บท
ตั้งค่า

3 หน้ากากจิ้งจอก

ไป๋เหมยแอบติดสินบนบ่าวรับใช้ตรวจเวรยามในเรือนนอนของคุณหนูรองให้ช่วยปิดบังการแอบออกมาจากจวนของพวกนางทั้งสาม

“พวกเราต้องรีบไปรีบกลับนะเจ้าคะ เวรยามเองก็กลัวถูกลงโทษเช่นกัน” ไป๋เหมยย้ำแล้วย้ำอีก

“แต่งตัวเช่นนี้ ข้าก็รู้สึกคุ้นมากเช่นกัน” หยวนชิงหลินก้มลงมองชุดบุรุษที่ไป๋หมินไปหามาให้ “พวกเจ้าเล่า เหตุใดจึงไม่แต่งเหมือนกัน”

“พวกเราก็สวมชุดชาวบ้านแล้วนะเจ้าคะ แค่นี้ก็ไม่มีผู้จำได้แล้ว” ไป๋หมินผายมือวาดลงจากช่วงหน้าอกต่ำลงไปถึงหน้าขา

พวกนางไม่ได้สวมชุดสาวใช้ประจำจวนเช่นทุกวัน หากแต่เป็นชุดสาวชาวบ้านที่ดูเรียบๆ และใช้การแต่งหน้าทำให้ดูคล้ายกับหญิงสาวที่มีรอยด่างดำเล็กน้อย

“จริงด้วย ดูแล้วเจ้าเหมือนสาวชาวบ้านมากเลยทีเดียว หวังว่าจะไม่มีคนจำพวกเราได้” ไป๋เหมยหัวเราะ

“พวกเจ้าแต่งเช่นนี้ดียิ่งนัก บรรดาบุรุษคงจะไม่สนใจสตรีหน้าด่างหน้าดำอย่างพวกเจ้าแน่” หยวนชิงหลินปรบมือพร้อมกับยิ้มกว้าง

สามนายบ่าวออกจากจวนสกุลหยวนไปอย่างราบรื่น พวกนางว่าจ้างรถม้าให้ไปส่งที่ถนนไป๋เติ้งโหลง

“เรามีเวลาไม่มากนะเจ้าคะ หากกลับดึกเกิดเปลี่ยนเวรยาม ความจะแตกเอา” ไป๋เหมยเอ่ยเตือน

“เรามีเวลาเท่าใด”

“หนึ่งชั่วยามเจ้าค่ะ” ไป๋หมินเอ่ยย้ำ

“น้อยจริง เช่นนี้จะพอไปดูร้านรวงทั้งหมดหรือ”

“คุณหนูเจ้าคะ บนถนนโลกีย์มีอันใดน่าดูกัน มีเพียงเหลาสุรา หอคณิกา และบ่อนการพนัน ล้วนไม่ควรเข้าใกล้ทั้งสิ้น”

หยวนชิงหลินมองสองข้างทางด้วยความตื่นเต้น นี่เอง..สถานที่ที่นางคุ้นเคยยิ่งกว่าในจวนของตน

“ข้ารู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่เหลือเกิน หลับตาลงก็นึกภาพภายในของแต่ละร้านออกหมด เหมือนกับเคยอยู่แถวนี้”

ไป๋หมินมองคุณหนูอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก ตั้งแต่หายป่วย คุณหนูก็ดูแปลกๆ “คุณหนูเคยนั่งรถม้าผ่านเท่านั้นนะเจ้าคะ ไม่เคยมาเดินที่นี่ในยามค่ำเสียหน่อย นี่เป็นครั้งแรก”

“อย่างนั้นหรือ” หยวนชิงหลินรำพึง

สองข้างทางของถนนไป๋เติ้งโหลงมีรถเข็นขายของจอดเรียงราย หยวนชิงหลินมองเห็นหน้ากากจิ้งจอกแดงก็ถูกใจ นางจึงซื้อแล้วสวมใส่

“พวกเจ้าว่าเหมาะกับข้าหรือไม่”

