ฆาตกรรมทำเพื่อเธอ

ร่างบอบบางของฉัตรธิดา ในชุดไทยจักรีสีครีมกำลังนั่งอยู่หน้ากระจก แววตาของหล่อนขณะที่มองดูตัวเองในกระจกนั้นดูเลื่อนลอยเย็นชาเสมือนหุ่นขี้ผึ้งไร้ชีวิต

ความสวยงามของชุด อีกทั้งความสวยงามของใบหน้ากับทรงผมที่ช่างแต่งหน้าทำผมได้บรรจงแต่งแต้มให้หล่อนกว่าสามชั่วโมงเพื่อให้ดูสวยที่สุดในวันนี้ ไม่ได้ทำให้เจ้าของชุดสวย รู้สึกชื่นชมยินดีแม้แต่น้อย

หล่อนละสายตา จากกระจกค่อย ๆ ก้มมองดูมือข้างที่สวมแหวนเพชรเม็ดงามราคาแพงด้วยความรู้สึกเฉยเมย แหวนเพชรวงนี้มันก็เป็นแค่เพียงเครื่องประดับธรรมดาชิ้นหนึ่งเท่านั้น หาได้มีความหมายอะไรสำหรับหล่อนไม่ ทั้งที่มันเป็นแหวนหมั้นที่หล่อนเพิ่งจะเข้าพิธีรับหมั้นกับวรวิทย์ พิบูลย์วรโชติ ลูกชายคนโตของรัฐมนตรีก้องภพ พิบูลย์วรโชติ ที่เป็นรัฐมนตรีอยู่ในรัฐบาลชุดปัจจุบัน

งานหมั้นได้จัดขึ้นภายในคฤหาสน์ร้อยล้านของฝ่ายหญิงเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้เอง

ฉัตรธิดา เป็นลูกสาวคนเดียวของฉัตรชัย บวรศิลป์ชัย นักธุรกิจสถานบันเทิง“แฮปปี้เวิร์ล” ศูนย์รวมธุรกิจบันเทิงครบวงจร ที่มีทั้งโรงภาพยนตร์โรงละครที่ทันสมัยหรูหราที่สุด มีการแสดงมายากลและคอนเสิร์ตระดับโลกอยู่เสมอ รวมไปถึงผับ คาเฟ่ คาราโอเกะ ภัตตาคารและห้องจัดเลี้ยง สื่อมวลชนต่างก็ขนานนามฉัตรชัยว่า

“เจ้าพ่อสถานอัครบันเทิง”

ดังนั้น เมื่อลูกชายนักการเมืองชื่อดัง หมั้นหมายกับลูกสาวเจ้าพ่อสถานบันเทิงชื่อดังก็ย่อมเป็นธรรมดาที่จะมีผู้สื่อข่าวมาทำข่าวกันมากมาย ฉัตรธิดาจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเป็นบุคคลในข่าวในฐานะลูกสาวเพียงคนเดียวของเจ้าพ่อสถานบันเทิง และในฐานะคู่หมั้นของลูกชายนักการเมือง

วรวิทย์ ที่บัดนี้ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของฉัตรธิดาแล้ว เขาเป็นลูกชายคนโตของรัฐมนตรีก้องภพกับคุณหญิงพรสินี โดยวรวิทย์ มี น้องชายคนหนึ่ง คือ วรธรรม ซึ่งทั้งสองพี่น้องมักจะเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปในทางที่ไม่ค่อยดี มีข่าวฉาวอยู่เป็นประจำ แม้กระทั่งก่อนหน้าที่จะมีงานหมั้นเกิดขึ้น วรวิทย์ก็เคยขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับมาแล้ว อาทิเช่น

“วรวิทย์ ลูกชายรัฐมนตรีก้องภพ กร่างกลางผับ ใช้ปืนตบหน้าคู่อริ”

