บทที่ 5 ชดใช้ความผิด
บทที่ 5 ชดใช้ความผิด
เสียงซุบซิบนินทาของชาวบ้านก่อนหน้าดูเป็นเรื่องเล็กไปเลยเมื่อเทียบกับสภาพของซินหยานในตอนนี้ กับแค่เสียงนินทาจากคนที่นางไม่รู้จักไม่อาจทำให้เฟินเยว่หวั่นไหวได้ นางสามารถเมินเฉยต่อมันได้แต่กับคนตรงหน้านี่สิ
เรื่องราวมันเริ่มตั้งแต่ตอนไหนกันนะที่นางและซินหยานมีเรื่องราวให้ต้องทะเลาะกัน เฟินเยว่จำไม่ได้แล้วว่าครั้งแรกมันคือตอนไหนนางรู้แค่ว่ามันเริ่มร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆจนเริ่มมีการลงไม้ลงมือ นางกลายเป็นคนอารมณ์ร้อนขึ้นมากจนควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้
“ซินหยาน” หลี่เฟิยเยว่เอ่ยเรียกคนตรงหน้าเสียงแผ่วเบา
ภายใต้ผ้าผืนบางที่ซินหยานใช้ปกปิดใบหน้ามีรอยแผลที่มาจากรอยเล็บปรากฏอยู่ เฟินเยว่เห็นมันจางๆเท่านั้น
“มีเรื่องอะไรก็พูดมา ! ” ซินหยานกระแทกเสียงใส่แต่สุดท้ายก็ต้องหลี่ตาลงเพื่อสะกดกลั้นความแสบบนใบหน้า
“ข้าขอคุยกับเจ้าแค่สองคนได้หรือไม่”
“อืม” แม้ซินหยานจะแปลกใจที่เฟินเยว่มีท่าทีสงบเสงี่ยมผิดจากปกติแต่ก็ยอมทำตามที่นางขอ
“ซินหยานเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมาข้าอยากจะขอโทษเจ้าจากใจจริง”
คำขอโทษง่ายๆถูกเอื้อนเอ่ยออกไป คำพูดสวยหรูมากมายที่คิดมาถูกความตื่นเต้นและกดดันกลืนลงไปจนหมด
“หลังจากทุกอย่างที่เจ้ากระทำต่อข้า แค่คำว่าขอโทษมันน้อยไปไหม ! ”
ซินหยานยังคงอยู่ในอารมณ์ที่คุกรุ่น สำหรับสตรีใบหน้าถือเป็นสิ่งที่สำคัญแต่นางกับมีตำหนิเช่นนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นแผลเป็นไหม แค่ขอโทษมันง่ายเกินไป
“ข้าไม่ได้ขอให้เจ้าให้อภัย ข้าแค่อยากให้เจ้ารู้ว่าข้ารู้สึกผิดจริงๆ ถ้าอะไรที่ข้าสามารถชดเชยให้เจ้าได้ก็บอกมาเถิดข้ายินดีทำ”
“เจ้าจะยอมทำทุกอย่างที่ข้าบอกเลยงั้นหรือ” ซินหยานเลิกคิ้วสูง
“ถ้ามันไม่มากเกินไป” เฟินเยว่กลัวว่านางจะถูกสั่งให้ทำอะไรแปลกๆหรือเรื่องน่ากลัวนางจึงต้องจำกัดขอบเขตไว้
“เจ้าย่อมทำได้แน่นอน” ซินหยานกระตุกยิ้มมุมปากอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า
ซินหยานกำลังคิดว่าที่อีกฝ่ายมาขอโทษอาจจะเพราะกลัวว่าหากในอนาคตนางแต่งงานออกไปแล้วจะเกิดข้อกังขาหรือปัญหาตามมา
“เจ้าอยากให้ข้าทำอะไรก็บอกมาเถิด” ยิ่งรอคำตอบเฟินเยว่ก็ยิ่งตื่นเต้นจนได้ยินเสียงบางอย่างภายในอกเต้นแรง
“ก็ไม่มีอะไรมาก แค่เจ้าสวมชุดที่ข้าเตรียมให้และไปเดินในตลาดเท่านั้นเอง”
“ชุดอะไร…” เฟินเยว่เริ่มระแวงมากขึ้นเมื่อเงื่อนไขมันฟังดูง่ายแปลกๆ
“เจ้านั่งรอข้าตรงนี้”
ซินหยานหายเข้าไปในห้องของนางนานเกือบครึ่งชั่วยาม และกลับมาพร้อมกับเสื้อผ้าเก่าสีซีดในมือ
“ชุดอะไรของเจ้าน่ะซินหยาน” เฟินเยว่ทำหน้าตาเหยเก
