9. เรื่องลับรู้กันเพียงสองคน
“อะไรล่ะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน..เหมือนเป็นเงาเคลื่อนไปเร็วมากมันน่ากลัวยังกะ..ผีแน่ะ”
“หล่อนกลัวผีก็คิดว่าจะเป็นผีน่ะสิ” สายใจว่า
“เอ๊ะ...หรือว่าขโมย..แต่ขโมยที่ไหนจะเข้ามาได้ล่ะ กำแพงที่ล้อมคฤหาสน์ก็สูง แถมประตูด้านหน้าก็มียามเฝ้าตั้งสองสามคน...ส่วนประตูเล็กด้านหลังคฤหาสน์ ก็เป็นบ้านพักของลุงบุญมี แกก็ปิดประตูเหล็กซะแน่นหนา ลูกหมาตัวเล็ก ๆ สักตัวยังเล็ดลอดเข้ามาไม่ได้ด้วยซ้ำ”
น้อยหน่า พูดเหมือนรำพึงกับตัวเอง
“แหม..เพิ่งมาอยู่ไม่นานก็รู้ไปหมดเลยนะ ยัยน้อยหน่า”
สายใจ ชมปนประชด
“คนทำครัวเล่าให้ฟังจ๊ะ..เพราะฉันเองก็รู้เฉพาะประตูด้านหน้าเท่านั้น แต่ไม่เคยไปดูที่ประตูเล็กด้านหลังเลยเห็นมันรกครึ้มมีแต่ต้นไม้ใหญ่ ๆ”
“ดีแล้วล่ะแถวนั้นไม่มีอะไรน่าดูหรอก”
“แต่ฉันเห็นมีบ้านหลังเล็กสีฟ้าอยู่หลังหนึ่งแยกออกไปจากหลังอื่น ๆ ดูตอนกลางวันมันก็ร่มรื่นดีอยู่หรอก แต่กลางคืนนี่สิน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้ ฉันว่าจะชวนยัยน้ำฝน ไปเดินสำรวจดูตอนกลางวันอยู่เหมือนกัน”
“อยากจะไปอยู่ที่เรือนสีฟ้าไหมล่ะ ที่นั่นเคยเป็นฮาเร็มส่วนตัวของคุณฉัตรชัย ถ้าเธออยากเป็นผู้หญิงของคุณฉัตรชัย ฉันจะได้เสนอให้”
สายใจ แกล้งถาม
“บ้าเหรอพี่..ท่าทางคุณผู้ชายน่ะดูเงียบ ๆ ขรึม ๆ น่ากลัวแบบนั้น ยังอุตส่าห์มีฮาเร็มไว้ในบ้านด้วยเหรอไม่น่าเชื่อเลยเนอะ”
“ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน แต่ก็ได้ยินมาแบบนั้น”
“เป็นไปได้ไหมพี่...ว่าอาจจะเพราะคุณผู้ชายชอบพาผู้หญิงมานอนค้างที่เรือนหลังเล็กนั่นเป็นประจำ จึงเป็นเหตุให้คุณแม่ของคุณหนูดาตรอมใจจนกระโดดบันไดประท้วง แต่กลับตายจริง ๆ”
น้อยหน่า สันนิษฐานด้วยความตื่นเต้น
“ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันแปลกใจมากกว่า ว่าช่วงที่คุณถนอมจิต กับคุณหนูดา ไปอเมริกาก็ไม่เห็นว่าคุณฉัตรชัย จะพาผู้หญิงเข้ามานอนที่เรือนสีฟ้านะ แทนที่พอคุณถนอมจิตไม่อยู่คุณฉัตรชัย จะยิ่งระริกระรี้พาผู้หญิงเข้ามา กลับไม่มีเลย ตรงข้ามกับตอนที่คุณถนอมจิตอยู่สิ พาผู้หญิงมาค้างประจำ ทำยังกะจะให้คุณถนอมจิต กับคุณหนู ได้ช้ำใจอย่างนั้นแหละ”
สายใจ พูดด้วยความสงสัย
“แต่ตอนนี้คุณถนอมจิตกับคุณหนูดาก็กลับมาจากอเมริกาตั้งนานแล้ว ไม่เห็นคุณผู้ชายเอาผู้หญิงมาค้างแล้วนี่”
น้อยหน่า แสดงความเห็นบ้าง
“อายุก็มากขึ้นทุกวันอาจจะคิดได้ แถมกำลังจะได้ลูกเขยด้วยคงไม่อยากจะทำเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้ลูกเขยทำตามละมั้ง” สายใจว่า
“พูดก็พูดเถอะพี่..นึกยังไงคุณผู้ชาย ถึงยอมยกคุณหนูดา ให้หมั้นกับคุณวรวิทย์ ไปได้ รู้ทั้งรู้ว่าคุณวรวิทย์ มีข่าวทำร้ายคนเขาไปทั่ว แล้วแต่ละเรื่องก็มีผู้หญิงมาเกี่ยวข้องด้วยทั้งนั้น”
“คงจะเห็นเป็นลูกรัฐมนตรีน่ะแหละ ฉันล่ะสงสารคุณหนูดาจริงจิ้ง”
“ใช่พี่..ฉันเห็นหน้าคุณหนูตอนรับหมั้นแล้วสงสารจับใจเลย”
ทั้งคู่ได้แต่แสดงความคิดเห็นเท่านั้น ไม่สามารถที่จะเข้าไปรับรู้เรื่องราวของเจ้านายได้
……………….