นั่นคือข้อความพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง และก่อนหน้านี้ไม่ถึงเดือนก็เคยพาดหัวข่าวว่า

“สองพี่น้องอันธพาล ลูกชายรัฐมนตรียกพวกรุมตื้บนักศึกษาหนุ่มอาการปางตายเหตุแย่งผู้หญิงในผับ”

และข่าวทำนองนี้ก็เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉัตรธิดาเคยเปิดเข้าไปเวปไซต์หนึ่งในอินเตอร์เน็ต ก็มักจะมีผู้คนตั้งกระทู้พูดถึงลูกชายนักการเมืองทั้งสองคนนี้อยู่เสมอ คนที่เข้าไปแสดงความคิดเห็นต่างก็ก่นด่าแสดงให้เห็นถึงความเกลียดชังที่ลูกคนดังทำตัวเป็นอันธพาลครองเมือง ไม่หวั่นเกรงต่อกฎหมาย แม้แต่ถนอมจิตผู้เป็นป้าของฉัตรธิดาก็ยังเคยออกปากกับฉัตรธิดาไว้ว่า

“ผู้หญิงคนไหนได้แต่งงานกับสองพี่น้องคู่นี้คงโชคร้ายน่าดู”

แล้ววันนี้ฉัตรธิดา ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงโชคร้ายคนนั้น

แต่..ทำไมป้าถนอมจิตของหล่อน จึงยอมให้หล่อนหมั้นกับ วรวิทย์ ลูกชายคนโตของก้องภพ.

คำถามนี้ ฉัตรธิดา ไม่ได้รับคำตอบจากถนอมจิต เลย นอกจากคำพูดของป้าที่บอกเพียงว่าให้หล่อนยอมตามใจฉัตรชัย ผู้เป็นบิดา ด้วยการหมั้นกับวรวิทย์ ไปก่อน

ป้าถนอมจิต บอกฉัตรธิดา หลังออกมาจากห้องทำงานของฉัตรชัยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ฉัตรธิดา รู้ว่าการเจรจาของป้าไม่สำเร็จไม่สามารถทัดทานความต้องการของบิดาไปได้ ทั้งที่ตลอดมาป้าถนอมจิต สามารถปกป้องหลานรักอย่างฉัตรธิดาได้แทบทุกเรื่อง แต่ครั้งนี้ถนอมจิตกลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ปล่อยให้ฉัตรชัย ออกคำสั่งให้ฉัตรธิดาหมั้นกับวรวิทย์ได้

หล่อนไม่เข้าใจ ทำไมป้าถึงได้เห็นดีเห็นงามกับบิดาไปได้เช่นนั้น

“คุณหนูดาขา...คุณป้าถนอมจิตให้เอาของว่างมาให้ค่ะ”

เสียงของงามพิศ คนรับใช้เก่าแก่วัยหกสิบเศษ ทำให้ฉัตรธิดาสะดุ้งเล็กน้อย หล่อนหันไปมองงามพิศที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมกับน้อยหน่า สาวใช้วัยรุ่นอีกคนที่ยกถาดอาหารเครื่องดื่มเดินตามเข้ามา

ภายในห้องส่วนตัวของฉัตรธิดา ที่กว้างใหญ่หรูหราสะดวกสบายคล้ายห้องสูทในโรงแรมหรู ถูกจัดแยกส่วนใช้งานอย่างเป็นสัดส่วนลงตัวครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นมุมแต่งตัว มุมพักผ่อน มุมโต๊ะทำงานที่มีคอมพิวเตอร์ตั้งวางอยู่ ส่วนของห้องนอนก็จะแยกออกไปอีกมุมหนึ่ง

“คนพวกนั้นกลับไปกันหมดหรือยังคะป้า”

งามพิศเข้าใจดีว่า “คนพวกนั้น” ที่ฉัตรธิดาพูดถึงก็คือครอบครัวของคู่หมั้นนั่นเอง