บทที่ 4 คำสั่งที่ไม่เคยทำตาม
Secret Weapon : 10.30 AM
ในแต่ละวันสิ่งที่ฟรานซิสจะต้องทำนอกเหนือจากการดูแลอติน คือการเข้ามาดูแลกิจการของติณณ์ที่เวลานี้ก็เหมือนกับเป็นของเขา ติณณ์ให้ค่าตอบแทนกับฟรานซิสเป็นหุ้น และยังมีที่ดินรวมถึงรถสปอร์ตราคาแพง แน่นอนว่าเงินในบัญชีของฟรานซิสในเวลานี้ไม่ได้น้อยไปกว่าคนที่กล้าเรียกตัวเองว่าเศรษฐีเลย
“แพททริก กูอยากให้มึงเพิ่มการ์ดของคลับ 21s ช่วงนี้มีพวกขี้ยาเข้ามาเที่ยวบ่อย ไม่อยากให้มีปัญหาเหมือนครั้งก่อน” ฟรานซิสออกคำสั่งกับลูกน้องที่ทำงานกับเขามาตั้งแต่เริ่ม
“ได้ แล้วนี่คลับที่จะเปิดใหม่เป็นยังไงบ้างวะ? เคลียร์เรื่องส่วยได้หรือยัง?” ที่แพททริกพูดมึงกูกับฟรานซิสได้ ก็เพราะว่าเขาสองคนเป็นเพื่อนกันมาก่อน จะว่าแพททริกเป็นทั้งเพื่อนและลูกน้องก็ได้
“กำลังคุยอยู่ ต้องรอนายตัดสินใจอีกที แต่ช่วงนี้นายไม่ว่าง...กำลังเที่ยวกับพี่ลิชาอยู่ที่กรีก” นาย ที่ฟรานซิสเอ่ยถึงก็คือติณณ์
“นายจะวางมือจริงๆเหรอวะ? เห็นเที่ยวบ่อยฉิบหาย แล้วต้องไว้ใจมึงขนาดไหนถึงได้ยกกิจการทั้งหมดกับลูกสาวให้มึงดูแล”
“มึงไปจัดการเรื่องการ์ดไป เรื่องอื่นไม่ต้องสงสัย”
“แตะไม่ได้เลยนะกับครอบครัวนี้เนี่ย! ไม่รู้จะรักจะกตัญญูอะไรนักหนา บอกเลย...ถ้ากูเป็นมึงนะ ก็ออกไปทำของตัวเองนานแล้ว เงินก็มี ความสามารถก็มี อำนาจมึงก็มีแล้ว แถมยังมีว่าที่พ่อตาเป็นนายตำรวจใหญ่อีก”
“หุบปาก! แล้วไปทำงานที่กูสั่งได้ ก่อนที่กูจะหาคนใหม่ที่พูดน้อยกว่านี้มาทำงานแทนมึง!”
“ครับๆ จะไปทำตามคำสั่งเดี๋ยวนี้แหละครับเจ้านาย!” แพททริกเอ่ยคำประชด ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องทำงานของฟรานซิส ในตอนนั้นสายเรียกเข้าก็ดังขึ้นมา
“ครับนาย...” เขารับสายอย่างไม่ลังเลเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของติณณ์ที่โทรตรงมาจากกรีก
[อีกสามวันจะเปิดคลับใหม่ ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหมฟรานซิส]
“เรียบร้อยดีครับนาย”
[เรื่องส่วยล่ะ? มีผู้ใหญ่คนไหนเรียกจากเราไหม?]
“มีแค่ท่านกฤตครับนาย คนอื่นไม่มีใครกล้ายุ่งเพราะเกรงใจท่านกฤต ถ้านายไม่ว่าอะไร ผมคิดว่าเราน่าจะยอมให้ท่านกฤตไป” ท่านกฤต ที่ฟรานซิสเอ่ยถึงก็คือพ่อของพริมานั่นเอง หลายปีมานี้ตั้งแต่ที่เข้ารับตำแหน่งใหญ่ เขาก็รับเงินใต้โต๊ะจากผู้ประกอบการธุรกิจสีเทามาตลอด
[อืม...แค่เศษเงิน ให้ๆ มันไปเถอะจะได้ไม่ต้องเจอเรื่องยุ่งยาก ฉันพูดแบบนี้กับพ่อตานาย...ติดใจหรือเปล่า?]
“ไม่ครับนาย”
[ติดใจก็บอก]
“ไม่จริงๆครับนาย นายพูดกับผมได้ทุกเรื่องครับ”
[เจ้าตัวแสบของฉันเป็นยังบ้าง? พักนี้ได้ไปก่อเรื่องที่ไหนหรือเปล่า?]
