11. ความผูกพัน
“ทำไมล่ะครับ”
“ก็อีกไม่นานดาก็ต้อง...แต่งงาน”
รังสิมันตุ์ ขบกรามแน่นแววตาซ่อนความปวดร้าว เขาไม่อยากจะให้ถึงวันนั้น วันที่ฉัตรธิดา จะต้องเข้าพิธีแต่งงานกับวรวิทย์ ผู้ชายแย่ ๆ ในสายตาของรังสิมันตุ์ แต่เขาจะทำอะไรได้ ในเมื่อมันเป็นความต้องการของฉัตรชัย ไม่มีใครกล้าปฏิเสธคำสั่งของฉัตรชัยได้เลย แม้แต่ป้าถนอมจิตที่เคยปกป้องฉัตรธิดา ได้ตลอดมาก็ยังไม่สามารถที่จะช่วยได้
แล้วเขาล่ะ จะมีความสามารถอะไรไปช่วยเหลือฉัตรธิดา ได้ เขาเองก็ยังต้องเชื่อฟังคำสั่งของฉัตรชัย เช่นกัน เพราะฉัตรชัย ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีพระคุณของเขา หากไม่มีฉัตรชัย ป่านนี้ชีวิตของเขาก็คงจะเป็นเพียงเด็กกำพร้าอยู่ข้างถนนไม่สุขสบายถึงเพียงนี้
รังสิมันตุ์ อดนึกย้อนไปในวัยเด็กไม่ได้ เขาไม่รู้ความเป็นมาของตัวเองเลย เกิดมาเขาก็อยู่ในศูนย์เลี้ยงเด็กอนาถา วันที่เขาได้พบฉัตรชัย คือวันที่เขาวิ่งเล่นออกมานอกถนน และถูกรถของฉัตรชัย ชนจนสลบ พอฟื้นมาเขาก็เห็นว่าฉัตรชัย ได้มาเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลพร้อมกับบอกว่าจะรับอุปการะเลี้ยงดูเขาอย่างดี มีการจดทะเบียนรับรองเขาเป็นบุตรบุญธรรมอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ฉัตรชัย บอกว่ารู้สึกถูกชะตากับเขามาก
ชีวิตใหม่ของรังสิมันตุ์ ในคฤหาสน์ของฉัตรชัย มีความสะดวกสบายทุกอย่างประดุจเจ้าชายในเทพนิยาย เขาเองก็ยังคิดว่าฝันไปด้วยซ้ำที่ได้รับความรักจากทุกคน ไม่ว่าจะเป็นฉัตรชัย ป้าถนอมจิตและป้าถนอมศรี
แต่น่าเสียดายที่ถนอมศรี ได้เสียชีวิตไปเสียก่อน แต่ลึก ๆ ของรังสิมันตุ์แล้วกลับรู้สึกโล่งอกอยู่บ้างที่ถนอมศรีเสียชีวิตไปเสียได้ จะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานใจกับพฤติกรรมของสามีอย่างฉัตรชัย ที่ช่างไม่สนใจไยดีภรรยาเอาเสียเลย มิหนำซ้ำยังทำร้ายตบตีภรรยาเป็นประจำ
รังสิมันตุ์ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมฉัตรชัย ถึงได้จิตใจโหดร้ายกับภรรยาและลูกสาวคนเดียวเช่นนั้น
บ่อยครั้ง ที่เขาต้องคอยกอด คอยปลอบใจฉัตรธิดา ไม่ให้ร้องไห้ที่เห็นมารดาถูกบิดาทำร้าย และบางครั้งฉัตรธิดา ก็ถูกฉัตรชัยด่าว่าทำร้ายเช่นกัน แต่ก็ไม่บ่อยเท่ากับที่ถนอมศรี โดน
รังสิมันตุ์ ไม่อยากจะคิดว่าฉัตรธิดา ไม่ใช่ลูกของฉัตรชัย เพราะคงไม่มีพ่อที่ไหนจะไม่รักไม่สนใจลูกของตัวเอง มันน่าแปลกนักที่ฉัตรชัย ไม่เคยสนใจความรู้สึกของฉัตรธิดา แต่กลับมาเอาใจใส่ดูแลเขาที่เป็นเพียงลูกบุญธรรม จนบางครั้ง เขาก็ถูกถนอมจิต กระแนะกระแหน แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนและที่สำคัญเขาคอยปกป้องฉัตรธิดา จึงทำให้ถนอมจิต ไม่ได้รังเกียจเขาแต่อย่างใด
“พี่เต้...คิดอะไรอยู่คะ”
เสียงของฉัตรธิดาทำให้เขาหยุดที่จะรำลึกถึงอดีตที่ผ่านมา
“ก็กำลังคิดหาทางจะช่วยน้องดาอยู่น่ะสิจ๊ะ..พี่ไม่อยากเห็นน้องดาต้องเป็นแบบนี้”
“ดารู้ค่ะว่าไม่มีใครช่วยดาได้หรอก แม้แต่คุณป้า...”
