3. ทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้
“เข้ามา!”
เสียงเอ่ยอนุญาตหลังจากเสียงเคาะประตู ทำให้งามพิศ ผลักประตูห้องเข้าไปพร้อมกับถาดอาหารว่าง ผู้ที่อยู่ภายในห้องเอี้ยวตัวมามอง ทำให้เห็นใบหน้าเพียงครึ่งซีกของหล่อนที่ถูกปกคลุมไว้ด้วยผ้าคลุมผมสีดำที่ยาวคลุมทั้งศีรษะและพันเอาไว้รอบคอ
แต่กระนั้น ก็ยังเห็นความงามของเสี้ยวหน้าที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมนั้น แม้หล่อนจะอยู่ในวัยห้าสิบแต่ก็ยังดูสาวกว่าอายุจริง
“ยัยดา..เป็นไงบ้าง”
ถนอมจิต ถามขึ้นก่อนจะกระชับผ้าคลุมศีรษะให้ปิดใบหน้าและลำคอมากขึ้น หล่อนเดินไปล้างมือที่อ่างล้างมือที่มีอุปกรณ์พู่กันวาดภาพแช่อยู่ในขวดแก้ว
“ก็ดูเศร้า ๆ ซึม ๆ ค่ะ” งามพิศ บอกตามตรง
คำตอบของงามพิศ ทำให้ถนอมจิตสายตาสลดวูบลง แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น หล่อนปรับสีหน้าให้เป็นปกติเรียบเฉยเหมือนที่เคยเป็นก่อนจะเดินมานั่งที่เก้าอี้
“แล้วงานเมื่อเช้าเรียบร้อยดีหรือเปล่า”
ถนอมจิต หันมาถามสาวใช้คนสนิท
“เรียบร้อยดีค่ะ..แต่...สงสารคุณหนูดา ดูเหงา ๆ นะคะ..คอยมองหาคุณตลอดเวลา”
“ยัยดารู้ว่าฉันส่งเธอไปเป็นตัวแทนของฉันแล้วนี่”
“ค่ะ..ดิฉันก็บอกคุณหนูดาแล้วว่า คุณส่งดิฉันไปเป็นตัวแทน ทำให้คุณหนูดูมีกำลังใจขึ้นนะคะ..เข้าพิธีหมั้นเสร็จก็ยังออกไปยืนถ่ายรูปคู่กับคู่หมั้นที่หน้าตึกตามคำขอร้องของพวกช่างภาพพวกนักข่าว..เธอทำหน้าที่ได้ดีเชียวค่ะ”
งามพิศ บอกด้วยแววตาชื่นชมผู้ที่หล่อนพูดถึง
“ฉันอยากจะไปเป็นกำลังใจให้ยัยดาแค่ไหนเธอก็น่าจะรู้”
งามพิศ พยักหน้าด้วยความเข้าใจ และฉัตรธิดาก็คงจะเข้าใจเช่นกันว่าทำไมถนอมจิตจึงไม่ได้เข้าไปร่วมรับรู้รับเห็นกับพิธีหมั้นของหลานสาวคนเดียวเลย ปล่อยให้ฉัตรธิดาผจญกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ด้วยตัวเอง จะมีก็เพียงคำสั่งจากถนอมจิตเท่านั้นที่ให้คนสนิทอย่างงามพิศคอยดูแลความเรียบร้อยให้กับฉัตรธิดา...
“ยัยดาต้องเข้าใจฉัน” ถนอมจิตพูดเสียงเศร้า
“แล้วคุณจะยอมให้คุณหนูแต่งงานกับ..เอ้อ..คู่หมั้นแบบนั้นจริง ๆ หรือคะ”
งามพิศ ถามน้ำเสียงแสดงความเกรงใจ หล่อนไม่ได้สังเกตเห็นแววตาของถนอมจิตที่กำลังแข็งกร้าวขึ้นอย่างน่ากลัวแต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น
“สงสารคุณหนูดานะคะ..เธอคงจะ...”
งามพิศไม่กล้าพูดต่อเมื่อมองเห็นสีหน้าเศร้าหมองของอีกฝ่าย
“เอ้อ...ดิฉันเป็นห่วงคุณหนูน่ะค่ะ”
งามพิศ รีบพูดต่อ เมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งนิ่งไปนาน
“แล้วเธอคิดว่าฉันจะไม่ห่วงยัยดาหรือไงล่ะงามพิศ...ในเมื่อยัยดาเป็น....เป็นหลานแท้ ๆ ของฉันทั้งคน เอาล่ะ..เธอไปคอยดูแลยัยดาได้แล้ว..ฉัตรชัยเขาจะฉลองกับครอบครัวของก้องภพกันที่ห้องโถงใหญ่ค่ำนี้แล้วไม่ใช่หรือ”
ถนอมจิต รีบบอกในตอนท้ายคล้ายเป็นการตัดบทไม่อยากจะพูดต่อ
“ค่ะ..แล้วค่ำ ๆ ดิฉันจะเข้ามารายงานให้ทราบนะคะ”
งามพิศ บอกด้วยท่าทางนอบน้อมเกรงใจ
“ไม่ต้องหรอก..คืนนี้ฉันนัดให้เต้ ไปหาที่ห้องสมุด..เธออยู่ดูแลยัยดา ที่ห้องจัดเลี้ยงจนส่งเข้านอนก็แล้วกัน” ถนอมจิตสั่ง
“ค่ะ..”
