ตอนที่ 7 ขึ้นเขา
พระตำหนักกุ้ยหยาง
เย่เหวินหมิงประทับอยู่บนเก้าอี้กุ้ยเฟยทอดมองออกไปยังใบไม้บนต้นไม้ที่ด้านนอกพระตำหนักอย่างเหม่อลอยมาสักระยะหนึ่งแล้ว พระนางกุ้ยเฟยไป๋หรงฮวาวางถ้วนน้ำชาลงสะบัดแขนเสื้อให้นางกำนัลถอยออกไป
"หมั้นหมายก็ได้หมั้นหมายแล้ว อีกสามเดือนก็ได้อภิเษกเหตุใดถึงดูไม่มีความสุข?"
เย่เหวินหมิงผุดลุกขึ้นนั่ง จากนั้นเขาก็เท้าแขนดันศรีษะ "เสด็จแม่ ลูกไม่เข้าใจคุณหนูรองกู้คนนั้น ตั้งแต่ท่านแม่ทัพพานางกลับมา ข้าไปพบจิ้งหนิงที่จวนเมื่อหนึ่งปีที่แล้วนางจะคอยวนเวียน รินน้ำชายกขามมาให้ข้าไม่ห่าง
นางจะคอยวนเวียนสร้างความรำคาญให้ข้าทุกในบางครั้งแทบจะไม่มีเวลาพบจิ้งหนิงเลย..."
ไป๋กุ้ยเฟยยกหางตาขึ้น ทอดพระเนตรไปทางโอรสของตนแวบหนึ่ง "ทำไมเจ้าชอบนาง?"
"ไม่ๆ ไม่ใช่พะย่ะค่ะ คือเมื่อสามสี่วันก่อนจิ้งหนิงแขวนคอตนเองในห้องหลังจากกลับจากไปพูดคุยกับคุณหนูรองนั่นก็ไม่รู้ว่านางไปพูดคุยเรื่องอะไร
สืบทราบมาว่าเรื่องแย่งความโปรดปรานลูก ในวันนั้นที่ห้องโถงใหญ่จวนแม่ทัพกู้ คุณหนูรองผู้นั้นกลับบอกว่า ไม่สนใจลูกแล้ว และ..."
"และอะไร?" ไป๋กุ้ยเฟยเงยพระพักตร์ขึ้นจ้องมอง
"นางบอกว่า จะไม่เล่นตามแผนของจิ้งหนิงแล้ว และที่ทำไปทั้งหมดนางไม่ได้ชื่นชอบลูกเลยเพียงแค่ทำตามคำสั่งจิ้งหนิงเพื่อแลกอาหารและเสื้อผ้า..เสด็จแม่เรื่องเหล่านี้นางพูดจริงหรือพะย่ะค่ะ"
ไป๋กุ้ยเฟยจิบน้ำชา
"หมินเอ๋อเรื่องวังหลังในวังเจ้าก็เห็น เรื่องเรือนหลังของบรรดาขุนนางใหญ่ยิ่งภรรยามากเรื่องราวก็ยิ่งมาก คุณหนูรองกู้ผู้นั้นแม่ก็เคยได้ยินมาบ้างว่านางเป็นที่โปรดปรานของแม่ทัพกู้
ดังนั้น เจ้าถามแม่ในวันนี้ความหมายของเจ้าคือ เกรงว่าภายภาคหน้าจะเกิดเรื่องราววุ่นวายในวังหลังของตนเองหรืออะไร?"
เย่เหวินหมิงขมวดคิ้ว "ลูกไม่ได้ใส่ใจมากเพียงนั้นเพียงแต่ไม่แน่ใจว่าจิ้งหนิงจะเป็นสตรีมากเล่ห์เช่นนั้นจริงหรือ?"
"หึ!หึ!หึ! เหตุใดเจ้าถึงใสซื่อเพียงนี้?" ไป๋กุ้ยเฟยเว้นระยะการ
สตรีทุกคนล้วนต้องการแย่งชิงความโปรดปราน หากเจ้าอ่อนแอย่อมพ่ายแพ้ไปถึงตระกูลอย่างแน่นอน
"อย่าคิดอะไรมาก ไม่ใช่ยังมีแม่อยู่เหรอ? หลังจากรับบุตรีแม่ทัพกู้เข้าจวนแล้วก็รีบมีบุตรโดยเร็ว ห้าเดือนหากนางยังไม่ตั้งครรภ์เจ้าก็เตรียมแต่งคุณหนูจวนตระกูลอี้เข้ามาเป็นชายารองได้เลย"
เย่เหวินหมินขมวดคิ้ว "คุณหนูอี้หร่วนบุตรสาวคนรองของเสนาบดีอี้หรือพะย่ะค่ะ?"
"อืม.."
จวนแม่ทัพกู้
วันนี้เป็นวันที่กู้จิ้งหนิงมีความสุขมากที่สุดแล้ว แต่นางก็ยังรู้สึกว่าความสุขนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่นางคาดหวัง กู้จิ้งหนิงต้องการเห็นกู้อวิ๋นเหยามาร่วมอวยพรดังนั้นนางจึงเดินตามหากู้อวิ๋นเหยาทั่วทั้งจวน
"คุณหนูใหญ่เมื่อสักครู่มีคนสวนพบคุณหนูรองที่สนามฝึกทางด้านหลังเจ้าค่ะ"
สนามฝึก?
"นางไปทำอะไร?"
สาวใช้ขมวดคิ้ว "คนสวนบอกว่าคุณหนูรองไปวิ่งทุกเช้าเลยเจ้าค่ะ อย่างวันนี้ก็ขี่ม้าด้วยเจ้าค่ะ"
"ขี่ม้าหรือ? นางขี่ม้าเป็นด้วยหรือ?"
"คุณหนูใหญ่เจ้าคะ คุณหนูรองเติบโตมาจากชายแดนนะเจ้าคะ นางคงไม่ได้สุขสบายเท่าไหร่นักดังนั้นขี่ม้าเป็นไม่แปลกเจ้าค่ะ"
ดวงตาของไป๋จิ้งหนิงลุกวาว "จริงสิ มาจากอำเภอที่กันดารเพียงนั้นนางคงลำบากไม่น้อย..เช่นนั้นก็ช่างนางเถอะข้าไปพบท่านแม่ก่อนแล้ว"
กู้อวิ๋นเหยากลับมาที่เรือนป่าไผ่ของตนเองในตอนที่นางกำลังสวมใส่อาภรณ์มามาเหวินและสาวใช้จำนวนหนึ่งก็ได้ขนเสื้อผ้าและของใช้ที่จำเป็นรวมถึงเงินจำนวนสามสิบตำลึงมาให้นาง
"คุณหนูรองเจ้าค่ะ ข้าวของในวันนี้ชดเชยในส่วนที่ท่านถูกละเลยมาเป็นเวลาหนึ่งปี ฮูหยินผู้เฒ่าให้ข้านำมาให้ท่าน คุณหนูรองตรวจดูเถิดเจ้าค่ะพึงพอใจหรือไม่?"
กู้อวิ๋นเหยาสวมใส่อาภรณ์เสร็จนางก็เดินออกมา ด้านหลังยังมีเสี่ยวซิ่วตามออกมาดู
กู้อวิ๋นเหยาพยักหน้า "ไม่ต้องตรวจนับแล้ว ประเดี๋ยวข้าจะไปขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่าด้วยตนเอง ขอบคุณมามาเหวินที่เป็นธุระให้"
มามาเหวินพยักหน้า "เจ้าค่ะคุณหนูรอง"
เมื่อถูกปฏิบัติด้วยความเกรงอกเกรงใจเช่นนี้มามาเหวินที่เป็นสาวใช้ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่ากู้ในจวนนี้มานานนางก็ย่ิมพึงพอใจ
หากเป็นคุณหนูใหญ่ ก็คงจะไม่ถูกปฏิบัติด้วยกิริยาท่าทางเช่นนี้ แต่นั่นนางก็เป็นถึงบุตรสาวสายตรงของท่านแม่ทัพ เป็นคุณหนูใหญ่ นางย่อมหยิ่งยโสก็ถูกต้องแล้ว
หลังจากมามาเหวินออกไปแล้วกู้อวิ๋นเหยาก็ถอดเสื้อคลุมออกเหลือเพียงชุดสีดำของบุรุษด้านใน
"คุณหนูเจ้าคะท่านจะไปจริงๆหรือเจ้าคะ?" เสี่ยวซิ่วถามขุ้นรอบที่ห้าอย่างเป็นกังวล
"เอาเถอะน่ารีบไปรีบกลับ ข้าจะพาเจ้าหาอะไรทำแก้เบื่อ"
พูดจบกู้อวิ๋นเหยาก็ออกไปทางด้านหลังเรือนไผ่การหนีออกจากจวนสำหรับกู้อวิ๋นเหยานั้นไม่ใช่เรื่องยากเมื่อพลิกตัวขึ้นบนกำแพงแล้วกระโดดออกไปก็สามารถหลบทหารรักษาการเหล่านั้นได้แล้ว
ถัดไปไม่ไกล เมื่อเห็นนางกระโดดขึ้นและลงกำแพงจวนออกไปร่างสูงสง่าของเย่อู๋เฉินก็ชะงักคิ้วเข้มขมวดมุ่น หันมาหาอี้สือ "นางกำลังจะไปไหน?"
"___"
อี้สือไม่ได้ตอบเขาส่ายหน้าแรงคราหนึ่งพลันในใจก็อดคิดไม่ได้ นายท่านของเขากลายเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?
"นายท่าน..ท่านยังจะไป...." ผ่านไปราวสิบอึดใจอี้สือก็เอ่ยเรียก คนก็ไม่อยู่แล้วนายท่านยังจะดูอะไร
"อืม..ไปเถอะ!"
บนภูเขาเหวินสุ่ย
กู้อวิ๋นเหยาสอบถามชายคนขับรถม้าเรียบร้อยแล้ว เขาบอกว่าบนภูเขาเหวินสุ่ยไม่ใช่มีแค่มะคำดีควาย ฤดูนี้เห็ดป่าก็มีมาก กูอวิ๋นเหยาขอซื้อตะกร้าของเขารวมทั้งค่าเช่าเหมารถม้าทั้งวัน นางจ่ายไปหนึ่งตำลึง
หนึ่งตำลึงนี้ก็มากพอสำหรับชาวบ้านเช่นเขาแล้ว เพราะลำพังรอให้คนมาเช่ารถม้าวันหนึ่งก็ได้ไม่ถึงแปดอีแปะ หนึ่งตำลึงบางทีหาได้ทั้งเดือนก็ไม่ถึง
กู้อวิ๋นเหยาวางแผนตอนนี้มีเงินสามสิบตำลึงแล้ว ต่อจากนี้ก็ไม่รู้ว่าจะได้อีกไหม ชีวิตต้องใช้เงินไหนๆก็มาจากอนาคตแล้วการจะหาเงินในยุคนี้มันจะไปยากอะไรกัน
เมื่อเดินเข้าไปในป่าลึกนางมองเห็นแล้วว่ามะคำดีควายอยู่ตรงไหน จะเก็บตอนลงเขาออกมา ในเมื่อมีโอกาสขึ้นเขาแล้วก็ขอเดินหาของป่าอย่างอื่นเสียหน่อย
ในตอนที่เดินสำรวจตลาดมืดใต้ดินร้านขายสมุนไพรหายากนั้นนางก็เข้าบ่อย เนื่องจากโรคภัยบางชนิดใช้สมุนไพรในการรักษาจะง่ายกว่า
ภายในหุบเขาลึกไร้ซึ่งผู้คน มีเพียงสายลมที่พัดพาความเย็นยะเยือกพาดผ่าน กลิ่นหอมเย็นของดินและพืชพรรณลอยอบอวลไปทั่ว
กู้อวิ๋นเหยาในชุดสีดำเดินลัดเลาะไปตามป่าดวงตานางจับจ้องไปยังพืชชนิดหนึ่งที่เติบโตซ่อนตัวอยู่ในเงาโขดหิน มีใบสีเขียวเข้มตามขอบใบมีเส้นสีทองบางเรียวยาวล้อมทั้งใบ ดอกคล้ายกลีบหยกแต้มแสงน้ำค้าง นางคุกเข่าลงสำรวจ ก่อนเบิกตากว้าง
“นี่มัน... ชิงหลานเซวียน!”
(ชิงหลานเซวียน 青兰玄) เป็นสมุนไพรหายากชนิดหนึ่งว่ากันว่าช่วยฟื้นฟูพลังลมปราณ เสริมธาตุหยิน บำรุงหัวใจ และรักษาอาการชาหมดแรงได้ดั่งปาฏิหาริย์
นางค่อยๆ ขุดมันขึ้นมาอย่างบรรจง ฝังดินกลบคืนลงไปราวกับเคารพต่อธรรมชาติ แล้วใส่สมุนไพรลงในตะกร้าอย่างทะนุถนอม
จากนั้นนางก็มองสำรวจไปตามโขดหินก็พบพุ่มไม้ขนาดเล็กใบกลมยาวปลายแหลม ตรงปลายใบมีดอกสีแดงชาดชูช่ออยู่พลันกู้อวิ๋นเหยาก็รู้สึกว่าคุ้นๆนางเคยพบที่ไหน
ทันใดนั้นนางก็นึกถึงร้านขายสมุนไพรที่ตลาดมืดขึ้นมา ซึ่งภาพและลักษณะของพุ่มไม้ตรงนั้นตรงกับภาพวาดที่ผนังและรายละเอียดต่างๆก็ชัดเจนมาก
เยี่ยฮวาหงหรือดอกบุปผาแดงในตอนที่นางอ่านรายละเอียดอยู่นั้นหญิงชราบอกว่าอะไรนะ "ดอกบุปผาแดงหรือดอกเยี่ยฮวาหงเป็นสมุนไพรที่ขึ้นชื่อในสรรพคุณที่ให้ผลรักษาที่เยี่ยมยอดของหุบเขาโอสถมาก
กลิ่นหอมอ่อนละมุนคล้ายดอกชาและชะเอมผสานกัน ดอกสีแดงที่มีกลิ่นหอมสามารถนำไปต้มใส่ขี้ผึ้งแล้วทำเป็นชาดทาปากได้
ส่วนใบนำไปตากแห้งสองแดดแดละสามชั่วยามแล้วนามมาบดละเอียดผสมกับต้นไป๋ซู๋เฉ่าจะเป็นยาห้ามเลือดและสมานแผลอย่างดีเยี่ยม ซึ่งในยุคปัจจุบันยังมีการนำไป๋ซู๋เฉ่ามาผสมสผานกับยาปฏิชีวนะให้เห็นอยู่
ส่วนรากล้างให้สะอาดตากแห้งแล้วนำไปบดเป็นยาบำรุงฟื้นฟูร่างกายและซ่อมแซมส่วนที่บาดเจ็บภายในได้เป็นอย่างดี"
กู้อวิ๋นเหยาค่อยๆใช้มีดเล่มเล็กที่นางหยิบมาจากหีบของใช้ส่วนตัวของเจ้าของร่างออกมาค่อยๆตัดทีละกิ่ง จากนั้นก็ขุดรากออกมา นางวางใส่ตะกร้าแล้วก็ค่อยๆขยับตัว
ตามหาสมุนไพรไปเรื่อยๆจนตะวันบ่ายคล้อยร่างบางก็มาถึงริมน้ำแล้ว มองตามสายธารที่ไหลผ่านขึ้นไปก็เห็นโขดหินเป็นชั้นๆ น้ำนี้เย็นสบายมากใสจนเห็นก้อนหินใต้ลำธาร
กู้อวิ๋นเหยาล้างหน้าพร้อมกับดื่มน้ำในตอนที่ทิ้งตัวลงที่แผ่นหินข้างลำธารนั้น
อวิ๋นจื่อเหยาก็ได้ยินเสียงขลุกขลักจากโขดหันทางด้านหลัง ร่างบางหยุดชะงักและตั้งใจฟังพร้อมกับค่อยๆหันไปมองอย่างตั้งใจ ก่อนจะพบว่าข้างโขดหินมีขาเล็กๆสีขาวขาหนึ่งกำลังถีบดินที่พื้น
