บทที่ 6 ข้าเกลียดเจ้า
วันนี้นางคล้ายจะได้คำตอบแล้ว เขาคงต้องยอมให้คนพวกนั้นกลั่นแกล้งสารพัด ทุกครั้งที่เขาลงมาหานาง ไม่รู้เลยว่าเขาต้องทนรับความอัปยศมากกว่านางเพียงใด นางยังมีหน้าไปด่าทอเขา โกรธเคืองเขา วันนี้เพียงเพื่อจะเอาซาลาเปาเน่าๆสองสามลูกมาให้นาง เขาถึงขั้นต้องทิ้งความเป็นคน!!
"มีสิ่งใดให้ดีใจกัน!" หลี่เฟิ่งเซียนตะคอก
"ข้ารู้ว่าท่านหิว ท่านดูผอมลงไปมาก วันนี้ข้าได้ซาลาเปาที่มีไส้มาเชียวนะ" เขาไม่แน่ใจว่านางยังโกรธเคืองสิ่งใดอีก นงอยากกินอาหารดีๆมาตลอดไม่ใช่หรือ
"เจ้าต้องทำเช่นนี้เลยหรือ ถึงขั้นยอมคลานเป็นสุนัข!!" นางกัดฟันพูด
"ไม่ใช่เรื่องสำคัญอันใด ..." เขาคล้ายพูดสิ่งใดไม่ออก
"รีบเอาซาลาเปาออกมากินเถิด หลายวันนี้ท่านไม่ได้กินดีๆเลย" เขาบอกนาง
"กินดีๆ? เจ้าหมายถึงซาลาเปาเน่าๆในอกของเจ้าน่ะหรือ?"
"นี่เป็นของกินดีที่สุด ที่ตอนนี้ข้าหามาได้ ท่านต้องรักษาชีวิตเอาไว้" เขาพูดคล้ายไม่ใส่ใจอารมณ์ขุ่นเคืองของนาง
"ท่าน ๆ ๆ ท่านอันใดกัน ข้ากับเจ้าก็นักโทษในคุกใต้ดินเช่นเดียวกัน เจ้าเลิกโง่สักที เหตุใดไม่หนีไป ข้าไม่เคยเห็นคนโง่เช่นเจ้ามาก่อน" หลี่เฟิ่งเซียนด่าเขาเสียงสั่นด้วยความโมโห
"ข้ามีเวลาไม่มาก เจ้า..เลิกโมโหก่อนดีหรือไม่" เขาพูดอย่างอับจนหนทาง แต่ก็ยอมเปลี่ยนคำเรียกจากท่านมาเป็นเจ้า
"ข้าเกลียดเจ้า" หลี่เฟิ่งเซียนพูดไปเช่นนั้น แต่ในน้ำเสียงกลับสั่นเครือปนสะอื้นเบาๆ ราวกับนางกำลังจะร้องไห้ แต่กลั้นเอาไว้
"อืม" เขาตอบเพียงสั้นๆ
แม้ทั้งสองคนจะยืนอยู่ท่ามกลางความมืด แต่เขารู้แล้วว่านางกำลังร้องไห้ เขาไม่รู้จะปลอบสตรีอย่างไรจึงเอาแต่เงียบ ในที่สุดเป็นเขาเองที่ยื่นมือไปเช็ดกับเสื้อของนาง และล้วงเข้าไปในอกของตัวเอง หยิบเอาซาลาเปาทั้งหมดยื่นใส่มือของนาง
"รีบกิน เจ้าจะได้มีแรง"
หลี่เฟิ่งเซียนยังคงสะอื้นเบาๆ แต่ก็เริ่มยัดซาลาเปาใส่ปาก กัดคำใหญ่ๆกลืนลงท้องไป นางรู้สึกว่าซาลาเปาแข็งๆที่ใส่เพียงผักจี้อร่อยมาก
"อะอ่อย" นางพูดทั้งที่ยังมีซาลาเปาอยู่เต็มปาก
"อืม..อย่ารีบกินจนหมด เจ้ากินประหยัดๆหน่อย ข้าไม่แน่ใจว่าจะลงมาได้อีกเมื่อใด" เขาบอก
"อ้า อะ ไอ้ อู่ อี้อี้ อิ แอ้ว (ข้าจะไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว)" นางพูดไปเช่นนั้นแต่เขาฟังไม่เข้าใจจึงไม่ได้ตอบอันใด
และเพราะอยู่ในความมืด เขาจึงไม่เห็นว่านางกินซาลาเปาสามลูกจนหมด เขาเพียงยืนรอเงียบๆให้มีคนมาเปิดประตูพาเขากลับขึ้นไป แต่เมื่อมีคนลงมาเปิดประตูจริงๆ หลี่เฟิ่งเซียนกลับจับมือเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เจ้าคนชั่วพยายามแกะมือของนางออกแล้ว พยายามส่งสายตาบอกให้นางปล่อยมือแล้วแต่นางก็ยังดื้อดึง
'ข้าเป็นใครกัน ข้าเป็นคุณหนูใหญ่ของชวนแม่ทัพหลี่ จะโง่งมนั่งรอให้ผู้อื่นมาช่วยได้อย่างไร' นางบอกตัวเองในใจพร้อมกับเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย
แสดงออกถึงความหยิ่งทระนงเช่นคุณหนูใหญ่ที่นางเคยเป็น เรื่องเลวร้ายอันใดที่คุณหนูใหญ่เช่นนางไม่เคยทำกัน
"ยังพลอดรักกันไม่เสร็จอีกหรือ?" ชายผู้มาเปิดประตูมองเขาสองคนอย่างเยาะเย้ย
"ให้ข้าออกไปทำงานให้พวกเจ้าสิ บอกนายท่านของพวกเจ้าว่าข้าจะทำงาน ให้ข้านอนกับคนที่เขาอยากจะฆ่า หากสัมผัสตัวข้าใครก็ต้องตายทั้งนั้นจำได้หรือไม่" หลี่เฟิ่งเซียนพูด
เจ้าคนชั่วหันมาถลึงตาใส่นาง มีความตกใจหกส่วน และความตำหนิอีกสี่ส่วนอยู่ในนั้น นี่เขาทำเรื่องมากมายไปเพื่ออันใดกัน ถ้าสุดท้ายแล้วนางก็ยังยอมไปขึ้นเตียงกับใครๆ นางลืมฐานะแท้จริงของตัวเองไปแล้วหรือ หรือเพราะความลำบากหลายวันนี้ทำให้นางยอมแพ้!
