จอมสลัดร้ายพ่ายเสน่หา

134.0K · จบแล้ว
ทรายสีเงิน
72
บท
4.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

คำโปรย จอมสลัดร้ายพ่ายเสน่หา เพราะอยากปกป้องกุญแจปริศนาให้รอดพ้นจากอันตราย เนื่องจากเธอคือคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ''รอยัลมอลต้ากรุ๊ป'' จนต้องสูญเสียครอบครัวที่รักไป 'เวลสัน มอลต้า' หรืออีกนามหนึ่งคือ 'เวลคลาส' จอมสลัดร้ายแห่งท้องทะเลแคริบเบียน จึงจำต้องทำทุกวิถีทางเพื่อรั้งเธอไว้บนเกาะโกซูเมลของเขา แต่ไม่รู้เพราะเธอเสน่ห์แรงหรือเพราะเขาเองที่ใจง่าย สุดท้ายจอมสลัดร้ายถึงได้พ่ายเสน่หาต่อสาวเจ้าจนโงหัวไม่ขึ้นแบบนี้ ความเสียใจและผิดหวังจากการสูญเสียครอบครัว ส่งผลให้ 'เนตรนารี' ไม่คิดจะไว้ใจใครง่ายๆ อีก ยิ่งเป็นจอมโจรแห่งท้องทะเลอย่างกัปตันเวลคลาสด้วยแล้วยิ่งไม่มีทาง แต่การจะหนีไปจากเกาะแห่งนี้กลับไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนอกจากกายที่เขาจงใจรั้งเอาไว้แล้วหัวใจของเธอเองก็ดูเหมือนจะถูกเขาร้อยรัดไว้ด้วยไฟปรารถนาเช่นกัน “ผู้หญิงคนไหนก็ชอบผมทั้งนั้น เว้นก็แต่คุณ” “คุณก็เลยพยายามจะเอาชนะฉันด้วยการย่ำยี” เวลสันยกยิ้มที่มุมปากหยัก ก่อนจะจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่งามเมื่อหญิงสาวกล่าวจบ “คนพวกนั้นคงไม่ปลื้มถ้ารู้ว่าคุณยังไม่ลงมือฆ่าฉัน” เนตรนารีพยายามบังคับเสียงให้เป็นปกติ หากให้เลือกระหว่างความตายกับการต้องเป็นโสเภณีไร้ค่าที่มีไว้เพียงเพื่อระบายความใคร่ เธอขอตายอย่างมีศักดิ์ศรีจะดีกว่า “ผมมีข้อเสนอใหม่มาให้ คุณสนใจไหม” “ข้อเสนออะไรไม่ทราบ” เธอถามพลางผลักร่างกำยำลงจากตัว แต่อีกฝ่ายก็เหมือนจะแกล้งเคลื่อนกายไปมาให้เรือนกายกำยำเสียดสีกับร่างนุ่มจนเธอหนาวๆ ร้อนๆ ราวจับไข้ “ยอมเป็นผู้หญิงของผม เพื่อแลกกับชีวิตของคนที่สั่งฆ่าพี่สาวกับพี่เขยของคุณ”เนตรนารีถึงกับอึ้งไปนานกับข้อเสนอที่ได้ยิน หญิงสาวจ้องหน้าเขาตาไม่กะพริบ ก่อนจะตัดสินใจถามออกไป “นานแค่ไหน” “ไม่มีกำหนด แต่รับรองว่าคุณมีแต่ได้กับได้” เวลสันยิ้มก่อนจะซุกไซ้ปลายจมูกลงบนแก้มนวล “ถ้าคุณตายก่อนที่จะจัดการพวกมันได้ล่ะ ฉันไม่แย่หรอกหรือ” เธอเริ่มต่อรอง “ผมมีทีมงานมืออาชีพและเป็นแมวเก้าชีวิต รับรองชีวิตนี้ไม่ตายเพราะถูกฆ่าหรอก แต่อาจจะตายเพราะไม่ได้เสน่หา” เขาบอกเสียงพร่าแล้วกกกอดร่างงามแน่น ก่อนที่ริมฝีปากร้อนผ่าวจะพรมจูบดวงหน้าเนียนสวย “ฉันขอเวลาคิดสักอาทิตย์ได้ไหม” “นาทีทองกำลังจะผ่านไปแล้วทูนหัว ตอบมาว่า ‘โน’ หรือ ‘โอเค’ เท่านั้น ทุกอย่างก็จบ” “ฉัน...” ริมฝีปากอิ่มขยับพูดได้เพียงเท่านั้นก็ถูกริมฝีปากร้อนรุ่มประทับจูบลงมาอย่างหนักหน่วง เพื่อสกัดกั้นคำตอบที่ไม่พึงประสงค์ของเธอ เพราะคำตอบของจอมสลัดร้ายมีเพียงคำตอบเดียวนั่นก็คือ ‘โอเค’

นิยายรักโรแมนติกประธานพลิกชีวิตเศรษฐีโรแมนติก

1.ต้นตอ

*** ทักทายคร้า ***

เอี๊ยด!!!!!

