บทที่ 4 ตกลงข้าจะยอมไปดูตัว
ตอนที่ ๔
ตกลง ข้าจะไปดูตัว
เถียนเจี้ยนซื่อนั่งจิบชายามบ่ายอยู่ในสวนของจวน นึกถึงเรื่องเมื่อกลางวันที่เขาพบเหยาเหม่ยเหม่ย
"ข้าเนี่ยนะหมูเหมยซาน ข้าเนี่ยนะหาคู่ไม่ได้จนท่านแม่กับท่านพ่อต้องหาให้" เขายิ้มเยาะเบาๆกับคำพูดที่ยังก้องอยู่ในหู ทุกคำพูดที่เหยาเหม่ยเหม่ยวิจารณ์เขา เขายังจำมันได้ดี นางช่างสรรหาคำพูดมาติเขาได้อย่างเจ็บแสบนัก ใบหน้างดงามที่มีหมดความงดงามทันทีที่นางพ่นวาจาเหล่านั้นออกมา
"ว่าแต่ข้า แล้วตัวเจ้าล่ะ ก็หาคู่ไปได้ไม่ใช่หรือไง ถึงต้องยอมเข้าพิธีดูตัว เฮอะ" แม้บรรยากาสโดยรอบจะดูสงบ และเย็นสบายแต่ภายในจิตใจของโจ่วเถียนเจี้ยนซื่อกลับร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูก เขาต้องหาทางให้นางคืนคำพูดที่พ่นว่าเขาให้ได้
"ทำไมคิ้วเจ้าถึงขมวดเป็นปมแบบนั้นเล่าเถียนเจี้ยนซื่อ" ถานเหยาวางผลไม้ที่เตรียมมาให้บุตรชายลงบนโต๊ะตัวเตี้ย
"ท่านแม่ ท่านว่าข้าเหมือนหมูเหมยซานหรือไม่" พอหลุดปากถามออกไปแล้วโจ่วเถียนเจี้ยนซื่อยิ่งต้องหน้าหงิกมากกว่าเดิม เพราะท่านแม่ของเขาหัวเราะพรืดอย่างไม่สามารถกลั้นขำได้
"ใครช่างกล้าว่าเจ้าเช่นนี้ ลูกชายแม่ทั้งรูปงาม สง่าผ่าเผย และชาญฉลาดเพียงนี้" นางทั้งปลอบทั้งขำ จากสีหน้าของโจ่วเถียนเจี้ยนซื่อแล้วคงเสียความมั่นใจไปไม่ใช้น้อยเลยทีเดียว นางอยากรู้นักเชียวว่าใครเป็นคนพูด ช่างหาข้อเปรียบเทียบได้ตรงกันข้ามเสียจริง
"ช่างเถอะ ท่านแม่อย่าใส่ใจนักเลย" โจ่วเถียนเจี้ยนซื่อเบือนหน้าไปชมสวนต่ออย่างใช้ความคิด
"ท่านแม่ ที่ท่านเคยพูดว่าจะให้ข้าไปดูตัวกับคุณหนูตระกูลเหยา กำหนดการเมื่อไหร่" เขาถามโดยที่ไม่หันมามองหน้าถานเหยาสักนิด
"เห็นเจ้ากับพ่อเจ้าบอกว่าอยากให้เจ้าพักผ่อนหลังจากออกรบมาเป็นเวลานาน แม่ก็เลยยังไม่ได้จัดเตรียมอะไร" ถานเหยาพูดพร้อมทำหน้าสงสัย ไหนคราแรกพากันปฏิเสธเสียงแข็ง แล้วทำไมถึงมาถามถึงการดูตัวได้ล่ะ
"ถ้าเช่นนั้น ท่านแม่จัดการตามสมควรได้เลย ข้ามาไตร่ตรองดุแล้ว อายุอานามข้าก็สมควรออกเรือนได้เสียที" เถียนเจี้ยนซื่อยังคงพูดเสียงเรียบ ยิ่งทำให้ถานเหยาแปลกใจเข้าไปอีก นางพยายามกล่อมบุตรชายให้ออกเรือนตั้งแต่อายุครบยี่สิบปี จวบจนตอนนี้บุตรชายของนางอายุยี่สิบห้าปี เขาปฏิเสธมาตลอด แต่ครั้งนี้กลับบอกให้นางจัดเตรียมพิธีดูตัวตามสมควรเสียอย่างนั้น ดีใจไหมนางก็ดีใจอยู่หรอก นางกับเซี่ยเฉิ่งก็แก่ตัวไปทุกวัน แถมยังมีบุตรชายแค่คนเดียวคือโจ่วเถียนเจี้ยนซื่อด้วย หาเขาไม่เต่งงานออกเรือนคงไม่หลานๆมาสืบสกุลโจ่วเป็นแน่ แต่ความดีใจก็ยังมีความสงสัยกองโตที่ซุกซ่อนอยู่
