บทที่ 4 ไม่สนคำนินทา
บทที่ 4 ไม่สนคำนินทา
การได้เอ่ยปากขอโทษบิดาและมารดาเป็นสิ่งที่หลี่เฟินเยว่อยากทำมากที่สุด และนางก็ได้ทำมันสำเร็จแล้ว เรื่องต่อจากนี้ก็คือการใช้ชีวิตอย่างไรก็ได้ให้ไม่โดนประหารอีกครั้ง
การจะหาคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องยาก แต่การจะจัดการกับเขาต่างหากที่มันยาก
“พี่รองอยู่ไหม” เสียงเย็นชาของใครบางคนดังมาจากทางหน้าประตูห้องของหลี่เฟินเยว่
“อยู่เจ้าค่ะ”
“หลบไป”
ฟางเซียนแสดงสีหน้าไม่พอใจให้รั่วถงได้รู้ตัว ก่อนหน้านี้ห้องนอนของพี่สาวฟางเซียนสามารถเข้าออกได้ตามใจ แต่นี่ให้คนมาเฝ้าหน้าห้องเลยหรือ
เมื่อมีบางอย่างแปลกไปก็ไม่แปลกที่หลี่ฟางเซียนจะเริ่มรู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่เมื่อครู่แล้วที่พี่สาวพูดจาแปลกๆ แค่โดนโบยไปสองครั้งก็สมองกลับเลยหรือไงกัน
“คุณหนูบอกว่าหากคนอื่นจะเข้าไปต้องให้บ่าวเข้าไปแจ้งก่อนเจ้าค่ะ” รั่วถงหลบสายตาดุของฟางเซียนโดยการก้มลงมองพื้นแทน
“เจ้าเป็นแค่บ่าวกล้าพูดกับข้าเช่นนี้หรือ ! ” ฟางเซียนเริ่มขึ้นเสียงไม่พอใจ
หลี่ฟางเซียนในสายตาของคนอื่นเป็นสตรีที่สุภาพเรียบร้อยและค่อนข้างเจียมเนื้อเจียมตัว มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ความจริงว่านางมีนิสัยโหดร้ายขนาดไหน และหนึ่งในนั้นก็คือรั่วถง แต่รั่วถงเป็นแค่บ่าวจึงไม่กล้าเอ่ยเตือนกับเฟินเยว่ ยิ่งเจ้านายของรั่วถงให้ความสนิทสนมกับน้องสาวมากรั่วถงก็ยิ่งไม่กล้า
“บ่าวไม่กล้าเจ้าค่ะ ทั้งหมดล้วนเป็นคำสั่งของคุณหนูรอง” รั่วถงหดคอหนีด้วยความกลัว
“มีอะไรกัน” เสียงเย็นชาติดรำคาญแทรกขึ้นมาระหว่างบทสนทนาของทั้งคู่
“พี่รอง…”
ฟางเซียนกำลังใช้สมองของนางพิจารณาว่าบทสนทนาเมื่อครู่เฟินเยว่ได้ยินหรือไม่ ภาพลักษณ์ของหลี่ฟางเซียนจะต้องเป็นคนพูดจาสุภาพเรียบร้อย
“เจ้าจะเสียงดังทำไมฟางเซียน”
“ข้าขออภัยเจ้าค่ะ แต่บ่าวของพี่รองพูดจาไม่ดีกับข้าก่อน”
“จริงหรือรั่วถง”
น้ำเสียงเรียบเฉยถูกเอื้อนเอ่ยถามบ่าวคนสนิท เฟินเยว่ได้ยินตั้งแต่แรกแล้วแต่นางไม่อยากทำให้ฟางเซียนรู้ตัวจึงยอมเล่นตามน้ำไปก่อน
“บ่าวไม่กล้าเจ้าค่ะ” รั่วถงส่ายหน้าพัลวัน นางไม่อยากโดนคุณหนูทุบตีอีกแล้ว
“มันโกหกเจ้าค่ะ” ฟางเซียนเริ่มเรียกคะแนนสงสาร
“ช่างมันเถิด อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลย”
เฟินเยว่ยกมือห้ามก่อนที่ฟางเซียนจะทำให้ทุกอย่างมันลุกลามไปมากกว่านี้ น้องสาวของนางก็เป็นแบบนี้เสมอชอบทำให้ตัวเองดูน่าสงสาร
“ว่าแต่เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอะไร ไม่ใช่ว่าข้าบอกให้เจ้าไปดูแลแม่ของเจ้างั้นหรือ”
“ท่านแม่หลับอยู่เจ้าค่ะ ข้ามีเรื่องจะมาแจ้งพี่รองก็เลยรีบมา”
“มีอะไรก็ว่ามาเถิด”
“บ่าวของข้าไปตลาดมาแล้วบังเอิญไปเจอท่านอ๋องเจ้าค่ะ”
ฟางเซียนเหลือบมองเฟินเยว่เพื่อดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายและนางก็ต้องหัวเราะเยาะในใจ เฟินเยว่ก็ยังคงเป็นเฟินเยว่แค่พูดถึงท่านอ๋องนางก็พร้อมที่จะถูกชักจูงไปตามคนพูดได้ตลอด
“นานหรือยัง”
เฟินเยว่แสร้งทำเหมือนตื่นเต้น นางจับมือของน้องสาวและบีบมันเบาๆ
“ตั้งแต่เช้าแล้วเจ้าค่ะ ก่อนพี่รองจะตื่น”
“งั้นหรือ” ใบหน้ายิ้มแย้มสลดลง รอยยิ้มค่อยๆจางหาย
“เจ้าค่ะ แต่เรื่องสำคัญกว่านั้นคือเขามากับสตรีคนหนึ่งเจ้าค่ะ”
“เขามากับใคร”
เฟินเยว่บีบมือของฟางเซียนแรงขึ้นจนอีกฝ่ายนิ่วหน้า
“เห็นว่าเป็นบุตรสาวของท่านราชครูเจ้าค่ะ นางให้ท่าเขามาหลายครั้งแล้วนะเจ้าคะ พี่รองจะจัดการอย่างไร”
ฟางเซียนใส่ไฟเพื่อให้แรงโทสะของพี่สาวโหมกระหน่ำ และก็เป็นไปตามที่นางคิด เฟินเยว่ดูโกรธจนสามารถที่จะสังหารคนได้เลย แววตาของนางฉายแววร้ายกาจ และยังบีบมือฟางเซียนจนนางน้ำตาเล็ดอีก
“พี่จะต้องจัดการมันแน่” เฟินเยว่ส่งเสียงฮึดฮัดและบีบมือของฟางเซียนแน่นขึ้นไปอีก มีโอกาสแล้วก็ขอระบายหน่อยเถอะ
“พี่รองปล่อยมือข้าก่อนเจ้าค่ะ”
ฟางเซียนที่ทนความเจ็บไม่ไหวก็เอ่ยปากขอ มือหนักอะไรขนาดนี้
“อ๊ะ…ขอโทษที” เฟินเยว่รีบปล่อยมือฟางเซียนออกทันที
“ไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ”
ถึงจะโกรธก็ต้องบอกว่าไม่โกรธ ลูกของอนุมันก็ทำได้เท่านี้แหละ เล่นงานนางต่อหน้าไม่ได้ทำได้แค่แทงข้างหลังอย่างเดียว
หลังจากนั้นฟางเซียนก็ยังคงเล่าเรื่องราวของบุตรสาวของท่านราชครูต่อไปอย่างใส่อารมณ์ เฟินเยว่ก็ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
หลี่เฟินเยว่ได้แต่แปลกใจว่าทำไมเมื่อก่อนนางถึงมองลูกไม้ตื้นๆนี้ไม่ออกกันนะ แค่นางตีหน้าซื่อไม่ได้หมายความว่านางจะใสซื่อจริงๆเสียหน่อย
“นางกล้าทำถึงขนาดนี้พี่รองอย่ายอมนะเจ้าคะ”
“อืม รู้แล้วเจ้าไม่ต้องห่วง”
ในท้ายที่สุดถึงเฟินเยว่จะทำเหมือนสนใจในเรื่องที่ฟางเซียนพูดแต่สุดท้ายนางก็ไม่ได้ทำอะไรกับสตรีผู้นั้น บุรุษมากรักอย่างท่านอ๋องชาตินี้นางไม่อยากยุ่งกับเขาอีกแล้ว แค่เอาเวลาไปคิดว่าจะทำยังไงให้มีชีวิตรอดก็ยากมากพอแล้ว
เป้าหมายต่อไปของหลี่เฟินเยว่คือการขอโทษซินหยาน ถึงแม้นางจะไม่ได้กระทำอยู่ฝ่ายเดียวแต่เฟินเยว่ก็เป็นคนเริ่มก่อน
รถม้าของสกุลหลี่แล่นไปตามเส้นทางหลักของเมืองหลวง แค่เฟินเยว่โผล่หน้าออกไปดูบรรยากาศข้างนอกชาวบ้านก็ทำหน้าตกใจกันเป็นแถว
ในชาติก่อนเพราะต้องคอยตามติดบุรุษผู้นั้นหรือเปล่านะถึงทำให้นางไม่ได้สังเกตเลยว่าเมืองหลวงก็มีที่ที่น่าสนใจอยู่หลายที่เหมือนกัน ร้านซาลาเปาที่กลิ่นหอมฉุยน่าลิ้มลอง ไหนจะของกินอีกตั้งหลายอย่าง
เสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นตลอดทาง พวกเขาทำเหมือนกลัวแต่ปากก็พูดคุยกันไม่หยุด บุตรสาวของเสนาบดีหลี่ผู้โหดร้ายผ่านมาทั้งทีใครจะไม่อยากพูดถึงกันล่ะ พวกเขาเฝ้ารอดูว่าเหยื่อคนต่อไปของนางจะเป็นใครกัน
“จวนหลังนั้นแหละ” รั่วถงกล่าวกับคนบังคับม้า
“ขอรับ”
รถม้าของสกุลหลี่มาจอดอยู่ที่หน้าจวนของซินหยาน ภายในอกของหลี่เฟินเยว่เต้นระรัว เคยมีเรื่องปะทะกันก็หลายครั้งนางไม่เคยกลัวสักครั้ง แต่พอถึงเวลาจะมาขอโทษอีกฝ่ายมันช่างเป็นเรื่องยากเย็นเสียเหลือเกิน
“คุณหนูระวังนะเจ้าคะ” รั่วถงช่วยประคองคุณหนูจนนางลงจากรถม้าได้อย่างปลอดภัย
“ขอบใจนะรั่วถง” เฟินเยว่ยิ้มบางให้บ่าวคนสนิทเป็นการขอบคุณ การได้โอกาสมีชีวิตอีกครั้งทำให้เฟินเยว่เห็นค่าของคนรอบตัวมากขึ้น
รั่วถงแปลกใจตั้งแต่ตอนที่ฟางเซียนมาบอกเรื่องของบุตรสาวท่านราชครูแต่คุณหนูของนางกลับไม่ทำอะไรสักอย่างแล้ว ถ้าเป็นปกติคุณหนูรองคงตามไปตบตีสตรีผู้นั้นถึงจวนให้ต้องอับอายเป็นแน่
“ท่านพ่อบ้านรบกวนไปแจ้งแม่นางซินหยานให้ข้าหน่อยเถอะว่าข้ามีธุระจะคุยด้วย”
เฟินเยว่กล่าวกับพ่อบ้านของจวนเสียงนุ่มด้วยท่าทีสงบนิ่ง
พ่อบ้านของซินหยานที่ตกใจตั้งแต่เจอหน้าเฟินเยว่ยิ่งตกใจมากกว่าเดิมที่นางพูดจาดีกับเขา นี่มาหาเรื่องกันถึงจวนเลยหรือ ชายวัยกลางคนเหงื่อผุดเต็มใบหน้าด้วยความเครียด
“รอสักครู่นะขอรับ” ถึงจะไม่อยากต้อนรับแต่เขาก็ต้องทำอยู่ดี
“รบกวนด้วยนะ”
พ่อบ้านของจวนหายเข้าไปในบ้านได้สักพักก็กลับออกมาสีหน้าเคร่งเครียด คุณหนูซินหยานบาดแผลบนใบหน้ายังไม่หายดีนี่ยังจะมาตบตีกันอีกแล้วหรือ
“เชิญขอรับ”
เมื่อได้รับอนุญาตเฟินเยว่ก็เดินไปตามทางที่พ่อบ้านนำทาง ทุกฝีก้าวล้วนใช้ความคิดว่าจะพูดกับอีกฝ่ายอย่างไรดี
“ข้าขออะไรสักอย่างได้ไหมขอรับ”
ก่อนที่จะถึงจุดหมายท่านพ่อบ้านก็หยุดฝีเท้าและหันมาพูดกับเฟินเยว่ด้วยความกล้าๆกลัวๆ
“มีอะไรหรือ”
“อย่าให้ถึงกับเป็นแผลเป็นเลยนะขอรับ แม่นางเป็นสตรีเหมือนกันคงเข้าใจดีว่าผิวหนังที่เรียบเนียนสำคัญขนาดไหน” เขารวบรวมความกล้าพูดออกไป ถ้าคุณหนูของเขาเป็นแผลเป็นคงจะแต่งให้กับคุณชายสกุลดีๆไม่ได้แน่
“อืมข้ารับปาก” เฟินเยว่ไม่อยากจะอธิบายอะไรให้มากความเลยรับปากไปส่งๆ
เมื่อบทสนทนาจบลงพวกเขาก็เดินกันต่อจนถึงศาลาที่ซินหยานนั่งปักผ้าอยู่ มือเรียวจับเข็มแน่นและแทงมันลงบนผืนผ้าดูน่าขนลุกพิกล
“มาแล้วหรือ” เสียงเย็นของซินหยานเอ่ยทักทายทำให้เฟินเยว่ขนลุกเกรียว บาดแผลบนใบหน้าอีกฝ่ายทำให้นางสะท้อนใจและรู้สึกผิด