"รีบไปบอกนายท่านของเจ้าสิ!" หลี่เฟิ่งเซียนตวาดใส่ชายคนนั้น ถึงมันจะตกใจไปบ้างแต่คิดดูแล้วก็สมเหตุสมผล จึงลงกลอนประตู รีบออกไปแจ้งนายท่านตามที่หลี่เฟิ่งเซียนบอก
"เจ้าโง่ไปแล้วหรือ" คนชั่วเริ่มด่าทอหลี่เฟิ่งเซียนเบาๆ
"ใช่ ข้าโง่มาหลายวัน วันนี้ข้าควรเริ่มฉลาดได้แล้ว"
"เจ้า..เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเจ้าเป็นสตรี" เขาโกรธ
"ข้าเป็นสตรีแล้วอย่างไร ข้ามีชีวิตรอดจึงสำคัญที่สุด"
"..."
"เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าไม่ได้คิดจะขึ้นเตียงกับผู้ใด ขอเพียงข้าไม่ถูกมัดมือมัดเท้า ถึงแม้ข้าจะไม่มีกระบี่ในมือก็ยังฆ่าคนได้ ขอเพียงข้าได้ออกไป ข้าจะต้องหาทางหนีออกไปได้แน่ ถึงตอนนั้นข้าจะพาเจ้าออกไปอย่างปลอดภัย"
"...ไม่ง่ายดายเช่นนั้นหรอก" คนชั่วเอ่ยเบาๆ ก่อนจะค่อยๆดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุมของนาง
"เจ้าก็ช่วยข้าสิ แล้วเราก็หาทางหนีออกไปด้วยกัน"
"..." ไม่มีคำตอบจากเขา แต่หลี่เฟิ่งเซียนมั่นใจว่าเขาจะต้องช่วยนางแน่
จู่ๆทั้งสองคนก็รู้สึกว่าบรรยากาศมืดๆชื้นแฉะในคุกใต้ดินเริ่มอบอุ่นขึ้น พวกเขายืนกันเงียบๆเช่นนั้น ไม่มีใครพูดสิ่งใด
ในที่สุดหลี่เฟิ่งเซียนก็ได้ออกมาจากคุกใต้ดิน ที่แท้ คุกใต้ดินไม่ได้อยู่ลึก แต่อยู่ไกลจากหมู่บ้านพอสมควร แถวทางเข้าคุกใต้ดินยังมีลานกว้างและเสาไม้อีกสี่ห้าเสา ไม่รู้เป็นสถานที่อันใด นางและเจ้าคนชั่วถูกมัดมือ ถูกจูงให้เดินลัดเลาะไปตามท้ายหมู่บ้าน
เพราะมืดมาก นางเกือบสะดุดล้มหลายครั้ง ยังดีที่เจ้าคนชั่วยื่นมือช่วยพยุง แม้ตัวเขาจะผอมบางจนลมพัดก็อาจจะปลิว แต่กลับมีแรงมากมายกว่านางในยามนี้ จากนั้นเดินเข้าหลังร้านน้ำชาแห่งหนึ่ง ข้างนอกคล้ายร้านน้ำชาทั่วไป แต่ด้านในกลับเป็นหอนางโลม!
ฮ่องเต้องค์ใหม่ ผู้เป็นท่านอาของหลี่เฟิ่งเซียน มีปณิธานยิ่งใหญ่ต้องการจะปฏิรูปแผ่นดิน จึงออกกฎใหม่หลายข้อ หนึ่งในนั้นคือหากจะเปิดหอนางโลมต้องแจ้งทางการ ทำเรื่องให้ถูกต้องตามกฎ หลี่เฟิ่งเซียนคาดว่าที่นี่อาจเป็นหอนางโลมเถื่อน ขุนนางในพื้นที่อาจจะรู้เห็น เพราะอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงฉางอัน และเป็นอำเภอเล็กๆที่เป็นเพียงทางผ่านไปยังเขตชายแดนสวีโจว จึงรอดหูรอดตามานาน
ด้านในของโรงน้ำชา เต็มไปด้วยเหล่าหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม เพียงแต่หญิงสาวเหล่านั้นกลับหน้าตาไม่สดชื่น ยิ้มแย้มแต่ดูเศร้าสร้อย ดูก็รู้ว่าส่วนใหญ่ไม่ได้เต็มใจมาทำงานที่นี่ หากนางหนีไปได้ จะต้องกลับมาทลายที่นี่ราบคาบให้จงได้!