เสียงล้อรถบดเบียดผิวถนนดังสนั่น ในขณะที่คนขับแตะเบรก หักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปในบ้านอย่างรีบร้อน พอรถจอดสนิท แอนดูร์ มาคลอส นักตรวจสอบบัญชีกลางของบริษัทเดินเรือยักษ์ใหญ่อย่างรอยัลมอลต้ากรุ๊ปก็เปิดประตูลงมาด้วยท่าทีร้อนรน ดวงตาภายใต้แว่นสายตาหนาหันกลับไปมองประตูใหญ่หน้าบ้านอย่างหวาดหวั่น ทำให้จิตราภาภรรยากับเนตรนารีน้องสาวต้องหันไปมอง พอเห็นท่าทางร้อนรนของสามีจิตราภาก็รีบเดินไปหา

“ทำไมกลับเร็วล่ะคะแอนดูร์”

แอนดูร์คว้ามือภรรยาเดินเข้าไปในบ้าน ใบหน้าอูมขาวชุ่มไปด้วยเหงื่อมองหน้าประตูเป็นระยะ เนตรนารีมองตามสายตาพี่เขยไปอย่างแปลกใจ

“เราต้องรีบไปจากที่นี่” แอนดูร์บอกขณะวางกระเป๋าเอกสารบนโซฟา เสียงร้อนรนของพี่เขยทำให้เนตรนารีลุกขึ้นยืน ลางสังหรณ์บางอย่างบอกให้รู้ว่าครอบครัวเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย

“เกิดอะไรขึ้นคะ” จิตราภายึดแขนสามีไว้อย่างหวั่นๆ

“ผมเจอหลักฐานสำคัญบางอย่างในอดัมเทรเวล พวกมันกำลังตามมาเอาคืนน่ะสิ คุณกับเนตรรีบหนีไป ผมจะอยู่รับหน้าพวกมันเอง เร็วเนตรพาจิตรหนีไป” แอนดูร์เร่ง หันไปหาเนตรนารีซึ่งยังคงตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอทำงานช่วยพี่เขยมาหลายวันก็พอจะรู้เรื่องราวอยู่บ้าง แต่ไม่คิดว่าพวกมันจะรู้ตัวเร็วขนาดนี้ พอได้สติเนตรนารีรีบดึงมือพี่สาวออกไป แต่จิตราภาขืนตัวไว้ไม่ยอมไปตามแรงฉุด

“ไม่ค่ะ จิตรจะอยู่กับคุณ เนตรรีบหนีไปให้ไกลที่สุดเลยนะไม่ต้องห่วงพี่” จิตราภาจับมือน้องสาวบีบแรงๆ เนตรนารีมองพี่สาวและพี่เขยอย่างหวั่นๆ กลัวว่าทั้งสองจะได้รับอันตราย

“ทำไมเราไม่แจ้งตำรวจคะพี่แอนดูร์”

“ไม่มีประโยชน์หรอกเนตร พวกมันมีพรรคพวกเยอะมาก อีกอย่างคุณโทมัสก็ไม่อยู่ด้วย พี่ไม่อยากฝากหลักฐานสำคัญไว้กับคนอื่น” แอนดูร์บอกพลางมองออกไปนอกตัวบ้าน แสงอาทิตย์อัสดงกำลังเลือนหายจากขอบฟ้า แสงดำทะมึนของราตรีเริ่มโรยตัวเข้ามาแทนที่เรื่อยๆ

แอนดูร์รีบเปิดกระเป๋าหยิบเอกสารและอุปกรณ์บางอย่างยัดใส่มือเนตรนารีและดันร่างบอบบางออกทางประตูหลัง

“หลักฐานสำคัญอยู่ในนี้นะเนตร หาทางเอาไปให้คุณโทมัสให้ได้ ต้องเป็นคุณโทมัสคนเดียวเท่านั้นนะ” แอนดูร์ย้ำชื่อประมุขตระกูลมอลต้าและดันแผ่นหลังบางให้รีบไป เนตรนารียืนกอดเอกสารแนบอกอย่างลังเล

“รีบไป” แอนดูร์เร่งอีกครั้ง

หญิงสาวมองหน้าพี่สาวกับพี่เขยผ่านม่านน้ำตาอย่างอาวรณ์ ก่อนจะยกมือปาดออกจากแก้ม

หากคนทั้งสองเป็นอะไรไป ทุกคนที่เกี่ยวข้องก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิตเช่นกัน...เธอบอกตัวเองอย่างมาดมั่น และวิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอพระเจ้าคุ้มครองครอบครัวของเธอให้ปลอดภัยด้วย

“พี่จิตร...” เนตรนารีเรียกชื่อพี่สาวเสียงเครือคล้ายจะบอกลาเป็นครั้งสุดท้าย น้ำใสๆ ก็ยังคงรินไหลออกมาไม่หยุด

“ดูแลตัวเองดีๆ นะเนตร” จิตราภาบอกทั้งน้ำตา เนตรนารีวิ่งกลับไปกอดพี่สาว รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก

“เราสามคนหนีไปด้วยกันนะคะพี่จิตร พี่แอนดูร์”

เธอคลายอ้อมแขนออก จิตราภายกมือประคองสองแก้มที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาของน้องสาว

“เราหนีพวกเขาไม่พ้นหรอกเนตร อิทธิพลของคนพวกนี้มากเหลือเกิน ถ้าพี่เป็นอะไรไป เนตรต้องไปขอความช่วยเหลือจากคุณโทมัสนะ มีเพียงตระกูลมอลต้าเท่านั้นที่จะทำให้เนตรรอดพ้นจากคนชั่วพวกนั้นได้”

เนตรนารีพยักหน้า สูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดเพื่อเรียกความกล้าหาญให้กับตัวเอง ก่อนจะบีบมือพี่สาวแน่น

“จำไว้นะ เนตรต้องเอาหลักฐานพวกนี้ไปให้คุณโทมัสให้ได้”

เนตรนารีวิ่งเข้าไปกอดพี่เขยเพื่อบอกลาแล้ววิ่งออกประตูหลังไป โดยมีสายตาสองคู่มองตามอย่างห่วงกังวลไม่แพ้กัน ไม่นานแสงสุดท้ายของวันก็ค่อยๆ เลือนหายเพื่อคืบคลานสู่รัตติกาลอันหนาวเหน็บ

ท้องฟ้ายามค่ำคืนเต็มไปด้วยกลุ่มเมฆดำปกคลุมไปทั่วพื้นฟ้า แสงดวงดาวที่เคยสุกสกาวอับแสง ทุกสรรพสิ่งนิ่งสงบสยบความมืดมิดแห่งราตรี ตอกย้ำให้คืนเดือนดับน่ากลัวมากขึ้นเป็นเท่าทวี ส่งให้พลังแห่งความชั่วร้ายพร้อมจะทำลายล้างความดีให้สลายไป

แต่ท่ามกลางความเงียบสงัดนั้น รถยนต์คันหนึ่งแล่นไปตามถนนนอกเมืองด้วยความเร็วสูงสุด จนกระทั่งเข้าไปจอดข้างกำแพงบ้านสองชั้นสีขาว พอเครื่องดับสนิทประตูรถกระบะสีดำคันดังกล่าวก็เปิดออกช้าๆ ตามด้วยชายชุดดำสี่คนก้าวลงไปยืนข้างรถ ใบหน้าแต่ละคนเย็นชา แววตาโหดเหี้ยมและดุดัน อาวุธประจำกายที่ติดตัวมาก็ทรงประสิทธิภาพ ภายในบรรจุกระสุนเต็มพิกัด หมายจะจัดการเป้าหมายตามใบสั่งให้ดับดิ้นสิ้นชื่อ รังสีอำมหิตและกลิ่นคาวเลือดแผ่กระจายรอบบริเวณจนทุกสรรพสิ่งรอบกายหยุดการเคลื่อนไหว ใบไม้ข้างรั้วยังไม่กล้าขยับเพราะหวาดหวั่นสิ่งที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้

เมื่อได้เวลาจู่โจม สายตาเหี้ยมโหดทั้งสี่คู่ก็มองเข้าไปในบ้าน หมวกไหมพรมสีดำบนศีรษะถูกดึงลงมาปิดใบหน้า จากนั้นผู้มาพร้อมกับความมืดแห่งราตรีก็อาศัยเงาของต้นไม้ใหญ่ข้างกำแพง ปีนป่ายเข้าไปบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน แล้ววิ่งไปยืนข้างประตูด้วยฝีเท้าเงียบกริบสมกับเป็นนักฆ่ามืออาชีพ หนึ่งในสี่ใช้วิชามารงัดประตูแย้มออกแล้วแทรกตัวผ่านเข้าไป สองคนขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง คนที่เหลือช่วยกันค้นหาสิ่งที่ต้องการตามห้องต่างๆ อย่างขะมักเขม้น

****