ไป๋หมินกวาดสายตาไปทั่วร่างของคุณหนูแล้วยิ้มกว้าง “เหมาะมากเจ้าค่ะ ชุดของคุณหนูก็สีแดง หน้ากากก็สีแดง”

ฉินอี้หนุ่มอายุสิบแปด มีเรือนร่างสูงใหญ่กำยำ กำลังเดินตรวจตราความสงบที่หน้าเหลาสุราตงเทียน มองดูร่างบางที่สวมหน้ากากจิ้งจอกแดงแล้วทำตาโต เขาร้องเรียกคนผู้นั้นด้วยเสียงอันดัง

“พี่ใหญ่ไป๋!”

น่าเสียดายที่เสียงดนตรีจากเหลาสุราผสานกับเสียงดนตรีที่ลอยออกมาจากหอคณิกาข้างๆ กลบเสียงเรียกของเขาจนหมดสิ้น

เมื่อคนผู้นั้นไม่ยอมหยุดเดิน ฉินอี้จึงรีบวิ่งหมายจะตามให้ทัน ทว่าคนสวมหน้ากากจิ้งจอกแดงผู้นั้นกลับไม่ยอมหยุด ยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ

พลั่ก!

บุรุษในอาภรณ์สีน้ำเงินปักลวดลายงดงามเดินมาชนเข้าที่ไหล่ของหยวนชิงหลินอย่างจัง จนนางเซถอยหลังไปสองก้าว ไป๋หมินกับไป๋เหมยช่วยกันประคองเอาไว้

“อ๊ะ! เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”

“ไม่เป็นไร” หยวนชิงหลินตอบพร้อมกับจ้องไปที่บุรุษตรงหน้า “เดินอย่างไรของเจ้า ไม่ดูตาม้าตาเรือเอาเสียเลย”

บุรุษผู้นั้นเท้าสะเอวจ้องหน้าหยวนชิงหลินอย่างไร้มารยาท “เจ้าต่างหาก ไม่รู้จักดูให้ดี ทางเดินตรงนี้เป็นของเจ้าหรือไร ชนข้าแล้วยังไม่ขอโทษข้าอีก”

คนสวมหน้ากากจิ้งจอกแดงร้องหึขึ้นคำหนึ่ง “เจ้าต่างหากที่ต้องขอโทษข้า” กล่าวจบก็ย่างสามขุมตรงเข้ามาใกล้พร้อมทั้งยื่นมือมากุมที่คอเสื้อของหยวนชิงหลิน

“ปล่อยข้า!” นางสั่งด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด

ความสูงของหยวนชิงหลินน้อยกว่าบุรุษอาภรณ์สีน้ำเงินอยู่เกินครึ่งศีรษะ เท้าของนางแทบจะลอย แม้จะพยายามเขย่งแล้วแต่ก็แตะพื้นได้เพียงปลายนิ้ว

“ข้าไม่ปล่อย ผอมกะหร่องเช่นเจ้า จะมีปัญญาทำอันใดข้า”

“ไม่ปล่อยอย่างนั้นหรือ” นางทวนคำเบาๆ

หญิงสาวผู้สวมหน้ากากจิ้งจอกแดงแสยะยิ้ม จากนั้นก็จะยกมือขึ้นในท่าตั้งฝ่ามือแล้วสับลงบนบ่าของคุณชายผู้นั้นอย่างแรง

“โอ๊ย!” คนผู้นั้นร้องลั่น ปล่อยมือจากคอเสื้อของนางแล้วยื่นไปจับบ่าข้างขวาของตน “เจ้ากล้าทำร้ายข้า” เขาหันมาจ้องนางเขม็ง ขณะที่ความปวดร้าวจากบ่าค่อยๆ ลามไปถึงแขนและลำตัว

“เหล่าจวง ข้ากับสหายจะสั่งสอนมันให้เจ้าเอง” บุรุษที่มาด้วยอีกคนยืดอกย่างสามขุมเข้าไปหาหยวนชิงหลิน

กลุ่มคนที่เดินตามมาข้างหลังของบุรุษผู้นั้นราวห้าคนพากันเดินออกมารุมล้อมหยวนชิงหลินไว้