"ทำไมท่านแม่มองหน้าข้าแบบนั้น ข้าไม่ได้อยากออกเรือนหรอกนะ แต่ข้าแค่อยากทำตามความต้องการของท่านแม่บ้างแค่นั้นเอง หรือท่านแม่เปลี่ยนใจอยากให้ข้าออกเรือนแล้ว" สีหน้าเลิ่กลั่กของโจ่วเถียนเจี้ยนซื่อที่พยายามซุกซ่อนไว้ทำให้ถานเหยาอมยิ้ม มันต้องมีอะไรที่นางไม่รู้เกิดขึ้นกับบุตรชายของนางแน่ๆ
"ทำไมแม่จะไม่อยากล่ะ แม่ต้องอยากให้เจ้าออกเรือนอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นแม่จะเสาะแสวงหาคุณหนูแต่ละจวนมาให้เจ้าเลือกทำไมกัน แม่แค่แปลกใจนิดเดียวเท่านั้น"
เถียนเจี้ยนซื่อทำเพียงพยักหน้าเท่านั้น เขาจะไม่พูดสิ่งใดต่อจากนี้ ท่านแม่ของเขาเป็นคนฉลาด และด้วยประสบการณ์การใช้ชีวิตมาตลอดสี่สิบกว่าปี ย่อมมองออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ ดังนั้นการเลือกที่จะนิ่งเงียบย่อมเป็นทางออกที่ดีที่สุด
"ถ้าเช่นนั้นแม่จะส่งข่าวให้กับตระกูลเหยาเลยนะ เจ้าห้ามเปลี่ยนใจแล้วนะเถียนเจี้ยนซื่อ" ถานเหยากำชับบุตรชายอีกครั้ง แม้จะรู้นิสัยของบุตรชายดี หากได้พูดสิ่งใดออกมาแล้วย่อมรักษาสัจจะเสมอ แต่นางก็ไม่อาจวางใจได้
"ข้าไม่เคยผิดสัจจะ ท่านแม่ก็รู้" น้ำเสียงหนักแน่นของเขาทำให้ถานเหยาเบาใจลงไม่น้อย ถานเหยาพยักหน้าก่อนจะปล่อยให้โจ่วเถียนเจียนซื่ออยู่กับตัวเอง นางต้องไปเตรียมการหลายๆอย่างเพื่อนัดหมายพิธีดูตัวกับคุณหนูตระกูลเหยาให้บุตรชายของนาง
"อยากรู้นัก ถ้าเห็นว่าข้าเป็นคู่ในพิธีดูตัวของเจ้า เจ้าจะทำสีหน้าเช่นไรเหยาเหม่ยเหม่ย" เถียนเจี้ยนซื่อระบายยิ้มมุมปากอย่างหมายมาด เขานึกถึงสีหน้าของเหยาเหม่ยเหม่ยตอที่เห็นหน้าเขา และรู้ว่าเขาไม่ได้อ้วน เตี้ย หรือรูปร่างเหมือนหมูเหม่ยซานอย่างที่นางกล่าวหา
-จวนตระกูลเหยา-
"นางหญิงเจ้าคะ มีจดหมายจากจวรตระกูลโจ่วส่งถึงนายหญิงเจ้าค่ะ" สาวใช้นำจดหมายที่เพิ่งถูกส่งมาถึงมือยื่นให้หยางจื่อ
"จากตระกูลโจ่วหรอ ช่างว่องไวเสียเหลือเกิน ข้านึกว่าต้องรอจนข้าเป็นฝ่ายจดหมายหาเสียเองเสียอีก" หยางจื่อพูดอย่างอารมณ์ดี ถานเหยาคงเพิ่งจะกล่อมลูกชายของนางได้สินะ ถานเหยากับหยางจื่อล้วนประสบปัญหาเดียวกันคือลูกชายของถานเหยาไม่ยอมออกเรือน ส่วนเหยาเหม่ยเหม่ยของนางก็รู้หลบหลีกจนยังไม่ได้ออกเรือนเสียที ยิ่งมารู้ที่หลังว่าตระกูลโจ่วและตระกูลเหยามีสัญญาใจต่อกัน ยิ่งเข้าทางพวกนางเข้าไปอีก
"นัดวันมาแล้วหรอเนี่ย ต้องเตรียมตัวเหม่ยเหม่ยให้พร้อมเสียหน่อย เกิดพลาดจากคุณชายโจ่ว ลูกสาวข้าคงขึ้นคานเป็นสาวเถื้อเป็นแน่" หยางจื่อพับจดหมายในมือลงทันทีที่อ่านจบ ก่อนที่จะเริ่มคิดหาวิธีกล่อมบุตรสาวตัวดีของตนเอง ยากกว่าการเตรียมพร้อมในทุกอย่างก็คือการบอกเหยาเหม่ยเหม่ยให้ยอมเข้าพิธีดูตัวแต่โดยดีนี่ล่ะ ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว
