
บทย่อ
เพราะนางอายุยี่สิบสาม แต่ท่านพ่อท่านแม่บอกนางแก่ ต้องแต่งงานได้แล้ว จับคู่นัดดูตัวกับผู้ชายที่นางเผลอนินทาว่าเขาเป็นหมูเหมยซาน เหยาเหม่ยเหม่ยจึงต้องงัดทุกวิชาให้เขาล้มเลิกที่จะแต่งงานกับนางให้ได้
บทที่ 1 ยินดีต้อนรับกลับบ้าน
ตอนที่ ๑
ยินดีต้อนรับกลับบ้าน
เสียงเกือกม้าที่วิ่งเร็วบนพื้นทรายที่กำลังเข้าใกล้ประตูเมืองมากขึ้นทุกที
“เปิดประตู” ชายร่างยักษ์ที่นั่งอยู่บนหลังม้าตะโกนโหวกเหวกเสียงดัง มือหนาของเขาโบกสะบัดธงไปมา กู่ร้องด้วยความยินดี
“เราชนะศึกแล้ว เราชนะศึกแล้ว” ม้าเร็วยังคงควบไปรอบๆ เมืองเพื่อประกาศข่าวดีให้แก่ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง
เมืองหยางเจา เป็นเมืองเล็กๆ ที่ปกครองด้วยราชวงศ์หยาง ที่นี่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรทั้งทางด้านเกษตร เงินทอง และทรัพยากรด้านอื่นๆ ประชาชนกินดีมีสุขกันถ้วนหน้า จึงเป็นที่หมายตาของเหล่าเมืองใหญ่ในแผ่นดินอื่นที่หวังจะเข้ามาครอบครอง แต่นอกจากความอุดมสมบูรณ์ที่เพียบพร้อมแล้วเมืองหยางเจายังมีเหล่าทหารที่เก่งกล้ามากความสามารถอยู่มากไม่น้อย จึงสามารถรักษาเอกราชได้จนถึงทุกวันนี้ แม้จะออกรบอยู่บ่อยครั้ง เหล่าทหารของหยางเจาก็นำชัยชนะกลับมาสู่บ้านเมืองตลอด
-จวนตระกูลโจ่ว-
“คุณชายกลับมาแล้วเจ้าค่ะนายท่าน นายหญิง” เสียงเย่วส่าวที่เลี้ยงดูคุณชายน้อยของเธอตั้งแต่แบเบาะ จนเติบโตเป็นหนุ่มรูปงาม มากความสามารถอย่างทุกวันนี้ ยืนชะเง้อมองที่หน้าประตูจวนอย่างมีความหวัง หลังจากได้ยินเสียงม้าเร็วตะโกนป่าวประกาศว่า การรบครั้งนี้หยางเจายังคงเป็นฝ่ายชนะศึกเช่นทุกครั้ง แต่หญิงชราก็ภาวนาว่าคุณชายของเธอจะกลับมาอย่างปลอดภัย
“ลูกกลับมาแล้วค่ะท่านพี่” ร่างบางที่แม้จะอายุอานามปาเข้าไปสี่สิบปลายๆ แล้วกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาที่หน้าประตูจวน
“ค่อยๆ เดินถานเหยา ยังไงเสียเถียนเจี้ยนซื่อก็กลับมาถึงบ้านอยู่แล้ว เดี๋ยวเกิดหกกะล้มหัวฟาดจะมิทันเห็นหน้าลูกชายเจ้าเอานะ” เสียงประมุขของบ้านที่เอ่ยหยอกเอินภรรยาอย่างเอ็นดู แม้จะเข้าใจว่าชายชาติทหารต้องออกรบเป็นเรื่องธรรมดา แต่ทุกครั้งที่บุตรชายของนางไปรบ นางก็อดพะวงเป็นห่วงไม่ได้ ได้แต่อธิษฐานภาวนาขอให้เขาปลอดภัยกลับมา