“คุณหนูเจ้าคะ คนพวกนี้น่ากลัวนัก พวกเราหนีกันเถอะ” ไป๋หมินกอดแขนหยวนชิงหลินแล้วรีบกระซิบ

คุณหนูรองสกุลหยวนค่อยๆ แกะมือของสาวใช้ออก “พวกเจ้าไปรอด้านหลัง ข้าจะจัดการพวกมันเอง”

ไป๋หมินหน้าเผือดสี แต่ไป๋เหมยกลับช่วยดึงนางให้ถอยออกห่างจากคุณหนู

“พี่หมิน ถอยไปก่อน เชื่อคุณหนูเถอะ”

“จะดีหรือ คุณหนูผอมบางอย่างนั้นจะสู้คนพวกนี้ได้เยี่ยงไร เจ้าก็เถอะ แทนที่จะช่วยข้าห้ามปรามคุณหนู”

ไป๋หมินยังไม่ได้เอ่ยต่อ คุณหนูผู้บอบบางของนางก็ตรงเข้าถีบอกของบุรุษคนแรกกระเด็นไปก้นจ้ำเบ้าอยู่พื้นถนน

“อ๊าก!” คนผู้นั้นยกมือขึ้นลูบหน้าอก เขาเจ็บจนจุก ไม่อาจจะพูดสิ่งใดออกมาได้

คนทั้งสี่ที่ยืนมองดู สองคนถอยหลังด้วยความลังเล อีกสองคนพุ่งเข้าใส่ หยวนชิงหลินกระโดดลอยตัวขึ้น ตวัดหลังเท้าเข้าใส่ใบหน้าซีกขวาของคนผู้นั้น ร่างใหญ่ของบุรุษลอยละลิ่วไปกองอยู่ที่พื้น

คนทั้งกลุ่มผงะ ถอยหลังไปสองสามก้าวในทันที

“ถ้าพวกเจ้าไม่รีบหนี ข้าจะอัดพวกเจ้าทั้งหมดลงไปกองกับพื้น” ผู้สวมหน้ากากจิ้งจอกแดงยกกำปั้นขึ้นชู

“เหล่าจวง! พวกเราถอยกันดีกว่า แก้แค้นสิบปียังไม่สาย” บุรุษอีกคนที่ยังมิได้ลงมือรีบก้มลงไปหิ้วปีกสหายคนแรกที่กองทรุดอยู่ที่พื้น

ใช้เวลาไม่ถึงอึดใจคนทั้งหมดก็ลับหายไปจากบริเวณนั้น สาวใช้ทั้งสองยืนปรบมือชื่นชมคุณหนูของตนด้วยสีหน้าเบิกบาน

ฉินอี้วิ่งตามมาทัน พอเห็นกระบวนท่าในการต่อสู้ของผู้สวมหน้ากากจิ้งจอกแดงก็จำได้ในทันที

“พี่ใหญ่ไป๋ เป็นท่านนี่เอง ข้าตามหามาตั้งนาน ท่านหายไปไหนมา”

หยวนชิงหลินชะงัก พลันความทรงจำวูบหนึ่งก็ปรากฏขึ้น “ฉินอี้ เจ้าคือเสี่ยวฉิน”

“ใช่ ข้าเอง พวกเราตามหาท่านตั้งนาน ท่านกลับมาก็ดีแล้ว รีบตามหาข้าไปหาพี่น้องเรากันเถอะ”

ไป๋หมินกับไป๋เหมยหันไปสบตากัน คนผู้นี้เรียกคุณหนูของพวกนางว่าพี่ไป๋ ซ้ำยังเกรงอกเกรงใจพินอบพิเทาราวกับข้ารับใช้

“พี่หมิน พี่ว่าคุณหนูไปรู้จักนักเลงหัวไม้พวกนี้ตั้งแต่เมื่อใด”

“ไม่รู้สิ คุณหนูไม่เคยออกจากจวนมาเป็นปีแล้วนะ”

********************

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel