บทที่4
อ้อมกอดเหน็บหนาวกัดกินขั้วหัวใจของเด็กสาว ไม่ว่าจะยามหลับหรือยามตื่นขึ้นมาก็ตาม ความพยายามในการที่จะเล่าเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบดูเหมือนว่ามันจะสูญเปล่า เกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากคณะสถาปัตยกรรมดูเหมือนจะไม่เข้าตาของบิดา ตลอดระยะเวลาที่เธอได้ทุ่มเทให้กับการเรียนมันดูเหมือนว่าจะสูญเปล่าไม่ได้ดั่งที่ใจหวังเอาไว้
เคร้ง
"อะ...อากงพูดว่าอะไรนะคะ"เสียงสั่นดังขึ้น บรรยากาศในห้องรับประทานอาหารเงียบลงไม่มีแม้แต่สิ่งรบกวนชวนให้คนภายในบ้านหลังนี้ได้รู้สึกขัดใจ
"อากงอยากให้หมวยเล็กเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษ อากงมีคนรู้จักเป็นอธิการบดีของที่นั่น"หัวใจของหญิงสาวในวัยยี่สิบสองปีวูบโหง ดวงตาวูบไหวเมื่อได้ยินคำพูดนี้หลุดออกมาจากปากของอากงที่เธอรักและเคารพ
บังคับกันอีกแล้ว ประโยคนี้ผุดขึ้นภายในใจของพลอยชมพู
"ทำไมคะ ทำไมหนูต้องเรียนต่อโททั้งที่หนูพึ่งจะเรียนตรีได้ไม่นาน"
"เพราะมันคือความต้องการของอากง"และมันคงเป็นความต้องการของป๊าเธอด้วย
"ทั้งเฮียและเจ้ต่างจบโทด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากคณะบริหารด้วยกันทั้งคู่ ในเมื่ออาหมวยไม่ได้เรียนจบตรีในสิ่งที่ป๊าต้องการ เพราะฉะนั้นอาหมวยต้องเรียนต่อปริญญาโทตามที่อากงสั่ง"ด้วยใบหน้าเรียบนิ่งและน้ำเสียงที่จริงจังของอากงมันไม่ต่างอะไรจากเข็มปลายแหลมพุ่งเข้ามาทิ่มแทงไปตามร่างกายและหัวใจของคนฟังอย่างเธอ
"ป๊ากับอากงยังเห็นหนูเป็นลูกเป็นหลานอยู่บ้างไหมคะ"เธอพยายามทำใจให้สงบแม้ว่ามันจะยากก็ตาม หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองบิดาสลับกับอากงของเธอด้วยความเสียใจและผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับเรื่องเดิม ๆ
"ที่อากงกับป๊าทำ ก็เพราะอากงกับป๊ารักลื้อนะอาหมวย"
"แต่ทำไมหนูกลับรู้สึกว่าสิ่งที่ป๊ากับอากงทำมันไม่ได้มาจากความรักเลยล่ะคะ"น้ำตาแทบจะไหล พลอยชมพูในชุดเดรสสีหวานดันกายลุกขึ้นยืนมองหน้าของบิดาและอากงด้วยความเสียใจ
"ทั้งอากง ทั้งป๊า ทำเหมือนพวกหนูเป็นหุ่นเชิดไม่มีหัวใจคิดจะทำอะไรก็ได้"
"หมวย หยุดลามปามป๊ากับอากงเดี๋ยวนี้นะ"
"ไม่ หนูไม่หยุด ทั้งเฮีย เจ้ และหนู เป็นลูกหลานของอากงกับป๊า พวกเราทั้งสามคนล้วนมีหัวใจมีความคิดและความฝันเป็นของตัวเอง ทำไมอากงกับป๊าต้องคอยเอาแต่บังคับพวกเราทั้งสามคนด้วยคะ ทำไม ทำไม"
เพียะ
ใบหน้าของพิงค์ไวท์สะบัดไปตามแรงตบจากฝ่ามือของอากง แก้วที่มันร้าวคงยากจะกลับมาต่อกลับให้เหมือนเดิมได้เหมือนกับหัวใจที่แตกสลายของสาวน้อยในวัยยี่สิบสองปีในตอนนี้
"อ...อาหมวย คือว่าอากงไม่ได้ตั้งใจ"
ครืด ครืด
ร่างสูงโปร่งของแบล็กและเรสหยัดกายลุกขึ้น เสื้อสูทตัวใหญ่ของชายหนุ่มถูกถอดออกมาคลุมร่างกายของน้องสาว หยาดเลือดตรงมุมปากไม่ต่างอะไรจากหอกแหลมทิ่มแทงใจของพี่ชายคนโตและพี่สาวคนรอง
"เฮีย พาพิงค์ขึ้นไปบนห้อง"น้ำเสียงเย็นยะเยือกของพลอยทับทิมดังขึ้น ดวงตาคมกริบจ้องเขม็งชายสูงวัยทั้งสองคนตรงหน้าอย่างต้องการจะเอาเรื่อง