งามพิศ รับคำก่อนจะเหลือบตาไปมองดูรูปที่ถนอมจิตเขียนค้างไว้ มันเป็นภาพที่งามพิศ ดูไม่ออกเห็นเป็นเพียงรูปปากคนที่อ้ากว้างเหมือนตกใจ มีรอยเปรอะเปื้อนไปด้วยสีแดงเข้มรอบ ๆ ถ้ามองผิวเผินคล้ายเลือดที่สาดกระเซ็นไปรอบทิศ
งามพิศ จินตนาการตามที่เห็น คิดว่าเป็นภาพปากคนที่คงจะคับแค้นใจ แล้วร้องตะโกนด้วยความเคียดแค้นจนกระอักเลือด แต่ถ้าเป็นคนอื่นดู อาจจะคิดเป็นอีกแบบก็ได้
.............................
งามพิศ ออกจากห้องเขียนภาพไปแล้ว ถนอมจิต จึงนั่งพักรับประทานของว่าง แต่หล่อนก็เกิดอาการกินไม่ลง จิตใจของหล่อนเต็มไปด้วยความทุกข์กังวล อดคิดถึงคำพูดของงามพิศ ไม่ได้
แม้งามพิศ จะเป็นเพียงแม่นมที่เลี้ยงดูฉัตรธิดา มาตั้งแต่เด็กแต่ก็รัก และห่วงใยฉัตรธิดา เหมือนลูกหลานของตัวเอง แล้วถนอมจิต เป็นมากกว่าที่งามพิศเป็น ทำไมหล่อนจะไม่รู้สึกรักใคร่ห่วงใยฉัตรธิดา
“ฉันจะไม่มีวันยอมให้ยัยดาแต่งงานกับนายวิทย์นั่นเด็ดขาด”
ถนอมจิต บอกกับตัวเองด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แต่จะใช้วิธีไหนยับยั้งไม่ให้มีงานแต่งงานเกิดขึ้นได้ ในเมื่อหล่อนเองไม่สามารถยับยั้งงานหมั้นได้ พอคิดมาถึงตรงนี้หล่อนก็รู้สึกคล้ายคนที่กำลังสิ้นหวัง หวนไปคิดถึงคำพูดของฉัตรชัย
“ถ้าคุณไม่ยอมให้ยัยดาหมั้นกับตาวิทย์..ผมจะบอกความจริงให้ยัยดารับรู้ทุกอย่าง”
คำพูดขู่ของฉัตรชัย ที่บอกแก่ถนอมจิต ทำให้หล่อนต้องยอมจำนน ปล่อยให้ฉัตรชัย บงการฉัตรธิดา ได้ตามใจชอบ โดยที่ป้าอย่างหล่อนไม่สามารถที่จะปกป้องหลานรักได้เลย ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่า ฉัตรชัย ทำเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจล้วน ๆ ไม่คำนึงถึงความรู้สึกของฉัตรธิดาแม้แต่น้อย
...........................................
“อุ๊ย!...หนูดาสวยมากจ๊ะ”
เสียงของคุณหญิงพรสินี กล่าวชมคู่หมั้นของลูกชายด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานแววตาชื่นชม
“ขอบคุณค่ะ”
ฉัตรธิดา ยกมือไหว้มารดาของคู่หมั้นแต่สีหน้าเรียบเฉย
“ชุดที่เข้าพิธีหมั้นเมื่อเช้าว่าสวยแล้ว แต่น้องดาใส่ชุดนี้แล้วสวยกว่าอีกครับ”
วรวิทย์ คู่หมั้นหมาด ๆ ของฉัตรธิดา กล่าวชมอีกคน เขาลุกขึ้นเลื่อนเก้าอี้ให้กับคู่หมั้นอย่างกระตือรือร้น สร้างความพอใจให้กับฉัตรชัย ที่กำลังมองดูอยู่
“ลูกสาวของลุงชอบคนดูแลเอาใจใส่...ยังไง วิทย์ ก็คงจะช่วยดูแลยัยดาได้ดีนะ”
ฉัตรชัย พูดให้ทุกคนบนโต๊ะได้ยินกันถ้วนหน้า มีครอบครัวของก้องภพ มากันครบ รวมทั้งวรธรรม น้องชายของวรวิทย์ ด้วย
“คุณลุงไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมจะดูแลน้องดาให้ดีที่สุด”
วรวิทย์ รีบตกปากรับคำหนักแน่นพร้อมส่งสายตาเจ้าชู้ให้กับฉัตรธิดา แต่..คนถูกมองกลับเห็นเป็นแววตาที่ไม่น่าไว้วางใจ สายตาของผู้ชายคนไหนก็ไม่อบอุ่นจริงใจเท่ากับรังสิมันตุ์ พี่ชายที่แสนดีของหล่อนอีกแล้ว
“น่าเสียดายนะคะที่คุณฉัตรชัยมีลูกสาวคนเดียว...ไม่อย่างนั้นจะจับคู่ให้ตาไวน์อีกคน”
คุณหญิงพรสินี พูดสัพยอกพร้อมกับปรายตาไปที่วรธรรมลูกชายคนเล็กที่นั่งติดกับก้องภพผู้เป็นบิดา
