12. ชิงความเป็นหนึ่ง
น้ำหวาน งัวเงียตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองนอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงภายในห้องนอนกว้างใหญ่ หล่อนค่อย ๆ พยุงตัวลุกขึ้นอย่างยากเย็น ความเจ็บระบมทำให้หล่อนถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่ก็ฝืนลุกขึ้นเดินไปส่องดูตัวเองที่หน้ากระจก หล่อนเห็นรอยเขียวช้ำจากรอยฟันปรากฏบนลำคอ หน้าอก เหมือนกับทุกครั้ง แต่ความเจ็บปวดก็ทุเลาลงไปได้เมื่อหล่อนเหลือบตาไปเห็นเช็ควางอยู่ที่หน้ากระจก
“สามหมื่น..ไม่เลวนักหรอก”
น้ำหวาน อ่านตัวเลขที่วรวิทย์ เขียนลงในเช็คเอาไว้ให้พร้อมพึมพำด้วยสีหน้าพอใจ หล่อนจะต้องแสดงบทนางเอกแสนดีโทรศัพท์ไปขอบคุณเขาด้วย
“วิทย์ขา…ขอบคุณมากนะคะสำหรับเงินสามหมื่นที่ให้” น้ำหวาน กรอกเสียงหวานเมื่อมีคนกดรับสาย
“ไม่เป็นไรย่ะ…แค่เศษเงิน”
เสียงที่ตอบกลับมาไม่ใช่เสียงวรวิทย์ แต่เป็นเสียงผู้หญิงที่น้ำหวาน ไม่คุ้นเคยมาก่อน หรือว่าจะเป็นเสียงของคู่หมั้นเขา
“ขอโทษค่ะ ฉันอาจจะกดเบอร์ผิด”
น้ำหวาน เองก็ชักไม่แน่ใจ หากเป็นคู่หมั้นของวรวิทย์ จริง ๆ หล่อนก็คงจะต้องรีบชิงวางสายเสียก่อนที่จะให้คนรับสายได้พูดต่อ หล่อนไม่ควรที่จะแสดงตัวให้คู่หมั้นเขารับรู้เด็ดขาด
“ไม่ผิดหรอก ถ้าหล่อนจะโทรหาวิทย์ เพราะนี่คือมือถือของเขา…แล้วหล่อนเป็นใครไม่ทราบ”
เสียงคนรับสายถามย้อนกลับมาน้ำเสียงวางอำนาจ
“คุณคือ...”
น้ำหวาน ไม่มั่นใจภาวนาขออย่าให้เป็นคู่หมั้นของวรวิทย์
“ฉันเป็นคน..พิเศษของวิทย์”
เสียงทางโน้นเน้นคำว่าพิเศษอย่างจงใจ
“เอ้อ..ไม่ใช่คู่หมั้นของคุณวิทย์ใช่ไหมคะ”
น้ำหวาน ลองถามหยั่งเชิง
“ฉันพิเศษกว่าคู่หมั้นของวิทย์ซะอีก รู้ไว้ด้วย”
“ถ้าไม่ใช่คู่หมั้นของคุณวิทย์แล้วจะพิเศษได้ยังไงคะ”
น้ำหวาน รู้สึกโล่งอก หล่อนจึงกล้าที่จะตอบโต้
“แต่ฉันพิเศษกว่ายัยคู่หมั้นแล้วก็พิเศษกว่าใคร ๆ ก็แล้วกัน”
เสียงนั้นฟังดูเชื่อมั่นในตัวเองไม่น้อย
“คุณวัดความพิเศษจากไหนกันล่ะคะ”
คราวนี้น้ำหวานกล้าที่จะต่อปากต่อคำ
“เอ๊ะ…หล่อนกล้าดียังไงพูดกับฉันแบบนี้ จำไว้เลยนะว่าฉันกับวิทย์เคยใช้ชีวิตด้วยกันมาก่อนตั้งแต่อยู่ที่อเมริกา”
เสียงนั้นบ่งบอกถึงความเหนือชั้นกว่า
“งั้นก็เป็นอดีตตกรุ่นไปตั้งนานแล้ว…มาพูดให้ฉันฟังทำไมไม่เห็นอยากรู้” น้ำหวาน พูดเสียงเย้ยหยันกลับไป
“แต่หล่อนต้องรู้ไว้ เพราะต่อไปนี้หล่อนจะไม่สามารถรีดไถเงินจากวิทย์ได้อีกต่อไป ฉันกลับมาจากอเมริกาเพื่อมาควบคุมเขา”
“ถ้าคุณเก่งจริงควบคุมเขาได้ คุณวิทย์คงไม่หมั้นกับลูกเศรษฐีเจ้าของแฮปปี้เวิร์ล หรอกมั้ง..”
เสียงที่พูดด้วยความขบขันปนเย้ยหยันทำให้สายตัดไปทันที
น้ำหวาน รู้สึกสะใจลึก ๆ หล่อนไม่แน่ใจว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แต่หล่อนประเมินว่าคงไม่เท่าไหร่
เพราะตราบใดที่ผู้หญิงคนไหน ยังไม่ได้มารับมอบกุญแจห้องนี้ต่อจากหล่อนไป นั่นก็ย่อมหมายความว่าไม่มีใครพิเศษสำหรับ วรวิทย์ อย่างแน่นอน ห้องสูท ราคาเกือบสิบล้านนี่ต่างหาก คือมาตรฐานที่ใช้วัดความพิเศษของผู้หญิงของวรวิทย์
น้ำหวาน เห็นทีจะต้องเร่งออกปากขอเข้ามาอยู่ที่นี่เป็นการถาวรโดยเร็วเสียที
..............
ริต้า ระงับความไม่พอใจเอาไว้อย่างสุดฤทธิ์ เมื่อเห็นวรวิทย์กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ
“เมื่อกี้ผมได้ยินริต้าคุยโทรศัพท์อยู่ไม่ใช่เหรอ…เครื่องใครของผมหรือเปล่า..”
วรวิทย์ ถามขึ้นอย่างไม่สนใจนัก
“เครื่องคุณค่ะ…แต่ว่าคนโรคจิตโทรมาผิด ริต้า เลยต่อว่าไป”
“ต่อไปนี้ผมขอร้องนะ อย่ายุ่งกับมือถือของผมเด็ดขาด”
“ก็มันดังตอนที่วิทย์เข้าห้องน้ำนี่คะ..ริต้า ก็เลยรับแทน”
“ต่อไปไม่ต้องยุ่ง..เข้าใจนะ” วรวิทย์ มีน้ำเสียงดุขึ้น
“ค่ะ..”
ริต้า รับปาก หล่อนไม่กล้าขัดใจวรวิทย์
“ดาร์ลิ้งขา…ตกลงจะให้ริต้า พักอยู่ที่โรงแรมนี้จริง ๆ หรือคะ” ริต้า หันมาออดอ้อน
“ก็อีกไม่กี่วัน ริต้า ก็จะกลับอเมริกาแล้วไม่ใช่หรือ”
“ริต้าไม่กลับแล้วค่ะ..ริต้าจะอยู่กับคุณที่นี่”
“คุณเรียนยังไม่จบเลยนะ กลับไปเรียนให้จบก่อนสิ”
“ไม่เอาหรอกค่ะ..แค่ปริญญาตรีก็พอแล้ว โทไม่จบก็ช่างมันเถอะค่ะ..ริต้า ขอกลับมาทำงานที่เมืองไทยอยู่ใกล้คุณดีกว่า ฝากงานให้ริต้าทำที่บริษัทของแม่คุณได้ไหมคะ”
ริต้า กอดแขนออเซาะเขา
“คุณแม่รู้เข้าคงไม่ยอมหรอก..ถ้าคุณอยากทำงานจริง ๆ ทำที่แฮปปี้เวิร์ล ดีกว่า..”
วรวิทย์ หรี่ตาอย่างหมายมาด อีกไม่นานเขาก็ต้องไปทำงานที่นั่นเหมือนกัน แต่ตอนนี้ขอส่งริต้า ไปก่อน
“แฮปปี้เวิร์ล..ของคู่หมั้นคุณน่ะเหรอ” ริต้า ทำหน้าตาสงสัย
“ใช่..ผมจะฝากให้คุณทำงานแผนกเดียวกับไอ้เต้”
วรวิทย์ ยิ้มแววตามีเล่ห์เหลี่ยม
“ใครกันคะ เพื่อนคุณหรือคะ”
“ลูกชายบุญธรรมของคุณลุงฉัตรชัย ก็ไอ้พี่ชายจอมปลอมของคู่หมั้นหุ่นยนต์ของผมไงล่ะ”
น้ำเสียงของเขาฟังดูก็รู้ว่าไม่ได้ชอบหน้าลูกบุญธรรมของฉัตรชัย เลย
“ถ้าได้งานแล้ว เรื่องที่พักของริต้า ล่ะคะ”
หล่อนหมายมั่นที่จะได้ไปพักที่ห้องสูทของเขาที่พรสินีเพลส
“ผมจะหาดูห้องที่คอนโดแถวเอกมัยให้คุณแล้วกัน”
“แต่ริต้าอยากจะอยู่ห้องสูทของคุณที่พรสินีเพลส มันหรูหราอยู่กลางเมืองเหมาะกับริต้าที่สุดเลยค่ะ”
“ริต้า….คือ ห้องนั้นผมให้เพื่อนอยู่” วรวิทย์ ตอบไม่เต็มเสียงนัก
ริต้า นึกถึงเสียงผู้หญิงที่โทรมาเมื่อสักครู่ หล่อนวูบขึ้นมาด้วยความหึง แต่พอมีสตินึกได้ว่า การที่หล่อนตั้งใจกลับมาเมืองไทยเพื่อให้ตัวเองเป็นหนึ่งให้ได้ หล่อนจึงระงับเก็บซ่อนความรู้สึกนั้นไว้อย่างยากเย็น
“เพื่อนเหรอคะ…หญิงหรือชายเอ่ย”
ริต้า ระงับความขุ่นเคืองถามด้วยเสียงหวานจ๋อย
“ผู้หญิง...” วรวิทย์ ตอบตามตรง
“คงสนิทมากใช่ไหมคะ วิทย์ถึงยอมสละห้องหรูราคาแพงลิบแบบนั้นให้เพื่อนอยู่ได้”
“แต่เขาไม่ได้อยู่ตลอดหรอก..ผมแค่ให้กุญแจเขาไว้เวลาที่เขาต้องการใช้ห้องเท่านั้นเอง”
“งั้น..ริต้าขอกุญแจบ้างได้ไหมคะ ถ้าเกิดวันไหนเพื่อนคุณไม่ไปค้าง ริต้าก็จะได้ไปค้างบ้าง”
วรวิทย์ รู้สึกอึดอัดใจ เขาไม่ได้เกรงกลัวริต้า เพียงแต่เขารู้สึกไม่ชอบใจที่จะให้ผู้หญิงสองคนต้องเผชิญหน้ากัน เขารำคาญมากกว่าเหตุผลอื่น
“นะคะดาร์ลิ้ง…ริต้า ยังไม่เคยมีวาสนาได้ไปค้างที่นั่นเลย มีแต่ได้ข่าวมาทั้งจากที่เพื่อน ๆ เล่าให้ฟัง แล้วก็ดูจากที่วิทย์เคยเปิดห้องให้นิตยสารถ่ายภาพ ริต้าว่ามันวิเศษมากอยากจะชมเป็นขวัญตา”
วรวิทย์ ทนแรงออดอ้อนไม่ไหวเขาจึงรับปากหล่อนไปก่อน แล้วจะหาโอกาสบอกให้น้ำหวานรู้ตัว เพื่อจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับริต้า เขาคิดว่าน้ำหวานนั้นเป็นผู้หญิงที่พูดเข้าใจง่ายกว่าริต้า
