บทที่ 7 ไม่เชื่อใจ
บทที่ 7 ไม่เชื่อใจ
“ให้พวกเขาเข้ามา”
หลี่เฟินเยว่รับรู้ได้ถึงลางร้ายบางอย่าง เหตุการณ์คุ้นเคยเหมือนฉายภาพวนซ้ำ ในชาติที่แล้วหลังจากที่นางไปมีเรื่องกับลูกสาวของท่านราชครูแล้วเขาก็มาเอาเรื่องนางถึงบ้าน เฟินเยว่ยอมรับสารภาพไปตามตรงนางจึงโดนกักบริเวณอยู่ในบ้านเป็นเวลาหนึ่งเดือน
ความสัมพันธ์ของทั้งสองจวนกลายเป็นไม่ชอบหน้ากันและต้องคอยจิกกัดกันตลอดนับตั้งแต่นั้นมา
“ท่านราชครูมีอะไรให้ข้าช่วยขอรับ” ด้วยอายุที่น้อยกว่าเสนาบดีหลี่จึงต้องพูดให้เกียรติเขา
“นี่ท่านไม่รู้หรือว่าลูกสาวของท่านไปทำอะไรไว้ ! ” ท่านราชครูเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที
ราชครูคาดหวังว่าเขาและบุตรสาวสมควรจะได้รับคำขอโทษอย่างจริงใจทันทีที่เดินผ่านประตูเข้ามา แต่นี่นอกจากจะไม่มีคำขอโทษแล้วคนจวนนี้ยังทำเหมือนไม่รู้สาเหตุอีกว่าเขามาที่นี่ทำไม
“มีอะไรก็ค่อยๆคุยกันดีๆเถิดเจ้าค่ะคนกันเองทั้งนั้น” หลี่ฮูหยินที่เห็นท่าจะไม่ดีก็รีบห้าม แต่เหมือนว่าท่านราชครูจะไม่เห็นด้วย
หลี่เฟินเยว่ยิ่งตกอยู่ในอาการตึงเครียดมากกว่าเดิมมันเหมือนกับความทรงจำของชาติที่แล้วกำลังเล่นซ้ำอยู่เบื้องหน้า ในเมื่อนางก็ไม่ได้ไปตบตีสตรีผู้นั้นแล้วทำไมยังเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นล่ะ
ท่านราชครูก็ไม่มีท่าทีว่าจะยอมลดโทสะลงสักนิด ยิ่งพวกเขาพูดอะไรก็เหมือนจะยิ่งสุมไฟให้มันโหมกระหน่ำมากกว่าเดิม
“หลี่ฮูหยินท่านก็พูดได้สิ คนที่โดนตบไม่ใช่บุตรสาวของพวกท่านนี่”
“หมายความว่าอย่างไร” หลี่เฟยหลงขมวดคิ้วมุ่น เขาก็คิดว่าบุตรสาวของเขาจะกลับตัวกลับใจแล้วเสียอีก
“พวกท่านก็ดูกันเอาเองเถิด”
ท่านราชครูดันบุตรสาวของเขามาด้านหน้าเพื่อให้คนสกุลหลี่ได้ดูผลงานของบุตรสาวพวกเขาได้อย่างกระจ่างตา
“นี่มันอะไรกันหลี่เฟินเยว่ ! ” เสนาบดีหลี่ตะคอกขึ้นมาเสียงดังจนเฟินเยว่สะดุ้งเฮือก
“ลูกไม่ได้ทำนะเจ้าคะท่านพ่อ” เฟินเยว่หน้าซีดปากสั่นไปหมด นางไม่สามารถหาทางออกจากเหตุการณ์นี้ได้
หลี่เฟินเยว่มัวแต่กังวลว่าจะโดนประหารอีกครั้งจึงเอาแต่แก้ไขเรื่องราวที่เคยผิดพลาด โดยไม่คิดเลยว่าสุดท้ายเรื่องบางอย่างก็ไม่สามารถแก้ไขได้
“เจ้ายังกล้าปฏิเสธอีกหรือ” ยิ่งนางแก้ตัวท่านราชครูก็ยิ่งไม่พอใจ หลักฐานบนใบหน้าบุตรสาวของเขาเด่นชัดเสียขนาดนี้จะให้เชื่อคำพูดของนางได้อย่างไร
“ท่านพ่อท่านต้องเชื่อข้านะเจ้าคะ ท่านแม่ท่านก็เห็นใช่หรือไม่ว่าข้าไม่ได้ออกจากบ้านมาหลายวันแล้ว”
เฟินเยว่พยายามแก้ตัวเพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษ ถ้าไม่ได้ออกจากบ้านอีกนางก็จะไม่สามารถสืบหาต้นตอของการประหารได้ หรือมันอาจจะสายเกินไป
“ถึงเจ้าไม่ได้ทำเองแต่เจ้าก็สั่งให้คนอื่นมาทำแทนอย่างไรเล่า” ท่านราชครูตวาดขึ้นมาอีกครั้ง
บุตรสาวของเสนาบดีหลี่นี่จะหน้าหนาไปถึงไหนกัน ใครๆก็รู้ว่านางทำแบบนี้กับสตรีอื่นมาหลายครั้งแล้ว
“ข้าไม่เคยจ้างคนไปทำร้ายใครนะเจ้าคะ ที่ผ่านมาถึงข้าจะมีเรื่องราวทะเลาะเบาะแว้งกับใครข้าก็ลงมือเองทุกครั้ง”
“พอแล้วหลี่เฟินเยว่ ! ” เสนาบดีตวาดใส่บุตรสาวของเขาเสียงเย็น
ปัง !
หลี่เฟยหลงทุบมือลงบนโต๊ะอย่างสะกดกลั้น
“ท่านพ่อ…” หลี่เฟินเยว่เรียกบิดาของนางเสียงแผ่วบา
หลี่เฟินเยว่เคยคิดว่านางสามารถทำให้บิดาและมารดาไว้ใจได้แล้วเสียอีก แต่นางคงคิดผัดถนัด นั่นสินะข้าทำตัวร้ายกาจมาตั้งมากมายคงไม่สามารถทำให้พวกเขาเชื่อใจได้
“ท่านราชครูแน่ใจใช่ไหมขอรับว่าเป็นฝีมือของบุตรสาวข้า”
“ท่านจะหาว่าข้าโกหกหรือ” ท่านราชครูเลิกคิ้วสูงด้วยความข้องใจ
เขาเป็นถึงราชครูเรื่องแค่นี้ไม่มีเหตุผลให้เขาต้องโกหกเลยสักนิด คนพวกนี้คิดว่าเขาเป็นคนบ้าที่มาหาเรื่องสตรีตัวแค่นี้อย่างไม่มีเหตุผลหรือไงกัน
“ข้าแค่อยากให้ท่านช่วยยืนยันเท่านั้นมิได้มีเจตนาไม่ดี”
บุตรีคนรองเปรียบเหมือนดวงใจของคนทั้งจวน การจะลงโทษนางก็ต้องมีเหตุผลมากพอ แต่โทสะที่มีในตอนนี้ทำให้คนเป็นพ่ออย่างเสนาบดีหลี่หน้ามืดตามัวขึ้นมา
“ท่านพ่อฟังข้าก่อนนะเจ้าคะ” หลี่เฟินเยว่ขอร้องเขาเสียงสั่น หยดน้ำใสไหลอาบแก้ม สภาพของนางน่าเวทนาจนหลี่ฮูหยินใจอ่อน
บุตรสาวอันเป็นที่รักถึงกับขอร้องทั้งน้ำตาอาบแก้มขนาดนี้ใจของคนเป็นแม่ก็เหมือนจะแหลกสลาย
หลี่เฟินเยว่ที่เคยเข้มแข็งกลับอ่อนแอลงมากทีเดียว เมื่อนางพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวนางและคนในครอบครัวไม่ต้องพบกับจุดจบอีกครั้ง แต่สิ่งที่ได้รับตอบแทนกลับทำให้นางต้องกลับมาคิดใหม่ว่าที่ผ่านมาทำถูกหรือไม่
ถึงจะอยากแก้ไขปัญหามากเท่าไหร่แต่ก็เหมือนจะหนีไม่พ้นสักที ขนาดไม่ได้ทำก็ยังโดนใส่ร้ายอีก สวรรค์ให้โอกาสนางมีชีวิตอีกครั้งแต่กลับใจร้ายกับนางถึงเพียงนี้ หรือที่ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งจะเป็นการลงโทษจริงๆ
“ถ้าท่านเสนาบดีไม่จัดการให้ข้าก็จะไปถวายฎีกาต่อฝ่าบาทแทน เรื่องนี้หากไม่ทำให้ถูกต้องข้าคงไม่สามารถมีหน้าไปข้างนอกได้”
เขาเป็นถึงราชครูถ้าปล่อยให้คนอื่นมาทำร้ายบุตรสาวได้ตามใจชอบ เขาคงจะไม่มีหน้าไปสอนใครได้อีกแล้ว
แม้กระทั่งฝ่าบาทและองค์รัชทายาทยังต้องให้เกียรติแล้วคนพวกนี้เป็นใครกันถึงกล้ามาหยามกันขนาดนี้
“ได้ ! ข้าจะลงโทษนางเอง”
ถึงจะดูใจร้ายไปสักหน่อย แต่ถ้าเรื่องไปถึงฝ่าบาทบุตรสาวของเขาคงโดนลงโทษหนักกว่านี้เป็นแม่ เขาที่เป็นบิดาควรจะจัดการเองถึงจะเหมาะสม