"ถ้าใครกล้าพาหมวยเล็กก้าวขาออกจากห้องนี้แม้แต่ก้าวเดียว เราจะได้เห็นดีกัน"
กึก
สี่เท้าของสองพี่น้องหยุดชะงัก ร่างสั่นเท่าของน้องสาวตกอยู่ในอ้อมแขนของพี่ชายที่พร้อมจะกางปีกปกป้องเธอได้ทุกเมื่อ
"ถ้าหมวยไม่อยากเรียนต่อปริญญาโท ก็ได้ อากงจะไม่บังคับ"ชายชรายังไม่ยอมรามือ ท่านเดินผ่านร่างสูงโปร่งดั่งนางแบบของหลานสาวคนรองมองผ่านสายตาเย็นยะเยือกคู่นั้นก่อนจะหยุดยืนอยู่ด้านหลังของสองพี่น้องในขณะที่ทั้งสองหันมาเผชิญหน้ากับชายชราด้วยสีหน้ามึนงง
"อากงจะไม่บังคับเรื่องเรียนต่อปริญญาโท ถ้าหากหมวยยอมแต่งงานกับหลานชายของเพื่อนสนิทอากง"ร่างบอบบางของสาวน้อยแทบจะทรุดลงกองกับพื้นทันทีเมื่อได้ยินทางเลือกอีกทางจากปากอากงของเธอ
"ว่ายังไงล่ะจะเรียนต่อโทหรือจะแต่งงานตามที่อากงต้องการก็เลือกเอา"หัวใจของหมวยเล็กของบ้านสั่นเทาราวกับโดนพิษไข้เล่นงาน ความทรมานเกาะกินหัวใจจนลุกลามออกมาถึงร่างกายของเธอในตอนนี้
"อากงจะให้เวลาหมวยคิดแค่เพียงสามวัน แล้วอากงจะมาเอาคำตอบ"ชายชราไม่ยอมให้หลานสาวตอบอะไรในตอนนี้ ท่านเดินผ่านร่างของหลานชายคนโตกับหลานสาวคนสุดท้องออกไป
"ทะ...ทำไม"
"เฮีย พาหมวยเล็กขึ้นไปบนห้อง"เสียงเรียบของลูกสาวคนรองดังก้องภายในห้องรับประทานอาหารอีกครั้งทั้งที่พิงค์ไวท์ยังไม่ทันเอ่ยจบ
"ไปพักกันเถอะหมวย เดี๋ยวเฮียขึ้นไปส่ง"ร่างไร้วิญญาณของพิงค์ไวท์ถูกพี่ชายประคองเดินออกไปจากห้องรับประทานอาหาร ปล่อยให้ลูกสาวคนรองเผชิญหน้ากับบิดาเพียงลำพัง
"สะใจหรือยัง"
"เรสพูดถึงเรื่องอะไร ป๊าไม่เข้าใจ"เฟยหลงหลบสายตาไม่กล้าเงยมองหน้าลูกสาว สายตาดั่งเสือร้ายที่ไม่ต่างอะไรจากเขา แต่พลอยทับทิมเธอกลับเลือดเย็นกว่า
"อย่าให้ความอดทนของหนูหมดลง อย่าพยายามยัดเยียดอะไรที่ทำให้พิงค์ต้องเจ็บ ถ้าอยากให้ทำอะไรก็มาบอกหนูอย่าเอาไปลงที่น้อง"ชายวัยกลางคนเงยหน้าสบตามองลูกสาวคนกลางที่ได้ความสวยมาจากมารดาแต่ทว่าถอดแบบนิสัยร้ายกาจมาจากเขาแบบเต็ม ๆ และดูเหมือนว่ามันจะทวีคูณมากยิ่งขึ้นถ้ามีคนเผลอทำให้เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่พอใจ
"เรื่องนี้เป็นความต้องการของอากง เรสก็น่าจะรู้ดีว่าป๊าขัดอากงไม่ได้"
"ขัดไม่ได้หรือเต็มใจเห็นดีเห็นงามไปด้วย"
"เรส นี่ป๊าเป็นป๊าของลูกนะ"เฟยหลงชักสีหน้า เขารู้สึกไม่ชอบใจเล็กน้อยกับการต่อปากต่อคำของลูกสาวคนรอง
"ป๊าเป็นป๊า ทั้งแบล็ก เรส รวมไปถึงพิงค์ก็ควรที่จะเชื่อฟังคำสั่งของป๊ากับอากง ไม่ใช่รวมหัวกันพาคัดค้านหรือคิดจะเดินออกนอกกรอบแบบนี้"มุมปากสวยกระตุกยิ้มด้วยความเย้ยหยัน สองเท้าก้าวไปเผชิญหน้าชายวัยกลางคนอย่างไม่คิดจะเกรงกลัว
"เพราะเรสคิดว่าป๊าก็ยังเป็นป๊าของพวกเราทั้งสามคนยังไงล่ะคะ เรสถึงอดทนมาจนถึงทุกวันนี้"สีหน้าและแววตาดุร้ายของหญิงสาวในวัยยี่สิบหกปีกระตุกอัตราการเต้นของหัวใจของชายวัยกลางคนให้หอบถี่ยิ่งกว่าวิ่งมาราธอนมาหลายสิบกิโล
"เรสรักป๊ากับอากงนะคะ แต่เฮียแบล็กกับพิงค์คือหัวใจของเรส"
"..."
"อย่าแตะต้องหัวใจของเรส อย่าทำร้ายคนที่เรสรัก ถ้าป๊ากับอากงไม่อยากให้ทุกสิ่งทุกอย่างมันพังลง ก็อย่าทำ"