“เซี่ยเฉิ่ง ท่านแช่งข้าทำไม” หน้าหวานง่ำ ส่งสายตาพิฆาตมาให้สามีตัวดีทันที นางดีใจที่บุตรชายกลับมาแล้วนี่ผิดมากหรือไงกัน
“ถานเหยา ข้าไม่ได้แช่งเจ้า เพียงแต่อยากให้เจ้าใจเย็นๆ ค่อยๆ เดินก็ได้ ไม่เห็นต้องรีบร้อน อย่างไรเสียเถียนเจี้ยนซื่อก็กลับเข้าเมืองมาแล้ว อีกประเดี๋ยวก็คงเดินทางถึงจวน” เขาอธิบาย แม้จะอยู่ร่วมกันมาหลายปี จนบุตรชายอายุยี่ห้าสิบปีแล้ว แต่ถานเหยาก็ยังคงมีนิสัยแง่งอนตามประสาหญิงไม่เสื่อมคลาย หากพูดอะไรไม่เข้าหูนางเสียหน่อย คงเสียเวลาง้อจนเหนื่อยเป็นแน่ นี่ละนะผู้หญิง
“ข้าก็คิดถึงของข้า ใครจะใจไม้ไส้ระกำเช่นท่านล่ะ ลูกไปออกรบเสียหลายเดือน กลับมาทั้งทีกลับไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย” นั่นปะไร ลองพูดไม่เข้าหูนางสิ วาจาเสียดแทงก็ย้อนกลับมาทันที
“ใครว่าข้าไม่ดีใจ แต่จะให้ข้ากระโดดโลดเต้นเช่นเจ้าคงไม่สมควรหรอกมั้ง ข้าเป็นถึงขุนนางชั้นผู้ใหญ่เชียวนะ” เซี่ยเฉิ่งสัพยอกภรรยาเขา และนั่นแหละทำให้ภรรยาสุดที่รักถานเหยาส่งค้อนวงใหญ่มาให้เขา
“ข้าไม่เสวนากับท่านแล้วเซี่ยเฉิ่ง ข้าไปรอรับรับเถียนเจี้ยนซื่อลูกรักของข้าดีกว่า คงใกล้จะถึงจวนแล้ว ข้าได้ยินเสียงเสียงฝีเท้าม้าใกล้เข้ามาเต็มที” ว่าแล้วถานเหยาก็หมุนตัวกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปที่ประตู โดยไม่สนใจเซี่ยเฉิ่งสามีอีกเลย แบบนี้ทุกทีสินะพอลูกชายพาเขาก็ต้องกลายเป็นหมาหัวเน่าทุกที ทั้งๆ ที่เขาก็มาก่อนแท้ๆ
“คุณชายมาแล้ว” เสียงที่ซ่อนความดีใจไม่มิดของเย่วส่าว น้ำตาแห่งความปลื้มปริ่มไหลอาบแแก้มที่เหี่ยวย่นตามวัยของหญิงชรา
ชายร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในชุดนักรบของเมืองกระโดดลงจากหลังม้า เดินลงมายืนประจันหน้าหญิงชรา
“ข้ากลับมาแล้ว ท่านร้องไห้ด้วยเหตุใด จี้ซิง” ชายหนุ่มสวมกอดร่างของหญิงชราประหนึ่งคนในครอบครัว เขาเติบโตมาได้ก็เพราะเย่วส่าวคนนี้คอยดูแลประคบประหงมอย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม จะแปลกอะไรถ้าเขาจะรักและเคารพนางประหนึ่งแม่อีกคน
“ข้าดีใจที่คุณชายกลับบ้านอย่างปลอดภัย” เสียงสะอึกสะอื่นเล็กน้อย
“กอดแต่จี้ซิงจนแม่จะน้อยใจแล้วนะ” เสียงของถานเหยาดังขึ้น แสร้งทำง้ำงอราวกับน้อยใจ