“ไม่ครับนาย”
[เจ้าบ้านี่! นายจะพูดแต่ไม่ๆอย่างเดียวหรือไง? มีอะไรก็รายงานมา...รู้ใช่ไหมว่านอกจากริว ฉันไว้ใจนายแค่คนเดียว!]
“ครับนาย”
[ฟรานซิส! พูดคำอื่น...]
“เที่ยวให้สนุกนะครับนาย”
[ฉันสอนให้นายเป็นมาเฟีย แต่สงสัยจะลืมสอนเรื่องการสร้างมนุษยสัมพันธ์ อ้อ! แล้วเรื่องแก๊งชาโดว์ล่ะ? ช่วงนี้มันก่อปัญหาอะไรหรือเปล่า?]
“ครั้งก่อนที่เราไปถล่มโรงงานเบียร์เถื่อนของพวกมัน พวกมันเจ็บไปเยอะครับ ตอนนี้คงกำลังรักษาแผลกันอยู่”
[คอยระวังไว้ด้วย ถึงเราจะไม่ชอบหาเรื่องใครก่อน แต่ก็จะยอมให้ใครมาหาเรื่องไม่ได้ ฉันอยู่ไกล...ต้องฝากทุกอย่างไว้กับนาย อย่าทำให้ฉันผิดหวังนะฟรานซิส]
“ครับนาย”
[บอกมาว่าอะไรที่สำคัญเป็นอันดับแรก]
“ความปลอดภัยของอตินครับ”
[พูดอีกที! ฉันเคยบอกไปแล้วว่าความปลอดภัยของอตินไม่ใช่เรื่องแรกที่นายต้องกังวล]
“ชีวิตของผมครับ”
[ใช่ ชีวิตนายต้องมาเป็นที่หนึ่ง เพราะถ้านายเป็นอะไรไป...อตินก็จะเป็นอันตรายไปด้วย จำไว้ให้ดีนะ]
“ครับนาย เที่ยวให้สนุกครับ”
[ไม่มีคำอื่นจะพูดแล้วหรือไง?!] สิ้นคำนั้นติณณ์ก็ตัดสายไปทันที
และมีสิ่งหนึ่งที่ฟรานซิสไม่เคยคิดจะทำตามคำสั่งของติณณ์ นั่นคือการรักษาชีวิตของตัวเองเป็นอันดับแรก ผู้ชายคนนี้สิ่งเดียวที่เขาเชื่อและยึดถือมาตลอดนั่นคือความกตัญญู ชีวิตอติน ลูกสาวของผู้มีพระคุณจึงสำคัญกว่าชีวิตของเขา ต่อให้เขาต้องตาย...เขาก็ยอมได้ ถ้ามันจะทำให้เจ้าตัวแสบปลอดภัย หากบางทีเขาอาจไม่ทันได้คิดว่าความกตัญญูและหน้าที่ มันแยกกับความรักโดยสิ้นเชิง และไม่เคยมีใครตั้งคำถามกับเขา...ว่าที่เขาดูแลอตินอย่างดีมาตลอดนี้มันเป็นเพราะหน้าที่หรือความรักกันแน่
- Atin -
Uni-Café : 15.30 PM
คาเฟ่หน้ามหาลัยเป็นสถานที่ประจำของกลุ่มฉันเอง เราจะมากินนมปั่นและชานมไข่มุกด้วยกันที่นี่หลังเลิกเรียน ก่อนที่จะแยกย้ายกลับบ้าน ฉันจะมีฟรังก์มารับ ตาวกับซัมเมอร์กลับด้วยกันเพราะสองคนนี้บ้านใกล้กัน ตาวขับรถมาเรียนเองน่ะ ส่วนไอ้ต้นหน ไอ้บ้านี่อยู่หอหลังมหาลัยเพราะบ้านมันอยู่ภูเก็ต ได้บอกไปหรือยังว่ากลุ่มฉันมีฐานะกันทุกคน ซัมเมอร์เป็นลูกผู้ดีเศรษฐีที่ดิน ต้นหนเป็นลูกเจ้าของบริษัททัวร์ทางใต้ ที่รวยที่สุดคือตาว ยัยนี่เป็นลูกสาวคนเดียวของคุณลุงศิระ เมธานนท์ เจ้าของ Grand Group บริษัทแม่ของห้างแกรนด์ที่มีสาขาอยู่ทุกจังหวัดในประเทศ ตาวคือลูกคุณหนูตัวจริง แต่น่าเสียดาย...ที่ตาวเสียแม่ไปตั้งแต่ที่มันเกิดมาได้สองเดือน แถมเมื่อสามปีก่อนพ่อมันก็เพิ่งแต่งงานใหม่ กับแม่เลี้ยงที่มีลูกติดมาด้วยสองคน ฉันคิดว่าเพราะแบบนั้นตาวถึงได้เป็นคนเย็นชา
“รู้ไหมว่าการมากินชานมไข่มุกทุกวัน มันทำให้น้ำหนักขึ้น” อย่างที่เห็น ตาวจะพูดแต่เรื่องที่มีสาระ และมันน่าเบื่อ
“ชีวิตฉันต้องการความหวาน” ส่วนซัมเมอร์ ยัยนี่...โฟกัสอยู่เพียงสองเรื่องเท่านั้น หนึ่งคือเรื่องความรัก สองคือเรื่องผู้ชาย
“ชีวิตฉันต้องการเวลานอน” และไอ้ต้นหน ไอ้บ้าเด็กเนิร์ดที่ติดเกมจนไม่มีเวลานอน ไอ้บ้านี่ฉันรู้จักมันดีกว่าใครเพราะเรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก
“ฉันว่าฉันอาจเป็นโรคหัวใจ ฉันต้องหาเวลาไปตรวจ” สุดท้ายคือฉัน บุคคลที่น่าจะปกติที่สุดในกลุ่ม
“ตรวจสมองก่อนไหม? ฉันว่าหัวใจแกปกติ แต่สมองอะไม่แน่” ไอ้ซัมเมอร์ทำหน้าซังกะตายใส่ฉัน
“อยากโดนต่อยเหรอวะเมอร์?!”
