7. เขม่นไม่ชอบหน้ากัน
“อ้าว..นายเต้ มาพอดีเลย”
เสียงของฉัตรชัย พูดขึ้น ทำให้ทุกคนบนโต๊ะหันไปมองรังสิมันตุ์ ที่กำลังเดินเข้ามาในชุดสูทชุดเดียวกับที่แวะไปหาถนอมจิต เขายกมือไหว้ก้องภพ และคุณหญิงพรสินี ก่อนจะโค้งศีรษะให้กับวรวิทย์ และวรธรรม ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“พี่เต้....นั่งกับดาตรงนี้สิคะ”
ฉัตรธิดา รีบขยับที่นั่งด้วยความกระตือรือร้น หล่อนมีแววตาเป็นประกายด้วยความดีใจจนเป็นที่หมั่นไส้ของวรวิทย์ ที่แอบมองอยู่
วรวิทย์ นึกแปลกใจที่ฉัตรธิดา เปลี่ยนจากนั่งเงียบ ๆ มาตั้งนาน มาเป็นคนที่ขยับปากพูดขึ้นมาได้ แถมยังแสดงอาการดีใจเมื่อเห็นรังสิมันตุ์ จนเขารู้สึกผิดสังเกต
“มานั่งตรงนี้ดีกว่าเต้...จะได้คุยเรื่องงานหน่อย”
ฉัตรชัย พูดขึ้น
รังสิมันตุ์ ชะงักเท้าที่จะเดินไปหาฉัตรธิดา แต่เขาก็แอบสบตากับหล่อน เพื่อสื่อสารให้หล่อนได้เข้าใจว่า เขาขัดคำสั่งของฉัตรชัยไม่ได้
“นี่เพิ่งกลับจากออฟฟิศหรือหลานชาย”
ก้องภพ กล่าวทักทายบุตรบุญธรรมของฉัตรชัย
“ครับคุณลุง..พอดีมีงานด่วนเข้ามาน่ะครับก็เลยไม่ได้อยู่ร่วมพิธีหมั้นตอนเช้าด้วย..ยังไงก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับคุณวรวิทย์”
ตอนท้ายเขาหันไปส่งยิ้มให้กับวรวิทย์ แต่แววตาของเขาไม่ได้แสดงว่ายินดีเช่นที่ปากพูด
“ถ้าคุณยินดีกับผมจริง ๆ ก็ต้องขอบคุณล่ะครับ”
วรวิทย์ ตอบด้วยน้ำเสียงที่รู้ทันว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไรกับตนอยู่ เขาหรี่ตามองรังสิมันตุ์ เหมือนจะค้นคว้าไปให้ถึงจิตใจ แต่อีกฝ่ายรีบเดินไปนั่งเก้าอี้ข้างฉัตรชัย ทันที
“ตกลงทุกอย่างเรียบร้อยไหมเต้”
ฉัตรชัย พอจะมองออกว่าสองคนนี้ไม่ค่อยจะกินเส้นกันจึงรีบเบี่ยงเบนหัวข้อสนทนาหันมาถามรังสิมันตุ์
“ไม่มีปัญหาอะไรแล้วครับคุณลุง..ทุกอย่างเรียบร้อยดี”
“ดีมาก..ลุงก็จะได้เดินทางไปญี่ปุ่นได้เสียที”
ฉัตรชัย พยักหน้าแววตาพอใจ
“มีลูกชายขยันแล้วก็เก่งแบบนี้มันก็น่าจะมีสักสิบคนหรอกนะฉัตรชัย จะได้ช่วยบริหารงานอย่างสบายใจหายห่วง”
ก้องภพ รู้ว่าฉัตรชัย ภูมิใจกับลูกชายบุญธรรมคนนี้แค่ไหน เขาจึงกล่าวชมเป็นการเอาใจ
“ตาวิทย์ ดูเต้ เขาเป็นตัวอย่างสิลูก จะได้บริหารแฮปปี้เวิร์ลช่วยลุงฉัตรชัยได้”
คุณหญิงพรสินี ได้โอกาสรีบนำเสนอลูกชายทันที
“นั่นสิ..อยู่ใกล้คนเก่ง ๆ จะได้เก่งตามไปด้วย” ก้องภพ เห็นด้วย
“ผมก็จบบริหารจากอเมริกาเหมือนกันนะครับพ่อ ถึงจะไม่ได้เกียรตินิยม แต่ก็สามารถทำงานช่วยคุณลุงได้อยู่แล้ว”
วรวิทย์ ปรายหางตาไปทางรังสิมันตุ์ เขารู้สึกไม่ชอบใจที่ทุกคนดูจะชื่นชมรังสิมันตุ์ กันหมด
“ถ้าวิทย์พร้อมเมื่อไหร่ก็เข้าไปฝึกบริหารงานได้ ลุงอนุญาต” ฉัตรชัย บอกวรวิทย์
“ขอบคุณครับคุณลุง..เอาไว้ผมว่าง ๆ จะขอเข้าไปดูว่าจะช่วยอะไรคุณลุงได้บ้าง ผมถือว่าไปในฐานะเป็นตัวแทนของน้องดาครับ”
วรวิทย์ พูดพร้อมกับเอนศีรษะไปทางฉัตรธิดา ทำให้รังสิมันตุ์ ต้องข่มความรู้สึกไม่พอใจเอาไว้ แต่วรวิทย์ ก็พอจะมองออก และถ้าเขาไม่เกรงใจฉัตรชัย ก็อยากจะพูดต่อด้วยซ้ำว่า สถานะลูกบุญธรรมอย่างรังสิมันตุ์ ไม่มีสิทธิ์เท่ากับลูกเขยอย่างเขา
................
“ ผมส่งพ่อกับแม่ที่บ้านแล้ว ผมขอตัวไปหาเพื่อนนะครับ”
วรวิทย์ บอกกับบิดามารดาที่นั่งอยู่ด้านหลังของรถ ในขณะที่เขาขับรถออกมาจากคฤหาสน์ของฉัตรชัย โดยมีวรธรรม นั่งด้านหน้าคู่กับเขา
“ดึกดื่นป่านนี้แกจะออกจากบ้านไปไหนอีก..ห้ามกลับไปนอนที่คอนโดนั่นนะ ตาวิทย์”
คำสั่งของก้องภพ ถึงกับทำให้วรวิทย์ ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ทำตามที่พ่อเขาบอกเถอะลูก เลิกทำตัวเสเพลสักวัน ตอนนี้ลูกมีคู่หมั้นแล้วนะสร้างภาพที่ดีให้ตัวเอง เพื่ออนาคตที่รุ่งโรจน์ของลูกเอง”
คุณหญิงพรสินี เตือนลูกชาย
“คู่หมั้นหน้าตาจืดชืดไร้ชีวิตชีวายังกะหุ่นยนต์แบบนั้น ใครอยากจะอยู่ด้วยครับแม่..แค่นั่งใกล้ก็เซ็งแล้ว ถามคำตอบคำไม่รู้จักพูดอะไรซะมั่งเลย น่าเบื่อจะตาย”
วรวิทย์ ทำหน้าเบื่อหน่ายประกอบคำพูด
“แต่ตอนอยู่ต่อหน้าคุณดาไม่เห็นพูดแบบนี้เลยนะพี่วิทย์”
วรธรรม พูดขัดขึ้นเป็นการหยอกล้อพี่ชาย
“ขืนพูดฉันก็อดเป็นลูกเขยลุงฉัตรชัย สิวะ..ฉันไม่โง่หรอกโว้ย” วรวิทย์ ยิ้มที่มุมปากแววตาเจ้าเล่ห์
