บทที่ 3 ใจเต้นแรง
- Atin -
The Resident : 07.00 AM
ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงนาฬิกาปลุกที่ดังมาจากมือถือ รู้สึกอยากขอบคุณพระเจ้าที่ท่านได้มอบวันศุกร์ วันสุดท้ายของสัปดาห์มาให้ สิ่งแรกที่ฉันทำหลังตื่นตอน มันไม่ได้ต่างจากคนทั่วไป ฉันก็แค่...เข้าไลน์ อ่านข้อความที่เพื่อนคุยทิ้งไว้เมื่อคืน จากนั้นก็เข้าเฟสบุค ต่อด้วยทวิตเตอร์ จบที่ไอจี แต่ทันทีที่เข้าไอจีมา ฉันก็ต้องเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง จากที่งัวเงียก็ตื่นขึ้นเต็มตา ทำไมน่ะเหรอ? ก็ไอจีของฟรังก์ ที่ลงรูปปีละครั้งมันมีการอัปเดตน่ะสิ! เขาลงรูปตัวเองเป็นครั้งแรกในรอบปี และรูปที่เขาลงก็คือรูปเขาที่เปลือยท่อนบน!
ใช่! เขาถ่ายรูปโชว์แผงอกและกล้ามท้องและรอยสักเต็มตัวนั้นผ่านกระจก! แล้วยอดไลค์คือเป็นหมื่น! แถมคอมเมนท์ก็มีแต่สาวๆ ไม่รู้ทำไม...ฉันรู้สึกไม่พอใจ เหมือนควันมันออกหู ลมหายใจมันถี่แรง และฉันไม่อยากทำอะไรเลยนอกจาก...
พรึ่บ!
“ลบรูปเดี๋ยวนี้นะ!” ฉันเดินออกจากห้องนอน เดินตรงผ่านห้องนั่งเล่น ผ่านห้องทำงาน มาที่ห้องครัว ที่ที่ฟรังก์กำลังทำมื้อเช้าอยู่
“อะไร?” เขาหันมามองหน้าฉัน ก่อนที่จะรีบหันกลับไปอย่างรวดเร็ว
“หนูบอกให้คุณลบรูปในไอจี! ทำไมต้องลงรูปตัวเองแบบนั้น?! คุณอยากโชว์กล้ามเหรอ?! มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าคุณมีกร้าม?!” โอเคฉันโกรธ โกรธเรื่องอะไรไม่รู้ แต่ฉันโกรธ
“โชว์รอยสัก เพิ่งไปสักมาใหม่ เจ้าของร้านสักเป็นเพื่อน มันขอให้ช่วยโปรโมทร้าน” เขาตอบโดยที่ไม่หันมามองหน้าฉัน
“หนูไม่ชอบ! มีแต่พวกผู้หญิงมาเมนท์ว่าคุณแซ่บ! บางคนก็บอกว่าน่ากิน! ผู้หญิงพวกนั้นเป็นบ้าไปแล้วหรือไง?!”
“แล้วเธอเป็นอะไร? ทำไมต้องโกรธขนาดนั้น? เดี๋ยวลบให้...พอใจหรือยัง?”
“ไม่! คุณพูดกับหนูแต่ไม่มองหน้าหนู...เสียมารยาทนะ! คุณสอนหนูเองว่าพูดกับใครก็ต้องมองหน้าคนนั้น แล้วทำไมคุณถึงไม่ทำ?!”
“หงุดหงิดอะไรแต่เช้า?” ในตอนนั้นเขาก็หันมา แต่ยังคงไม่มองหน้าฉัน เขาหยิบมือถือของตัวเองที่วางอยู่ กดเข้าไปในไอจีแล้วลบรูป ก่อนจะโชว์หน้าจอให้ฉันดู “ลบแล้วครับคุณหนู”
“ทุกครั้งที่คุณเรียกหนูแบบนั้น หนูรู้นะว่ามันหมายความว่ายังไง!” ใช่ ฉันรู้ รู้ว่าเขาแค่อยากจะยอมฉันเพื่อให้ฉันหยุดหัวเสีย และเขากำลังรำคาญที่ฉันงี่เง่า “คุณกำลังคิดว่าหนูงี่เง่า”
“ฉันกำลังคิดว่าเธอหวงฉันจนเกินเหตุ” ในตอนนั้นเขาก็หันมาสบตาฉัน
“หะ?!” หวงเหรอ? ที่ฉันโกรธนี่เพราะฉันหวงเขาเหรอ? ฉันหวงเขาตอนไหน? แล้วฉันมีสิทธิ์หวงเขาด้วยเหรอ? หวงในฐานะอะไร?
“จะหวงอะไรนักหนา? ผู้หญิงพวกนั้นก็ทำได้แค่กดไลค์กับคอมเมนท์ ส่วนเธอ...เธอได้ทุกอย่าง จะเอาอะไรอะ?”
“...” บ้าจริง! ใจฉันเต้นแรงขึ้นมาอีกแล้ว
“ไปล้างหน้าซะ! แล้วออกมากินมื้อเช้า...” เขาว่า ก่อนจะหันกลับไปทอดไข่ดาว “แล้วก็ใส่บราด้วย”
“?!!!” พระเจ้า! ฉันก้มมองตัวเองในทันทีที่ได้ยินแบบนั้น แล้วฉันก็ได้พบว่าฉันเดินดุ่มๆออกมาจากห้องนอนในชุดเสื้อสายเดี่ยวสีขาวกับกางเกงขาสั้น และจุกฉันโผล่! เพราะฉันไม่ได้ใส่บรา!
“เร็ว...เดี๋ยวก็ไปเรียนสายหรอก”
“กรี๊ดดดดดดด!!!” ฉันร้องกรี๊ดออกมา ก่อนจะวิ่งกลับเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง น่าอายเป็นบ้าเลย! เขาเห็นจุกฉัน! เพราะแบบนั้นเขาถึงไม่ยอมหันมามองหน้าฉัน แต่ทำไมเขาถึงทำนิ่งเฉยแบบนั้นได้...บ้าจริง! จุกของฉันมันไม่น่ามองขนาดนั้นเลยเหรอ?!
07.30 AM
“อย่ามัวแต่เล่นมือถือ รีบๆกิน...เดี๋ยวรถติดแล้วจะไปเรียนสาย วันนี้เธอมีเรียนคาบเช้านะ” ฟรังก์ทำเสียงแข็ง เขาจะบ่นแบบนี้ทุกครั้งเวลาที่ฉันเล่นมือถือตอนกินข้าว แล้วเขาก็ความจำดีเหลือเกิน จำได้หมดว่าวันไหนฉันมีเรียนอะไรตอนกี่โมงและจะเลิกกี่โมง เขาคอยสอนฉันทุกเรื่อง ทำเหมือนฉันเป็นเด็กสิบสามอยู่เสมอ ทั้งๆที่ตอนนี้ฉันอายุยี่สิบแล้ว ฉันโตแล้ว และที่ฉันเอาแต่นั่งเล่นมือถือ มันเป็นเพราะฉันยังอายที่ตัวเองโชว์จุกต่อหน้าเขาอยู่ การเล่นมือถือมันเป็นการหลีกหนีสถานการณ์น่าอึดอัดได้ดีที่สุดแล้ว
“หนูอิ่มแล้ว”
“อิ่มอะไร? เพิ่งกินไปแค่นิดเดียวเอง กินอีก...กินผักด้วย”
“ก็หนูอิ่ม”
“กินให้หมด!” พอเขาขึ้นเสียง สิ่งที่ฉันทำได้เพื่อไม่ให้เราต้องทะเลาะกันก็คือการก้มหน้าก้มตากิน ฉันยัดข้าวคำโตเข้าปาก ยัดไข่ดาวทั้งฟองตามด้วยผัดผัก เคี้ยวๆแล้วก็กลืน โดยมีเขานั่งจ้องมองโดยไม่ละสายตา
“หมดแล้ว”
“ก็แค่นี้แหละ” เขาทำเหมือนพอใจที่ฉันยอมเชื่อฟัง ขณะเดียวกันก็เอื้อมมาหยิบเศษข้าวที่ข้างปากฉันไปเข้าปากตัวเอง เขาทำแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง ชอบกินเศษอาหารที่ติดหน้าฉัน แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป...ใจฉันมันเต้นแรงขึ้นมาอีกแล้ว หรือว่าฉันกำลังจะเป็นโรคหัวใจเนี่ย? ให้ตายเถอะ!
08.00 AM
หน้าที่ของฟรังก์คือการดูแลฉัน ขับรถรับส่งฉัน ไม่ว่าฉันจะไปที่ไหน คอยหาข้าวหาน้ำให้ฉันกิน ส่วนเรื่องงานบ้านเรามีแม่บ้านคอยดูแล เรื่องการซื้อของใช้เข้าบ้าน หม่ามี๊ฉันก็จะให้พี่แต้ว พี่เลี้ยงที่บ้านฉันเป็นคนจัดการ พี่แต้วจะมาที่เพนท์เฮาส์ทุกๆสองอาทิตย์เพื่อเอาของสดมาใส่ตู้เย็น ที่จริงฉันต้องเรียกว่าป้าแต้ว เพราะเขาเป็นพี่เลี้ยงของหม่ามี๊ แต่เพราะเขาเป็นพี่เลี้ยงฉันด้วย ฉันก็เลยติดเรียกพี่ เวลาที่ฉันอยู่ที่มหาลัย ฟรังก์ก็จะไปทำงานที่ Secret Weapon บริษัทของแด๊ดดี้ฉันเอง บางวันเขาจะต้องออกไปคุมคลับในช่วงกลางคืน เสาร์อาทิตย์ ถ้าฉันไม่อยากไปไหน เขาก็จะออกไปทำธุระส่วนตัวของเขา ซึ่งฉันรู้ดีว่าธุระที่ว่านั่นก็คือการไปอยู่กับแฟน อย่างยัยพริมาจอมปั้นหน้าคนนั้น!
“คิดอะไรอยู่?” เสียงของฟรังก์ทำให้ฉันหลุดออกจากภวังก์แล้วหันไปมองหน้าเขา ตอนนี้เรากำลังอยู่ระหว่างทางไปมหาลัยฉันน่ะ
“เรื่อยเปื่อย”
“แล้วที่บอกว่าเรื่อยเปื่อยน่ะ มันคืออะไร?”
“คุณอยากรู้ความคิดหนูตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ก็อยากรู้มาตลอดนั่นแหละ เพราะบางครั้งฉันก็ไม่เข้าใจความคิดเธอ”
“ไม่ใช่แค่คุณหรอก! เพราะบางครั้งหนูก็ไม่เข้าใจความคิดคุณเหมือนกัน ไม่สิ...ต้องบอกว่าทุกครั้ง ไม่ๆ ต้องบอกว่าหนูไม่เคยรู้เลยว่าคุณคิดอะไร”
“เอาสักอย่าง ตกลงเธอคิดว่ารู้หรือไม่รู้ความคิดฉัน?”
“ไม่รู้ค่ะ”
“แล้วอยากรู้ไหมล่ะ?”
“หืม?”
“อยากรู้เรื่องอะไรก็ถามสิ อย่าเดาเอาเอง ฉันไม่ชอบเวลาที่เธอหงุดหงิด”
“ถามได้เหรอ? ถามได้ทุกเรื่องเลยหรือเปล่า?”
“ก็ลองถามมาก่อน”
“เมื่อไหร่คุณจะเลิกกับยัยพริมา?”
“?” นี่ไง...พอฉันถามสิ่งที่อยากรู้ออกไป เขาก็ทำหน้าตกใจขึ้นมา “แล้วทำไมฉันต้องเลิก? แล้วก็อย่าเรียกเขาแบบนั้น มันไม่น่ารัก เขาแก่กว่าเธอ ถ้าไม่อยากเรียกพี่...ก็เรียกแค่ชื่อเขาดีๆ”
“สอนอีกแล้ว! ทำไมไม่ตอบคำถามหนู? หนูถามว่าเมื่อไหร่คุณจะเลิกกับยัย...เอ่อ...พริมา!”
“ฉันยังไม่ได้คิด ไม่เคยคิดถึงวันที่ต้องเลิก”
“สะ...แสดงว่าคุณรักจริงหวังแต่งกับคนนี้เหรอ? คุณจะแต่งงานกับเขาเหรอ?” เจ็ดปีมานี้ ฟรังก์มีแฟนมาทั้งหมดสามคน แต่ละคนคบไม่เคยเกินสองปี แต่ยัยพริมาคนนี้...มันสองปีแล้ว ใจฉันเจ็บแบบแปลกๆ เมื่อคิดว่าฟรังก์จะทิ้งฉันไปแต่งงานและอยู่กินกับยัยพริมา
“ไม่รู้ เรื่องแต่งงานฉันก็ไม่ได้คิด นี่เหรอเรื่องที่เธอสงสัย?”
“คุณรักเขาไหม?” ฉันไม่ตอบคำถามของเขา และตั้งคำถามใหม่ขึ้นมา
“ถึงแล้ว...” ในตอนที่ฉันกำลังรอฟังคำตอบ ฟรังก์ขับรถเข้ามาจอดที่หน้าตึกเรียน
“ตอบคำถามหนูมาค่ะ คุณรักพริมาไหม?” ฉันไม่ยอมลงจากรถ
“มันสำคัญยังไง?”
“สำคัญมาก! เพราะหนูอยากรู้! ไหนคุณบอกว่าอยากรู้อะไรให้ถามไง?!”
“มันเป็นเรื่องส่วนตัว ฉันบอกว่าเธอถามได้...แต่ก็ไม่จำเป็นว่าฉันจะต้องตอบนี่...ลงไปได้แล้ว รถคันหลังรออยู่”
“คุณก็เป็นแบบนี้ตลอด!” ฉันกระแทกเสียงแข็ง ก่อนที่จะลงจากรถ แล้วเขาก็ขับออกไป พอหันไปมองข้างหลัง...ฉันกลับพบว่ามันไม่มีรถที่ต่อเราอยู่ เขาก็แค่ไล่ฉันลงจากรถ เพราะไม่อยากจะตอบคำถามนั้น ทำไม...? การจะบอกฉันว่าเขารักหรือไม่รักพริมา มันส่งผลอะไรอย่างนั้นเหรอ? หรือเขารู้ว่าฉันจะเจ็บหากได้ยินว่าเขารักยัยนั่น เขาก็แค่อยากจะรักษาน้ำใจฉันเหรอ? งั้นแปลว่าเขารู้เหรอว่าฉันคิดอะไร?! เดี๋ยวนะ...แล้วฉันคิดอะไร?! นี่ฉันชอบเขาเหรอ?! ให้ตายเถอะ! หัวใจฉันเต้นแรงเป็นกลองชุดอีกแล้ว!
- Atin End -