“น้องดา...”
“อีกไม่นานดาก็ต้องแต่งงานตามความต้องการของคุณพ่อ”
“แต่นั่นมันก็ยังไม่ถึงวันนั้นเลยนะครับ”
“แต่ก็อีกไม่นานไม่ใช่หรือคะพี่เต้”
“อย่างน้อยก็จนกว่าคุณลุงจะกลับจากญี่ปุ่น”
“คุณพ่อไปแค่อาทิตย์เดียวไม่ใช่หรือคะ”
“แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วจ๊ะ..คุณลุงมีปัญหาที่จะต้องสะสางงานทางโน้นต่ออีกครับ พี่คิดว่าไม่ต่ำกว่าครึ่งเดือนแน่นอน”
“ครึ่งเดือนก็แค่สิบห้าวัน ไม่นานเท่าไหร่นี่คะ”
“อย่าทำหน้าเศร้าสิครับคนดีของพี่”
รังสิมันตุ์ พูดพร้อมกับโอบไหล่ฉัตรธิดา ทำให้ศีรษะของหล่อนซบลงกับไหล่ของเขา
“ดาไม่อยากให้ถึงวันนั้นเลยค่ะพี่เต้” หล่อนบอกเสียงเศร้า
“พี่ก็ไม่อยากให้ถึงวันที่น้องดาต้องแต่งงานกับ..นายนั่นเหมือนกัน”
“แต่...ก็ต้องแต่งใช่ไหมคะ”
หล่อนเงยหน้าไปสบตากับเขาด้วยหยาดน้ำตาที่ซึมออกมา รังสิมันตุ์เอื้อมมือไปแตะใต้ตาหล่อนอย่างแผ่วเบาช่วยซับน้ำตาให้ด้วยแววตาอ่อนโยน
“พี่เต้.....”
ฉัตรธิดา โผเข้าหาอ้อมอกของเขาด้วยความรู้สึกอ่อนแอในจิตใจ หล่อนขอกำลังใจจากเขาด้วยวิธีนี้อยู่เสมอ
รังสิมันตุ์ โอบกอดหล่อนอย่างปลอบประโลมเหมือนทุกครั้งตั้งแต่ฉัตรธิดา ยังเด็กจนกระทั่งโตเป็นสาว หล่อนก็ยังปฏิบัติเช่นนี้อยู่ เขารู้สึกถึงความทุกข์ทรมานใจที่หล่อนได้รับ หัวใจของเขาแทบจะแตกสลายตั้งแต่ทราบจากฉัตรชัยว่าจะให้ฉัตรธิดาหมั้นกับวรวิทย์แล้ว
........................
ทันทีที่รถของวรวิทย์ เลี้ยวเข้าสู่ “พรสินีเพลส” อาคารหรูกลางกรุง เขาก็ได้รับรายงานจากลูกน้องคนสนิทที่ดูแลตึกของครอบครัวเขา
“คุณน้ำหวาน เพิ่งขึ้นห้องไปนะครับ เจ้านาย”
ลูกน้องรายงานเสร็จก็เดินไปกดลิฟท์ให้เจ้านายอย่างรู้หน้าที่ วรวิทย์ จึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจเมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปแล้วพบว่ามีหญิงสาวร่างอวบอั๋นในชุดเสื้อเกาะอก กางเกงขาสั้นจู๋ กำลังนั่งดูทีวีอย่างสบายใจอยู่ที่ห้องรับแขกอันหรูหรา น้ำหวาน เป็นคู่ขาคนใหม่ ที่เป็นฝ่ายมาตีสนิทกับเขาเมื่อวันที่เขาไปเที่ยวผับแห่งหนึ่ง เขากับหล่อนเพิ่งจะมีสัมพันธ์สวาทกันไม่กี่ครั้ง แต่เขาก็ติดใจหล่อน
“วิทย์ขา...ดีใจจังที่คุณมา”
หญิงสาวนามน้ำหวาน เข้ามาจูบแก้มซ้ายแก้มขวา วรวิทย์อย่างเอาใจ
ในบรรดาผู้หญิงที่เขามีอยู่นั้น ถ้าใครที่ได้กุญแจห้องสูทหรูหรานี้ไว้ นั่นหมายถึงเป็นผู้หญิงที่ถูกใจเขาเป็นพิเศษในขณะนั้น ซึ่งกุญแจห้องนี้ได้มอบให้กับน้ำหวานไว้เป็นรายที่ห้าในรอบสามเดือนที่ผ่านมา น้ำหวาน จึงวาดหวังไว้ว่า หล่อนจะต้องยืดเวลาการส่งมอบกุญแจห้องนี้ให้กับผู้หญิงรายต่อไปให้ได้ หล่อนหวังจะได้ครองแชมป์เป็นผู้หญิงพิเศษของ วรวิทย์ ให้นานที่สุด
นอกจากเพื่อเป็นการพิสูจน์เสน่ห์ของตัวเองแล้ว หล่อนยังได้รับผลประโยชน์จากคน คนหนึ่งอีกด้วย
“เซอร์ไพรส์ มากค่ะที่วิทย์มาคืนนี้ได้ น้ำหวาน คิดว่าหลังจากคุณหมั้นแล้ว คงจะถูกคู่หมั้นกักตัวเอาไว้จนไม่มีเวลามาหาน้ำหวาน”
หล่อนเอาหน้าอกอันอวบอิ่มเข้ามาคลอเคลียอยู่ใกล้ ๆ ขณะพูดอยู่กับเขาบนโซฟา
“ใครจะมาบังคับผมไม่ให้มาหาน้ำหวานได้ล่ะ”
วรวิทย์ พูด แต่มือของเขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของน้ำหวาน
“แหม..พูดแบบนี้น้ำหวานก็ปลื้มแย่สิคะ เอ้อ..วิทย์คะ..น้ำหวาน อยากจะขออะไรบางอย่างจากวิทย์”
น้ำหวาน ทำน้ำเสียงออดอ้อน พร้อมกับใช้มือลูบไล้แผงอกของอีกฝ่ายให้คล้อยตามอารมณ์ซึ่งก็ได้ผล วรวิทย์ขยับตัวและเป็นฝ่ายรุกรานร่างกายหล่อนบ้าง
“อย่าเพิ่งสิคะ…ฟังน้ำหวานพูดก่อน”
น้ำหวาน แกล้งเบี่ยงตัวไปมา
“จะคุยอะไรตอนนี้ล่ะน้ำหวาน คุณทำให้ผมคล้อยตามแล้วหยุดไม่ได้หรอกนะ”
“ฮื้อ…ไม่ยอมฟังกันเลย…อุ๊ย”
น้ำหวาน ส่ายหน้าไปมาตามแรงจูบซอกไซร้ของเขาที่หนักหน่วงรุนแรงมากขึ้น หล่อนรู้ดีว่าถ้าขืนลีลาพูดไม่หยุดต่อไปอาจจะกระตุ้นให้เขาทำรุนแรงกับหล่อนมากกว่านี้ขึ้นไปอีกก็ได้
“ไปที่ห้องนอนกันดีกว่า”
เขากระซิบบอกพร้อมกับอุ้มร่างของน้ำหวานเดินไปที่ห้องนอนจากนั้นก็โยนร่างหล่อนไปบนเตียงอย่างไม่สนใจไยดีว่าร่างของผู้ที่ถูกโยนลงไปนั้นจะเป็นอย่างไร
น้ำหวาน รู้สึกเจ็บหลัง แต่ก็ต้องแกล้งหลับตาพริ้มทำทีท่าว่ามีความสุขเหลือเกิน
วันนี้หล่อนพร้อมที่จะเป็นของเล่นให้วรวิทย์ ได้คบเขี้ยวอย่างเต็มที่ แม้หล่อนจะรู้ว่าหลังเสร็จสิ้นพายุอารมณ์รักจากเขาแล้ว ความบอบช้ำจากความรุนแรงของเขาจะทำให้หล่อนต้องพักรักษาตัวอีกหลายวันก็ตาม แต่หล่อนก็สามารถทนความซาดิสม์ของวรวิทย์ ได้ เพื่อเงินตัวเดียวแท้ ๆ
