บทที่ 5 ยังไงข้าก็ไม่ไป
ตอนที่๕
ยังไงข้าก็ไม่ไป
การทานมื้อเย็นพร้อมกันเป็นเหมือนกฎของบ้านไปเสียแล้ว ตระกูลเหยาทุกคนต้องพร้อมหน้าพร้อมกัน นอกจากจะทำให้ความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวแน่นแฟ้นแล้ว ยังได้ปรึกษาหารือเรื่องราวระหว่างวันที่เกิดขึ้นด้วย
"วันนี้งานที่ร้านเป็นอย่างไรบ้างล่ะเติ้งเหว่ย" จ่างเหว่ยซื่อเอ่ยถามเช่นทุกวัน เพคาะบางวันเขาก็ไม่ด้เข้าไปดูความเรียบร้อย
"วันนี้ที่ร้านเรียบร้อยดีท่านพ่อ ออกจะคึกคักกว่าทุกวันเสียหน่อย แต่ข้าจัดการได้ไม่มีปัญหา ท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วง อ้อ !!เหม่ยเหม่ยข้าเอารายการบัญชีมาให้เจ้าแล้วนะ วางอยู่โต๊ะตรงนั้น" เหยาเติ้งเหว่ยตอบคำถามของจ่างเหว่ย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อสองสามวันก่อนน้องสาวคนเล็กทวงรายการซื้อขายภายในร้าน เพราะต้องรวบรวมทำบัญชี
"อืม" เหยาเหม่ยเหม่ยรับคำก่อนจะเขี่ยข้าวในถ้วยไปมา ราวกับกำลังหาอะไรที่ซุกซ่อนอยู่ด้านใน
"เหม่ยเหม่ย เจ้าเป็นอะไร" เหยาหวังห่งอี้ที่สังเกตอาการของน้องสาวมาตั้งแต่นางนั่งลงร่วมโต๊ะแล้ว ถึงปกตินางจะไม่ค่อยพูดนักเวลาทานอาหาร แต่ก็ยังดูมีชีวิตชีวาและกระตือรือร้นมากกว่านี้
"เปล่า ข้าไม่ได้เป็นอะไร เพียงแต่ข้าไม่ค่อยอยากอาหารเสียเท่าไหร่ พวกท่านคุยกันต่อเลย ไม่ต้องสนใจข้า" เหยาเหม่ยเหม่ยรีบละล่ำละลักตอบเมื่อเห็นสายตาทุกคู่จับจ้องมาที่เธอ
"แล้ววันนี้เจ้าไปเดินเล่นที่ตลาดกับจางลู่ซื่อ ได้อะไรกับมาบ้างล่ะ" หย่างจื่อเอ่ยถามขึ้น หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ นางก็หนีไปหลบภัยในสวน จนกระทั่งจ่างเหว่ยออกไปทำงานเช่นทุกวัน เหยาเหม่ยเหม่ยจึงเดินกลับเข้าบ้าน และขออนุญาตหย่างจื่อไปเดินซื้อของที่ตลาด ซึ่งนางก็อนุญาตเช่นทุกที ให้เหยาเหม่ยเหม่ยได้ออกไปเปิดหูเปิดตาเสียหน่อย หากคลาดกับคุณชายตระกูลโจ่วอย่างน้อยนางก็ยังได้เจอคู่ครองที่นางถูกใจและเลือกเอง
"เจอคนบ้า" เหยาเหม่ยเหม่ยบนงึมงัม
"ไม่มีใครบ้ากว่าเเจ้าแล้วล่ะเหม่ยเหม่ยน้องพี่" เหยาฟางเสี่ยวตงที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้ยินสิ่งที่เหยาเหม่ยเหม่ยบ่นชัดเต็มรูหู
"ข้าว่ามีนะท่านพี่ คนที่ข้าเจออาจจะเหมือนคนบ้า แต่ท่านพี่ฟางเสี่ยวตงของข้าคือคนบ้าเลย หาได้เพียงแค่เหมือนไม่" เหยาเหม่ยเหม่ยฉีกยิ้มเจ้าเลห์ให้พี่ชายตัวเองหนึ่งที ก่อนจะหันมาสนใจข้าวในถ้วยต่อ ปล่อยให้เหยาฟางเสี่ยวตงโวยวายอยู่แบบนั้น วันนี้นางไม่มีกระจิตกระใจจะสู้รบกับพี่ชายคนนี้ของนาง ในความคิดของนางตอนนี้คือบุรุษที่ว่านางมีความคิดโสมมต่างหาก กล้าดียังไงมากล่าวหาคุณหนูสี่ของตระกูลเหยา
"เหม่ยเหม่ย เหม่ยเหม่ย เหยาเหม่ยเหม่ย" เสียงเรียกของหยางจื่อดังจนเกือบจะตะเบ็งแล้ว แต่เหยาเหม่ยเหม่ยกลับไม่ได้ยิน
ปั้ง
"เหยาเหม่ยเหม่ย" เสียงฝ่ามืออของหย่างจื่ออที่ฟาดลงกับโต๊ะ และเสียงตะเบ็งเรียกเหยาเหม่ยเหม่ย ทำให้นางสะดุ้งก่อนจะหันมาทำสีหน้าสงสัย
"เจ้าไม่ได้ยินที่แม่เรียกหรอเหม่ยเหม่ย"