“ผมจัดการทุกอย่างตามที่คุณบอกเรียบร้อยแล้วนะ”
บุญมี กระซิบกับถนอมจิต ขณะนี้ทั้งคู่ กำลังคุยกันอยู่มุมมืดใต้ต้นไม้ที่อยู่ด้านหน้าของบ้านพักคนรับใช้ ห่างออกมาจากตัวคฤหาสน์พอสมควร ถนอมจิต คุ้นเคยกับเส้นทางที่จะลักลอบมาหาบุญมี ที่นี่
คนรับใช้ภายในคฤหาสน์ต่างรู้ดีว่า นอกจากงามพิศ แล้ว ยังมีบุญมี อีกคนที่เป็นคนสนิทคอยรับใช้ถนอมจิต และคอยขับรถให้กับฉัตรธิดา ในเวลาที่ต้องออกไปข้างนอก
บุญมี จึงได้รับสิทธิพิเศษกว่าคนงานผู้ชายคนอื่นในการมีบ้านพักส่วนตัวเป็นสัดส่วนแยกออกมาจากคนอื่น และที่สำคัญถนอมจิต มีทางลัดจากห้องใต้ดินออกมาทะลุเนินดินด้านหลังของตัวคฤหาสน์ออกมายังบ้านพักของบุญมีด้วย ซึ่งเป็นที่รู้กันระหว่างถนอมจิต กับบุญมีเท่านั้น แม้แต่ฉัตรชัยก็ไม่รู้
เพราะเรื่องที่เกี่ยวกับการดูแลคฤหาสน์ และบริวารทั้งหมดฉัตรชัย มอบหมายให้ถนอมจิต เป็นคนจัดการดูแลทั้งหมด
“ดี.. ทำทุกอย่างให้ปกติ อีกสองวันฉันจะมาฟังข่าว..ออ..พรุ่งนี้ เธอต้องขับรถพายัยดา ไปทำบุญที่วัดนะ ฉันฝากดูแลยัยดาด้วย”
“ถึงคุณไม่ฝากให้ดูแลหนูดา..ผมก็ต้องปกป้องเธอด้วยชีวิตของผมอยู่แล้ว คุณก็รู้ว่าเพราะอะไร”
“อือ..งั้นฉันไปล่ะ”
ถนอมจิต พูดจบ ก็กระชับผ้าคุลมศีรษะให้ปกปิดใบหน้าและคอ ก่อนจะสาวท้าวออกไป เงาของหล่อนเคลื่อนที่หายออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว บุญมี มองตามจนลับตา ก่อนจะเดินกลับเข้าไปที่บ้านพักของเขา
........................
“ดาร์ลิ้งขา..โทรศัพท์ค่ะ”
ริต้า กระซิบที่หูของวรวิทย์ หลังจากที่เสียงสัญญานมือถือดังขึ้นหลายครั้งแล้ว แต่วรวิทย์ ไม่มีทีท่าจะขยับตัวแต่อย่างใด ริต้าเหลือบมองชื่อที่โชว์หน้าจอว่า “แม่” จึงถือวิสาสะกดรับแทนทันที
“สวัสดีค่ะคุณแม่...พอดีวิทย์ ยังนอนไม่ตื่นเลยค่ะ”
ริต้า บอกเสียงหวาน หล่อนนึกย้อนไปเมื่อครั้งที่คุณหญิงพรสินี เดินทางไปเยี่ยมวรวิทย์ ที่อเมริกา และพบว่าลูกชายอยู่กับริต้า ทำให้คุณหญิงพรสินีไม่พอใจมาก และแสดงความไม่ชอบหน้าหล่อนอย่างเปิดเผยตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบหน้ากัน
“ฉันไปเป็นแม่หล่อนตั้งแต่เมื่อไหร่..แล้วหล่อนเป็นใครถึงได้มารับสายแทนลูกชายฉัน”
เสียงคุณหญิงพรสินี วางอำนาจ
“คุณแม่..อุ๊ย..คุณหญิง..จำเสียงริต้าไม่ได้หรือคะ ริต้าแฟนของวิทย์ไงคะ..ริต้าเพิ่งจะมาจากอเมริกาค่ะ” ริต้า แกล้งทำเสียงหวาน
“ฉันไม่รับรู้หรอกย่ะ..ตาวิทย์ มีผู้หญิงรอบข้างเป็นสิบ ๆ ถ้าจะนับว่าใครเป็นแฟนบ้าง ฉันคงจำไม่หวาดไม่ไหว ฉันรู้แต่ว่าลูกชายฉันมีคู่หมั้นที่กำลังจะแต่งงานกันเร็ว ๆ นี้เพียงคนเดียวเท่านั้นชื่อฉัตรธิดา ลูกสาวคนเดียวของเศรษฐีเมืองไทยเจ้าของธุรกิจพันล้านอย่างแฮปปี้เวิร์ล ..ไม่ใช่ลูกสาวของใครก็ไม่รู้ที่พ่อแม่มีหนี้ท่วมหัว แต่ก็ยังอุตส่าห์ส่งลูกไปชุบตัวเมืองนอกหวังจะให้จับผู้ชายรวย ๆ ไปใช้หนี้ให้”
“คุณแม่!..”
ริต้า กรีดเสียงร้องด้วยความโกรธ และเสียงของหล่อนก็ดังพอที่จะทำให้วรวิทย์ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาได้
