4. ผลประโยชน์นำหน้า
“ผมยังไม่อยากมีเมีย..ปล่อยให้พี่เขาวิทย์มีคนเดียวเถอะครับ”
วรธรรม รีบบอกมารดา บุคลิกท่าทางของเขาดูเป็นคนเจ้าชู้ขี้เล่น ต่างจากวรวิทย์ผู้เป็นพี่ชายที่ดูไม่ค่อยผ่อนคลาย
“ลุงได้ข่าวว่าไวน์ก็มีสาว ๆ เยอะไม่ใช่เล่นเหมือนกันนี่”
ฉัตรชัย หันมาพูดสัพยอก วรธรรม
“โอ้ย..เยอะไม่ได้ครึ่งของพี่วิทย์หรอกครับ”
วรธรรม เผลอหลุดปากออกมาจนก้องภพผู้เป็นบิดารีบทำเสียงกระแอมในลำคอกลบเกลื่อน
“ตาไวน์!”
เสียงมารดาเอ็ดเบา ๆ พร้อมกับขยิบตาเป็นสัญญานให้ลูกชายคนเล็กหยุดพูด
“ผมหมายถึงพี่วิทย์ เขามีเสน่ห์ก็เลยมีสาว ๆ หลายคนมาชอบน่ะครับ..แต่พี่วิทย์ ก็มีพี่สะใภ้ให้ผมคนเดียวเท่านั้นแหละคือ..คุณดา”
เมื่อถูกบิดามารดาจ้องมองเขาด้วยแววตาตำหนิ วรธรรม ก็รีบพูดแก้ใหม่ทันที
“ใช่จ๊ะ..ที่ผ่านมาก็แค่กิ๊กน่ะค่ะ..ต่อไปนี้ก็มีแต่หนูดาคนเดียวจริง ๆ สักที”
คุณหญิงพรสินี รีบพูดสนับสนุนคำพูดของลูกชายคนเล็ก เป็นการเอาใจว่าที่ลูกสะใภ้ทันที
“ผู้ชายไม่เจ้าชู้ก็ไม่ใช่ลูกผู้ชายสิ...แต่อย่าให้เป็นข่าวดังเหมือนที่ผ่านมาก็แล้วกันนะวิทย์”
ฉัตรชัย พูดเหมือนจะเตือนทางอ้อมให้เขาระมัดระวังเรื่องผู้หญิง วรวิทย์ หน้าเจื่อนไปเล็กน้อยก่อนก้มหน้าตอบ “ครับ” เบา ๆ
“ถ้ามีข่าวกับผู้หญิงคนไหน ลุงอนุญาตให้หนูดาจัดการมันได้เต็มที่เลย”
ก้องภพ รีบหันไปเข้าข้างฉัตรธิดา อย่างเอาใจ แต่ฉัตรธิดาไม่ได้พูดหรือแสดงท่าทางใด ๆ ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยดังเดิม
“ลูกสาวผมเป็นคนใจกว้าง..เข้าใจอะไรง่าย ไม่มีหรอกครับที่จะตามไปหึงหวงตบตีกับผู้หญิงคนอื่น ผมรับรองได้”
ฉัตรชัย บอกด้วยท่าทีมั่นใจ
“อย่างนี้พี่วิทย์ก็สบายใจหายห่วงสิครับ”
วรธรรม สบตาพี่ชายแววตามีเลศนัยรู้กันทั้งสองฝ่าย
“ยิ่งหนูดาเป็นแบบนี้ แกก็ต้องเกรงใจให้มาก เลยนะตาวิทย์”
ก้องภพ กำชับลูกชาย
“แน่นอนอยู่แล้วครับ”
วรวิทย์ พูดให้ฉัตรชัยกับฉัตรธิดา มั่นใจในตัวเขาเอาไว้ก่อน
“เอ..ดูเหมือนสมาชิกที่บ้านของคุณฉัตรชัยจะขาดใครอีกคนหรือเปล่าคะ”
คุณหญิงพรสินี กวาดตามองไปรอบ ๆ โต๊ะ ทำให้ฉัตรธิดานึกถึงป้าถนอมจิต แต่คุณหญิงพรสินีก็ได้ทราบจากฉัตรชัยไปแล้วว่าถนอมจิต ป่วยไม่สามารถมาร่วมโต๊ะได้
แต่จะว่าไป พรสินี ก็รู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกันที่ได้ยินแต่ชื่อของถนอมจิต แต่ก็ไม่เคยได้เห็นหน้าสักครั้ง คุณหญิงได้แต่คาดเดาว่าถนอมจิต ก็คงจะมีปัญหาเรื่องความเจ็บป่วยจึงไม่ได้เข้าร่วมพิธีหมั้นเมื่อตอนเช้า และไม่มาร่วมโต๊ะในตอนเย็นอีกด้วย
“อ๋อ..รังสิมันตุ์ ใช่ไหมครับ..รายนั้นคงยังไม่กลับจากที่ทำงาน”