“อย่าต่อยฉันนะ ช่วงนี้ฉันบอบบางและอ่อนแอ ฉันรู้สึกเศร้า...มันโหวงเหวงในใจ เหมือนขาดอะไรสักอย่างในชีวิต”
“จะอ้วก! ชีวิตแกจะขาดอะไรวะ?”
“จะพูดยังไงดี...ใจฉันมันไม่เต้นแรงอีกแล้ว เวลาที่อยู่กับวิน” วินคือแฟนคนที่สิบของซัมเมอร์ ยัยนี่มันคาสโนวี่ตัวแม่
“เข้าเรื่องนี้อีกแล้ว” ตาวทำหน้าเซ็งเมื่อซัมเมอร์เริ่มพูดถึงเรื่องผู้ชาย
“ใจไม่เต้นแรงเหรอ?” และมีแต่ฉันล่ะมั๊งที่รู้สึกสนใจเรื่องนี้ขึ้นมา
“อืม แรกๆมันก็ดี ใจฉันเต้นแรงเวลาที่เขาทำเรื่องดีๆให้ แต่ตอนนี้...ใจฉันมันไม่เต้นแรงกับเขาแล้วล่ะ” ซัมเมอร์ทำหน้าเศร้า
“แล้วใจแกมันไปเต้นแรงกับใคร?” ตาวเอ่ยถามเหมือนรู้คำตอบอยู่แล้ว
“พี่สิงโต...”
“หะ?! พี่สิงโตเพื่อนพี่ธันเดอร์น่ะเหรอ?!” ต้นหนโพล่งถาม
“อืม ฉันคุยกับเขาในไลน์น่ะ ใจฉันเต้นแรงทุกครั้งที่เขาส่งสติ๊กเกอร์ฝันดี จะทำยังไงดี...?”
“วินอกหักแล้วล่ะสิ ทุกครั้งที่ใจแกเต้นแรงกับคนอื่น...แฟนแกทุกคนจะถูกบอกเลิก” ตาววิเคราะห์
“เดี๋ยวนะ บอกฉันหน่อย...ว่าทำไมเราถึงใจเต้นแรงกับใครสักคน?” ฉันอยากรู้เรื่องนี้มากกว่าเรื่องที่วินจะอกหัก
“เรื่องง่ายๆน่ะอติน ใจเราเต้นแรงกับใคร ก็แสดงว่าเราชอบคนนั้นไง...” ต้นหนตอบ
“งั้น...”
“งั้นอะไร?”
“เปล่า” งั้น...นี่แสดงว่าฉันชอบฟรังก์งั้นเหรอ?!
“บอกมาว่าใจแกเต้นแรงกับใคร? ที่บอกว่าจะเป็นโรคหัวใจ...นี่เพราะใจแกมันเต้นเป็นกลองชุดเพราะใครสักคนใช่ไหม?” สิ้นคำถามของตาว ทั้งซัมเมอร์และต้นหันก็หันมามองหน้าฉันเป็นตาเดียว
“เอ่อ...”
“ตอบมา!”
“ฉะ...ฉัน...”
“อย่าบอกนะว่าใจแกเต้นแรงเพราะพี่ธันเดอร์?!” ต้นหนตั้งคำถาม
“พูดถึงฉันอยู่งั้นเหรอ?” แล้วจังหวะนรกก็ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง เมื่อไอ้ธันเดอร์มันโผล่มาพร้อมกับชื่อของมันพอดี!