เถียนเจี้ยนซื่อจึงละอ้อมกอดจากเย่วส่าวเดินไปกอดมารดาอย่างออดอ้อน
“อย่าน้อยใจข้าไปเลยท่านแม่ ไม่มีหญิงใดที่ข้าจะรักได้เท่าท่านแม่อีกแล้ว”
“ปากหวานนักเชียว ไปออกรบคราวนี้ได้สะใภ้มาฝากแม่หรือเปล่า” ถานเหยาละอ้อมกอด แสร้งชะเง้อมองไปทางด้านหลังของชายหนุ่ม เขาอายุเข้ายี่สิบห้าปีเต็มแล้ว แต่หาสนใจเรื่องคู่ครอง สนใจแต่การรบ การศึก นางกลัวเขาจะไม่มีบุตรไว้คอยสืบสกุล
“ท่านแม่ ข้าไปทำศึกไม่ได้ไปหาภรรยา จะไปได้สะใภ้มาฝากท่านได้อย่างไร” เขาทำสีหน้าเหนื่อยหน่ายใจ ไปออกรบยังไม่รู้สึกเหนื่อยเท่ากับการไปดูตัวตามที่มารดาของเขาจัดหา หากการออกรบไม่ได้หมายถึงความสงบสุขของบ้านเมือง เขาก็อยากจะไปออกรบเสียทุกวัน
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวแม่นัดคุณหนูสี่ของตระกูลเหยาให้” ถานเหยาพูดเหมือนทุกอย่างถูกเตรียมการไว้แล้ว
“ลูกเพิ่งกลับจากทำศึกมา เจ้าควรให้เถียนเจี้ยนซื่อพักผ่อนนะ” เสียงของเซี่ยเฉิ่งดังขึ้นด้านหลัง เหมือนทางสว่างที่ช่วยให้ชายยหนุ่มพบทางรอดจากการดูตัว
“การไปดูตัวก็เหมือนการไปพักผ่อน การไปเจอสาวงามไม่จรรโลงใจตรงไหน ท่านอย่ามาทำตัวขวางโลกนักเซี่ยเฉิ่ง” นั่นไง อยู่ๆ เซี่ยเฉิ่งก็กลายเป็นคนขางโลกเสียอย่างนั้น นี่เขาสามารถพูดอะไรในจวนได้บ้างไหม อยู่ข้างนอกเขาเป็นขุนนางตำแหน่งใหญ่โต มีสิทธิ์ออกเสียง ออกคำสั่งมากมาย แต่พออยู่ในจวน เขาไม่เคยสั่งให้ถายเหยาฟังเขาได้เลยสักครั้ง
“แล้วกัน ข้าก็แค่บอกเจ้า ทำไมถึงได้กลายเป็นคนขวางโลกไปเสียได้นะ” เซี่ยเฉิ่งบ่นอุบอิบ หากบ่นเสียงดังเรื่องคงได้ยืดยาวเป็นแน่
“ข้าเห็นด้วยนะท่านแม่ ข้าเพิ่งกลับจากสนามรบมา ขอให้ข้าได้พักเสียหน่อยเถอะ” เถียนเจี้ยนซื่อรีบสนับสนุนคำพูดของเซี่นเฉิ่ง ท่านพ่อของเขาอุตส่าห์ออกตัวช่วยมาขนาดนี้แล้ว
“แม่ก็ไม่ได้ให้เจ้าไปเสียเดียวนี้ หรือวันนี้ พรุ่งนี้เสียหน่อย ใยเจ้าถึงรีบปฏิเสธแม่นัก” น้ำเสียงน้อยออกน้อยใจของานเหยา รวมถึงสีหน้าที่แสดงความน้อยเนื้อต่ำใจที่มองยังไงก็ดูออกว่าเป็นการละครฉากหนึ่งเท่านั้น
“ก็ได้ๆ ข้าจะไปดูตัวตามที่ท่านแม่ต้องการ” ถึงจะดูออก แต่เขาก็อดที่จะตามใจท่านแม่ไม่ได้ ไหนเมื่อห้ามท่านแม่ไม่ได้ เขาก็แค่ทำให้ผู้หญิงเหล่านั้นไม่พอใจในตัวเขาแค่นั้นเอง