“ฮูหยินไปเอาไม้มาให้ข้า” เสนาบดีหลี่หันไปบอกฮูหยินของเขาเสียงดัง
“ท่านพี่” ด้วยความสงสารลูกนางจึงมีความลังเล
“รั่วถงไปเอาไม้มา ! ”
เมื่อภรรยาของเขาอึกอักไม่ยอมทำตามเขาจึงเปลี่ยนไปสั่งบ่าวที่อยู่ใกล้ที่สุดแทน
“ท่านพ่อข้าไม่ได้ทำจริงๆนะเจ้าคะ ท่านต้องเชื่อข้านะเจ้าคะ”
หลี่เฟินเยว่กอดขาของบิดาแน่นเพื่อร้องขอให้เขาเชื่อนาง แต่สุดท้ายมันก็ไม่สำเร็จอยู่ดี
“ยืนขึ้น” เขาสั่งบุตรสาวเสียงเย็นเมื่อได้รับไม้มาแล้ว
เพียะ !
ไม้ท่อนยาวฟาดลงไปบนร่างกายด้านหลังของเฟินเยว่เต็มแรง นางทำได้เพียงกัดปากเพื่อกลั้นเสียงร้องเท่านั้น
เพียะ !
เสียงลงไม้ครั้งที่สองดังขึ้นอีก หลี่เฟินเยว่หลับตาสนิทใบหน้าเหยเก
หลี่เฟินเยว่ได้แต่คิดว่าในเมื่อนางไม่ได้ทำผิดแล้วทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้กันนะ นางจะต้องเข้มแข็งขึ้นและหลังจากนี้นางก็จะยืนหยัดเพื่อตัวเอง การร้องขอความเห็นใจคงไม่ช่วยอะไร
เพียะ !
เสียงโบยดังขึ้นอีกนับครั้งไม่ถ้วน มันเจ็บระบมจนขาสั่นไปหมด ต่อให้จะเจ็บแค่ไหนเฟินเยว่ก็จะไม่เอ่ยขอให้ใครเห็นใจอีกแล้ว
“พวกท่านคงพอใจแล้ว”
หลี่เฟยหลงหันไปบอกกับท่านราชครูใบหน้านิ่งเรียบ มือแกร่งซ่อนความสั่นเทาไว้ไม่มิด
“ขอบใจท่านเสนาบดีที่ยอมทำเรื่องที่ถูกต้อง”
“เชิญ” เสนาบดีหลี่เอ่ยไล่พวกเขาเสียงเย็น
ก่อนจะจากไปหลี่เฟินเยว่ก็สบเข้ากับสายตาเย้ยหยันและรอยยิ้มแสดงความสมเพชของบุตรสาวของท่านราชครูเข้าพอดี นางจ้องมองมันเพื่อจดจำความรู้สึกเหล่านี้ไว้ทั้งหมด
บุตรีของท่านราชครูยิ้มเยาะอย่างพอใจ ไม่ใช่แค่เพราะได้แก้แค้นที่โดนทำร้ายร่างกายแต่นางสะใจเรื่องของท่านอ๋องด้วย นางก็ชอบเขาเหมือนกันแต่ไม่มีสิทธิได้แต่งเข้าไปเป็นชายาเอกเพราะตำแหน่งนั้นเป็นของหลี่เฟินเยว่อยู่แล้ว
“พอใจแล้วใช่ไหมเจ้าคะ” เฟินเยว่ถามน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“…”
ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบไม่มีใครตอบนาง
“ลูกขอตัวนะเจ้าคะ”
“คือพ่อ…”
“ข้าเหนื่อยมากแล้วไว้ค่อยคุยกันทีหลังนะเจ้าคะ”
หลี่เฟินเยว่ไม่คิดจะฟังอะไรอีกนางปล่อยแขนที่กอดอกไว้ ก้าวขาเดินหนีไปที่ห้องนอนและปิดประตูลงทันที