“คร้าบ..พี่ชายผู้แสนฉลาด แล้วที่จะไปติ๊ดชึ่งคืนนี้จะไปหาน้องน้ำหวาน หรือน้องน้ำส้ม ดีล่ะครับ”
วรธรรม พูดเหมือนรู้จักผู้หญิงทุกคนของพี่ชาย
“ยัยน้ำหวาน น้ำเปรี้ยว ที่ไหนอีกล่ะ..เมื่อไหร่ลูกจะเลิกทำตัวเหลวไหลซะทีนะวิทย์..แม่เป็นห่วงลูกนะ ถ้าหนูดา รู้เข้ามันจะไม่ดี”
คุณหญิงพรสินี มีสีหน้ากังวลแทนลูกชาย
“แหม..เพิ่งจะได้ยัยหนูดา มาเป็นว่าที่ลูกสะใภ้ก็เป็นห่วงมากกว่าลูกตัวเองเลยนะครับแม่”
วรวิทย์ ต่อว่ามารดาเสียงขบขัน
“คุณแม่ห่วงสมบัติยัยหนูดาแทนพี่ไม่รู้ตัวหรือไงครับพี่วิทย์..ถ้าเกิดพี่มีข่าวกับสาว ๆ คนไหนอีก ผมว่าลุงฉัตรชัยคงไม่ปลื้มแน่..พี่อาจจะชวดได้บริหารแฮปปี้เวิร์ล ก็ได้นะ”
วรธรรม บอกด้วยความหวังดี
“ไม่มีทาง..คุณลุงไม่ถือสาเรื่องพวกนี้หรอก เพราะตัวคุณลุงฉัตรชัย แกก็มีผู้หญิงเยอะแยะทั้งที่เปิดเผยและไม่เปิดเผย” วรวิทย์ ว่า
“ถ้าแกอยากจะเลียนแบบมีผู้หญิงเยอะแยะอย่างลุงฉัตรชัย แล้วแกสามารถจัดการควบคุมผู้หญิงของแกได้ไหมล่ะ ถ้าแกฉลาดก็ยั้ง ๆ ความเพลย์บอยก่อเรื่องฉาวโฉ่ในระยะที่เป็นคู่หมั้นของหนูดาให้ได้ ไม่งั้นแกจะอดได้เป็นผู้บริหารในแฮปปี้เวิร์ล จริง ๆ”
ก้องภพ เตือนสติลูกชาย
“รู้แล้วคร้าบคุณพ่อ” วรวิทย์ ตอบลากเสียง
“ตกลงลูกจะไปค้างที่คอนโดนั่นจริง ๆ เหรอ”
มารดา ถามขึ้นสีหน้าอ่อนใจ
“บ้านมีมันไม่นอนหรอก มันชอบไปค้างฮาเร็มส่วนตัว”
ก้องภพ พูดลอย ๆ
“ดีเท่าไหร่แล้วครับที่ผมไม่ได้มีฮาเร็มส่วนตัวไว้ในบ้านเหมือนที่ลุงฉัตรชัยมี” วรวิทย์ย้อน
“นั่นมันเมื่อก่อนโว้ย เดี๋ยวนี้ฉัตรชัย เลิกพาผู้หญิงเข้าบ้านแล้ว” ก้องภพบอก
“ที่ไม่พาเข้าบ้านคงเพราะมีนอกบ้านเยอะแล้ว ใช่ไหมครับ”
วรวิทย์ ถามเสียงกลั้วหัวเราะ
“มีเยอะหรือไม่เยอะ ฉัตรชัย เขาก็ไม่มีข่าวเหมือนแก ถ้าแกริจะเจ้าชู้ มีกิ๊กก็ทำให้ได้อย่างฉัตรชัยเขาสิ”
“คร้าบพ่อ..” วรวิทย์ ตอบเสียงยานคาง
“ตกลงลูกจะค้างที่คอนโดหรือที่บ้าน”
พรสินี หันมาถามวรวิทย์ อีกครั้งเมื่อรถกำลังจะจอดที่หน้าบ้าน
“ผมจะค้างที่โรงแรมครับ พอดีเพื่อนมาจากอเมริกาโทรให้ไปหาที่นั่นครับ”
วรวิทย์ รีบบอกก่อนจะปล่อยให้ทุกคนลงรถและเข้าบ้านไปแล้ว เขาจึงขับรถไปต่อ