"ข้าได้ยินแล้ว อยู่ใกล้กันแค่นี้ ท่านแม่จะตะเบ็งเสียงเรียกข้าให้เจ็บคอไปทำไม" เพราะสะดุ้งจากเสียงเรียกของหย่างจื่อทำให้เหยาเหม่ยเหม่ยเผลอแสดงความหงุดหงิดออกทางสีหหน้า
"เจ้าลูกคนนี้นี่ ข้าเรียกเจ้าตั้งกี่รอบแล้ว แต่เจ้าไม่ได้ยินเอง แล้วยังมีหน้ามาทำสีหน้าแบบนี้ใส่แม่อีกหรอ" หย่างจื่อเริ่มโมโหแล้ว ปกติหย่างจื่อจะเสมือนนางฟ้าในบ้าน นางเป็นแม่ที่ใจดีและเข้าใจลูกๆมาเสมอ จนมาหลังๆนี่แหละที่เพิ่งจะมาคุมเข้มเพราะ เหยาฟางเสี่ยวตงกับเหยาเหม่ยเหม่ยไม่ยอมออกเรือน ใช่ว่างนางอยากผลักไสลูกให้ไปมีครอบครัวหรอกนะ แต่นางก็แก่ชราไปทุกวัน จะมีอายุอยู่ดูแลลูกๆได้นานแค่ไหน จะหวังให้พี่น้องรักกันกลมเกลียวไม่ทอดทิ้งกันก็คงจะยาก ต่างคนต่างไปมีครอบครัวที่ต้องดูแล
"ท่านแม่อย่าเพิ่งโมโหสิเจ้าคะ นี่ไงข้าพร้อมจะฟังสิ่งที่ท่านแม่พูดแล้ว ว่ามาเลยเจ้าค่ะ" ท่าทางกระตือรือรนที่เหยาเหม่ยเหม่ยแสร้งทำ ยิ่งทำให้จ่างเหว่ยซื่อและหย่างจื่อเหนื่อยใจ
"ทางตระกูลโจ่วส่งนัดหมายพิธีดูตัวมาแล้วนะ แม่อยากให้เจ้าเตรียมตัวให้พร้อม และครั้งนี้เจ้าต้องไปห้ามหนีเช่นทุกครั้ง" หย่างจื่อพูดด้วยความหนักใจ เหยาเหม่ยเหม่ยมีวิธีเอาตัวรอดจากการดูตัวทุกครั้งทำให้นางต้องรับหน้าเสียทุกที ครั้งนี้นางก้อดที่จะกังวลไม่ได้
"ข้าไม่ไปหรอกนะ ท่านพ่อเป็นคนสัญญาให้ท่านพ่อไปเองสิเจ้าคะ" เหยาเหม่ยเหม่ยโวยวาย ท่านแม่เพิ่งจะบอกกับนางเมื่อเช้าเองว่าจะนัดดูตัวให้นาง พอตกเย็นกลับมาบอกว่าทางตระกูลโจ่วส่งนัดหมายมาเสียแล้ว อะไรมันจะรวดเร็วขนาดนั้น นอกเสียจากวางแผนไว้ตั้งแต่แรก
"เหม่ยเหม่ย ข้าคงใจดีกับเจ้ามากเกินไปสินะ เจ้าถึงพูดจาไม่ไว้หน้าข้าเลย" จ่างเหว่ยซื่อเอ่ยเสียงเข้ม เขาพยายามไม่ถือสาบุตรสาวคนเล็ก เนื่องด้วยที่ว่างนางเป็นลูกคนเล็กและเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน ทุกคนเลยต่างพากันประคบประหงมจนนิสัยเสียเช่นทุกวันนี้
"ข้าพูดความจริง ท่านพ่อเป็นคนไปสัญญากับตระกูลโจ่วเอง ท่านพ่อก็ไปตามนัดหมายดูตัวเองสิเจ้าคะ ข้าไม่ไป" แม้เหยาเหม่ยเหม่ยจะรู้สึกเกรงกลัวจ่างเหว่ยซื่ขึ้นมาบ้าง แต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ท่านพ่อของนางไม่เคยตีนางสักแปะเดียวตั้งแต่จำความได้
"เหม่ยเหม่ย เจ้าไม่ควรพูดจาเยี่ยงนี้กับท่านพ่อของเจ้านะ" หยางจื่อเตือนสติหญิงสาว เมื่อเห็นบุตรสาวไม่มีท่าทีอ่อนน้อมอย่างที่ควรจะเป็น
"แต่.."
"ช่างเถอะหย่างจื่อ เป็นความผิดของข้าเองที่เลี้ยงนางตามใจมาตั้งแต่เด็ก โตมาถึงได้มีนิสัยยเอาแต่ใจเยี่ยงนี้ ตกลงข้าจะแบกหน้าไปบอกโจ่งเซิ่งเฉิ่งเองว่าข้าเป็นคนไม่รักษาสัจจะ ต่อไปึำพูดของข้าก็จะไม่มีใครเชื่อถือแล้ว" เสียงถอนหายใจของจ่างเหว่ยทำให้เหยาเหม่ยเหม่ยเริ่มรู้สึกผิดขึ้น ยิ่งจ่างเหว่ยซื่อวางตะเกียบแล้วลุกจากโต๊ะกินข้าวไปเงียบๆด้วยแล้ว นางยิ่งรู้สึกไม่ดี
"ตกลงข้าจะไปดูตัวตามที่ท่านพ่อท่านแม่ต้องการ" เหยาเหม่ยเหม่ยพูดเสียงดังฟังชัด เรียกรอยยิ้มบนหน้าของหยางจื่อ และจ่างเหว่ยซื่อที่เดินพ้นประตูไปไม่ทันไร ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าบุตรสาวของเขาเป็นคนเช่นไร ในเมื่อพูดกันดีๆแล้วนางดื้อด้าน เขาก็ต้องใช่เลห์กลเข้าช่วยเป็นธรรมดา