ฉัตรชัย บอกด้วยความภูมิใจกับบุตรชายบุญธรรม
“ต๊าย..ขยันขนาดนั้นเชียวหรือคะ..วันสำคัญของน้องสาวก็ยังไม่หยุดทำงานอีก”
คุณหญิงพรสินี กล่าวชมด้วยน้ำเสียงสูง แต่ฉัตรธิดา ฟังแล้วรู้สึกเหมือนคนพูดไม่ค่อยจริงใจนัก
“ก็คุณรังสิมันตุ์ เขาอาจจะไม่คิดว่าคุณดาเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเขาก็ได้นะครับ ถึงไม่ได้มาร่วมพิธีหมั้นในตอนเช้า แล้วงานเลี้ยงตอนค่ำก็ยังไม่มาอีก”
วรวิทย์ พูดขึ้น น้ำเสียงของเขาเจือความไม่ชอบผู้ที่ถูกกล่าวถึงไปด้วย
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกวิทย์...พอดีลุงใช้ให้นายเต้ เขาเข้าไปดูแลงานแทนน่ะ..มีงานด่วนเข้ามาเมื่อเช้า”
ฉัตรชัย รีบบอกให้เข้าใจ
วรวิทย์ กลับรู้สึกหมั่นไส้ลูกบุญธรรมของฉัตรชัย เขารู้มาว่าฉัตรชัยไว้วางใจรังสิมันตุ์มาก ปล่อยให้บริหารงานที่แฮปปี้เวิร์ล ทุกอย่าง
วรวิทย์ คิดเอาไว้ว่าหากเขาแต่งงานกับฉัตรธิดา เมื่อไหร่ เขาจะขอเข้าไปบริหารงานในแฮปปี้เวิร์ล และจะกีดกันรังสิมันตุ์ ไม่ให้มีอำนาจในการบริหารงานที่นั่นให้ได้
“เรามาพูดถึงงานแต่งงานกันดีกว่าไหมฉัตรชัย”
ก้องภพ หันมาถามฉัตรชัย อย่างเป็นการเป็นงาน ทั้งคู่สบตากันอย่างมีเลศนัย
“ก็ตามที่ตกลงกัน จัดงานที่แฮปปี้เวิร์ล เอาให้ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบปีให้เป็นข่าวใหญ่ไปเลย..จะได้ถือโอกาสโปรโมทแฮปปี้เวิร์ลไปด้วย”
ฉัตรชัย พูดความต้องการของตัวเองให้ฟัง
“ก็ดี” ก้องภพเห็นด้วย
งานแต่งงานที่จะจัดขึ้นนี้ ก้องภพ กับ ฉัตรชัย วางแผนการอะไรบางอย่างเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว งานนี้จะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับคนทั้งคู่อย่างมหาศาล แต่ทั้งก้องภพและฉัตรชัย ต่างก็รู้กันเพียงสองคนเท่านั้น
“ผมว่าจะจัดให้มีฟรีคอนเสริ์ตระดับโลกมาเปิดการแสดงด้วย เหมือนกับเป็นการเปิดรอบปฐมกฤกษ์ให้แขกที่มาร่วมงานแต่งงานได้
ชมฟรีสักนิดหน่อยพอเรียกน้ำย่อย จากนั้นเราก็จัดขายตั๋วการแสดงใครซื้อในงานก็ได้ลดพิเศษ...เราจะระบุอยู่ในการ์ดเชิญที่ออกแบบให้เหมือนกับตั๋วเข้าชมงาน”
ฉัตรชัยพู ดแบบหัวนักธุรกิจ
“เยี่ยมไปเลยครับคุณลุง..ผมเห็นด้วย”
วรวิทย์ รีบกล่าวสนับสนุนว่าที่พ่อตาทันที
“ผมก็เห็นด้วย” ก้องภพว่า
ฉัตรธิดาได้แต่นั่งฟังทุกคนพูดถึงการจัดงานแต่งงานระหว่างหล่อนกับวรวิทย์ ซึ่งฟังดูแล้วเหมือนกับว่าใช้งานแต่งงานเป็นการโฆษณากิจการของบิดาหล่อนล้วน ๆ หล่อนได้แต่นั่งรอลุ้นว่าเมื่อไหร่จะได้ออกจากห้องนี้เสียทีหล่อนไม่อยากจะทนอึดอัดนานนัก
