำด้วยความเจ็บ มันออกแรงกระชากผมเขาไปด้านหลัง แอนดูร์จับมือคนที่จิกผมเหนือศีรษะไว้
“หลักฐานที่แกได้มาวันนี้ไง มันอยู่ไหน!” มันถามเสียงลอดไรฟันอย่างดุดัน แต่แอนดูร์ก็ไม่ยอมบอกความจริงใดๆ ชายอีกคนก็สวนหมัดเข้าที่ท้องหนาเต็มแรง แอนดูร์ถึงกับกระอักออกมาเป็นเลือดอย่างน่าสงสาร
“พวกแกเป็นใคร รู้เรื่องนี้ได้ยังไง”
“พวกฉันก็เป็นนักตรวจสอบบัญชีเหมือนกับแกนั่นแหละ แต่เป็นบัญชีตาย” ประโยคท้ายมันบอกเสียงต่ำ สายตาดุดันมองใบหน้าขาวอูมอย่างเหยียดหยัน ยังไม่ทันทีที่แอนดูร์จะตอบคำถามพวกมัน เสียงหวอรถตำรวจก็ดังแว่วมาแต่ไกล คนร้ายจึงลากตัวแอนดูร์ลงไปชั้นล่าง
ขณะเดินผ่านห้องนั่งเล่น แอนดูร์ดิ้นหนีและสะบัดตัวเต็มแรง พอหลุดจากการจับกุมก็วิ่งตรงไปที่ประตูทางออกเพื่อหนีมัจจุราชสีดำ แต่สุดท้ายก็ไม่ทัน พวกมันกระหน่ำยิงเข้าใส่ไม่ยั้งจนร่างท้วมล้มลง เลือดไหลนองเต็มพื้น หนึ่งในสี่คนร้ายเดินไปดูผลงาน เพื่อให้แน่ใจว่าจัดการเป้าหมายได้สำเร็จตามใบสั่ง จากนั้นพวกมันก็รีบจุดไฟเผาทั้งบ้านทั้งคน ก่อนจะหลบหายไปในความมืด ปล่อยให้กองเพลิงเผาผลาญหลักฐานอยู่เบื้องหลังโดยไม่สนใจหันกลับไปมอง
บนเส้นทางเปล่าเปลี่ยวไร้ผู้คนแถบชานเมืองลาครูซ เนตรนารีเดินแกมวิ่งมุ่งหน้าไปยังโบสถ์เล็กๆ ที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กเพื่อไปขอความช่วยเหลือจากคนที่เธอรู้จัก สายตาหวาดหวั่นมองซอกตึกแคบๆ ก่อนจะเดินผ่านไปด้วยหัวใจเต้นระทึก สเปรย์หลากสีสันบรรจงวาดลวดลายอย่างร้อนแรงบนผนัง ทำให้บริเวณนั้นน่ากลัวยิ่งขึ้น มือบางกอดกระเป๋าเป้แนบอก ในขณะที่เท้าก็ก้าวเร็วขึ้นเพื่อผ่านซอกคับแคบของชุมชนแออัดไปยังจุดหมายให้เร็วที่สุด
อากาศยามค่ำคืนหนาวเย็น แต่ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เท้าที่ก้าวไปข้างหน้าช้าลงเรื่อยๆ ร่างโปร่งระหงของเนตรนารียืนหอบหายใจแรงเร็วเพื่อดึงอากาศเข้าไปในปอด ดวงตาคมโตมองแสงไฟในโบสถ์ที่ยังคงส่องสว่างอยู่ข้างในอย่างมีความหวัง
****