ถึงจะรู้สึกผิดแต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะยอมทำทุกอย่างเสียหน่อย ถึงอย่างไรนางก็เป็นบุตรสาวของเสนาบดีกรมพระคลังเชียวนะ
“เจ้าก็ลองดูสิ” ซินหยานคลี่ชุดในมือให้อีกฝ่ายดู มันทั้งเก่าและสีซีดสภาพย่ำแย่กว่าเสื้อผ้าของขอทานเสียอีก
“…”
เฟินเยว่นิ่งอึ้งไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรต่อ นี่นางจะต้องใส่ชุดนี้จริงๆหรือ มันไม่ใช่แค่ความอับอายของนางเอง แต่มันจะลามไปถึงครอบครัวด้วย คนอื่นจะเอาไปพูดอย่างไรถ้าบุตรสาวของเสนาบดีกรมพระคลังใส่เสื้อผ้าแบบนี้
“เจ้าลองคิดดูสิเฟินเยว่ ข้าต้องใช้ชีวิตกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลนี้มาหลายสัปดาห์จะรู้สึกอย่างไร ชุดพวกนี้มันเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ”
เสื้อผ้าเก่าๆแค่ถอดเปลี่ยนก็จบแล้วแต่ใบหน้าของซินหยานต้องใช้เวลารักษานาน นางไม่กล้าออกจากบ้านเลยตั้งแต่เกิดเรื่อง
“ได้ ! ข้าจะทำ” เฟินเยว่กลั้นหายใจเพื่อรวบรวมความกล้าและเลือกที่จะตอบตกลง เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องราวร้ายๆนางจะต้องมีศัตรูให้น้อยที่สุด
“จริงหรือ” ซินหยานไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่พึ่งได้ยิน คนที่ไม่เคยยอมใครอย่างหลี่เฟินเยว่น่ะหรือจะยอมทำอะไรแบบนี้
“ใช่ เอามาสิ”
ซินหยานยื่นชุดไปให้อีกฝ่ายเข้าไปเปลี่ยนในห้องของนาง และยังแอบหยิกแขนตัวเองเพื่อตรวจสอบดูว่าไม่ได้กำลังฝันอยู่อีกด้วย
หลี่เฟินเยว่ตรงหน้าซินหยานถึงจะอยู่ในชุดเก่าซอมซ่อเหมือนขอทานแต่กลับไม่ได้ทำให้ความงามของนางลดลงไปเลย ผิวขาวเหมือนน้ำนมและใบหน้างามที่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถละสายตาได้
“ไปกัน” เฟินเยว่อยากรีบทำและรีบให้มันจบลงเสียที หลับตาทำๆไปเดี๋ยวมันก็ผ่านไปเอง
ทั้งคู่เดินออกมาด้วยกันแค่สองคน คนหนึ่งแต่งตัวหรูหราแต่มีผ้าปิดใบหน้า และอีกคนคือคุณหนูตระกูลหลี่ผู้เลื่องชื่อที่อยู่ในชุดซอมซ่อ ช่างเป็นภาพที่ชวนกระอักกระอ่วนของชาวบ้านเสียจริง
‘หลี่เฟินเยว่เสียสติไปแล้วหรือถึงได้แต่งตัวแบบนั้น’
‘นางต้องผิดหวังจากท่านอ๋องจนเป็นบ้าไปแล้วเป็นแน่’
‘แล้วแม่นางซินหยานนั่นอีกไม่ใช่ว่าที่ปิดหน้าเพราะหน้าเป็นแผลหรอกหรือ’
‘ไม่ใช่ว่าพวกนางไม่ถูกกันหรือ’
‘เสนาบดีคงตีบุตรสาวจนนางเสียสติไปแล้วเป็นแน่’
เสียงซุบซิบนินทามากมายดังระงมระหว่างทาง ในตอนแรกเฟินเยว่คิดว่านางจะต้องอับอายมากเป็นแน่ แต่หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์ก่อนการประหารมาแล้วเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องเล็กมาก
“เจ้าดูป้าคนนั้นสิเขาแอบขำเจ้าด้วย” ซินหยานกระซิบกับเฟินเยว่เพื่อทับถม โดยไม่ทันสังเกตว่าช่องว่างระหว่างทั้งคู่เริ่มลดลงเรื่อยๆ
“เขาอาจจะขำหน้าตาของเจ้าก็ได้”
“เอ๊ะ ! เจ้าไม่ต้องพูดเลยข้างามถึงเพียงนี้ใครจะกล้าขำใบหน้าของข้ากัน” ซินหยานส่งเสียงฮึดฮัดไม่พอใจแต่ไม่ได้จริงจังมากนัก
“เจ้าเลิกหลงตัวเองเสียทีเถอะ”
“เงียบไปเลย” ซินหยานชี้หน้าของเฟินเยว่เพื่อให้นางหยุดพูดได้แล้ว
เฟินเยว่ยกมือยอมแพ้แต่ก็หลุดขำออกมา ได้ออกมาทำอะไรแปลกๆแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ภาพลักษณ์ที่ดูเหมือนคนเสียสติแบบนี้ก็คงดีกว่าการเป็นคนโหดร้ายล่ะมั้งนะ
“เจ้าพอใจแล้วใช่ไหม”
เมื่อเดินจนรอบทั้งสองก็กลับมาที่บ้านของซินหยานอีกครั้ง
“ข้าไม่คิดเลยนะว่าเจ้าจะยอมทำตาม”
ใครจะไปคิดล่ะว่าคุณหนูรองแห่งสกุลหลี่จะยอมทำตามคำขอบ้าๆของนาง สตรีสำคัญก็คือรูปร่างหน้าตาและภาพลักษณ์ แต่เฟินเยว่ยอมทำแบบนี้เหมือนนางไม่สนใจแล้วว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร
“ถือว่าเราหายกันนะ จากนี้ก็อย่าจองเวรจองกรรมกันอีกเลย”
“อืม ข้าขอโทษเจ้าเช่นกันนะ”
ทุกอย่างมันดูง่ายดายจนหลี่เฟินเยว่สงสัยว่าชาติที่แล้วนางมัวแต่ทำอะไรอยู่ ทำไมถึงได้เป็นคนร้ายกาจถึงขนาดนั้นกันนะ ทั้งๆที่ไม่ควรจะต้องไปนั่งทะเลาะตบตีกับใครเลยด้วยซ้ำ
“ข้าขอตัวกลับบ้านก่อนนะ”
หลี่เฟินเยว่นั่งรถม้าของสกุลกลับบ้านไประหว่างทางก็คิดถึงเรื่องต่างๆอีกครั้ง
พอมาคิดดูแล้วบุรุษชอบทำร้ายและดูถูกสตรี และก็เป็นสตรีอีกที่ทำร้ายสตรีด้วยกัน เฟินเยว่ก็ได้ตอกย้ำตัวเองอีกครั้งว่าข้าเคยเป็นคนโง่งมเช่นนั้นสินะ ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าตัวเองในชาติที่แล้วเลย
“หลี่เฟินเยว่ ! ”
ยังไม่ทันจะก้าวขาเข้าบ้านเสียงตวาดของบิดาก็มาถึงก่อนเลย นางพึ่งมาถึงนี่พวกเขารู้เรื่องแล้วหรือ
“เจ้าคะท่านพ่อ” เฟินเยว่ยิ้มแหยส่งไปให้บิดาและมารดา นางหลุบสายตามองต่ำเพื่อหลบสายตาดุๆของทั้งสอง
“เจ้าไปทำอะไรมา” เสียงเข้มถามลูกสาวอย่างเอาเรื่อง เขาก็อุตส่าห์คิดว่านางจะคิดได้แล้วเสียอีก
“ท่านพ่อฟังข้าก่อนนะเจ้าคะ”
เฟินเยว่ค่อยๆเขยิบเข้าไปใกล้บิดาและมารดาช้าๆเพื่ออธิบายถึงเรื่องราวและเหตุผล
“เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นเช่นนี้แหละเจ้าค่ะ”
ในทีแรกพวกเขาก็ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่บุตรสาวพูด เฟินเยว่เนี่ยหรือจะยอมทำอะไรแบบนั้นเพียงเพื่ออยากให้ซินหยานยกโทษให้
“เจ้าก็ควรจะมาปรึกษาพ่อกับแม่ก่อน เจ้าทำเช่นนั้นมันสร้างความอับอายให้สกุลเราขนาดไหนเจ้าไม่รู้หรือ” ถึงอย่างไรสิ่งที่บุตรสาวของเขาทำก็เป็นสิ่งที่ยากจะยอมรับ แต่งตัวเป็นขอทานเนี่ยนะป่านนี้ชาวบ้านคงคิดว่าเขาทำร้ายบุตรสาวจนนางเสียสติไปแล้วเป็นแน่