เมื่อลุกขึ้นเดินอ้อมไปดูก็พบว่าเป็นขาของสุนัขจิ้งจอกสีขาวราวหิมะตัวหนึ่ง ขนของมันฟูฟ่อง ทว่าหางกลับสั้นผิดปกติ เลือดสีแดงเข้มเปื้อนย้อมขนสีขาวบริสุทธิ์บริเวณขาหน้าของมัน มันพยายามจะขยับตัวแต่ก็ทำได้เพียงส่งเสียงครางเบา ๆ ด้วยความเจ็บปวด ดวงตาสีอำพันฉายแววหวาดระแวงเมื่อเห็นว่านางกำลังจ้องมองมันอยู่
ว่ากันกู้อวิ๋นเหยาค่อย ๆ ย่อตัวลงช้าๆ อย่างระมัดระวัง แล้วจึงก้าวเข้าไปใกล้เจ้าจิ้งจอกตัวนั้น
"ไม่ต้องกลัว..." นางเอ่ยเสียงแผ่วเบา น้ำเสียงอ่อนโยนดุจนกน้อยที่ร้องปลอบโยนลูกของมัน "ข้าไม่ได้จะมาทำร้ายเจ้า"
เจ้าจิ้งจอกหางสั้นเฝ้ามองทุกการกระทำของนางอย่างไม่วางตา แววตาที่เคยฉายความหวาดระแวงค่อย ๆ อ่อนลงเมื่อเห็นว่านางค่อย ๆ ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเลือดออกจากบาดแผลอย่างเบามือ จากนั้นกู้อวิ๋นเหยาจึงอุ้มเจ้าสุนัขจิ้งจอกหางสั้นไปยังแผ่นหินที่นางนั่งพักเมื่อสักครู่
เมื่อวางมันลงไปก็พบว่าสุนัขจิ้งจอกหางสั้นสั่นเบาๆ กู้อวิ๋นเหยาหยิบต้นหญ้าสีน้ำตาลต้นหนึ่งออกมาจากตะกร้า จากการคลุกคลีและอ่านตำราสมุนไพรจีนโบราณกับหญิงชราในร้านสมุนไพรจีนในตลาดมืดมาสมุนไพรที่นางจำขึ้นใจที่สุดคือหญ้าห้ามเลือดจิ้งจอกแดงต้นนี้แหล่ะ
กู้อวิ๋นเหยาล้างทำความสะอาดเสร็จก็ขยำใบหญ้านั้นแล้วนำเข้าปาก
ตอนเข้าปากในตอนแรกก็ไม่มีรสชาติพอเคียวไปเรื่อยๆกลิ่นเหม็นเขียวและฝาดคอก็เริ่มปรากฎ
กู้อวิ๋นเหยาเคี้ยวอย่างกล้ำกลืนฝืนทนภายใต้การจ้องมองของสุนัขจิ้งจอกหางสั้นนางเคี้ยวจนละเอียดแล้วคายออกมาก่อนจะค่อย ๆ โปะลงบนบาดแผลของสุนัขจิ้งจอกหางสั้นอย่างแผ่วเบา
พร้อมกับฉีกชายกระโปรงของตนเองรัดบาดแผลให้กับมัน ตั้งแต่ต้นจนจบสุนัขจิ้งจอกน้อยจ้องมองดวงตาที่บริสุทธิ์และแววตาที่เต็มไปด้วยความเมตตาของหญิงสาวผู้นี้อย่างไม่กะพริบ ราวกับว่ามันสัมผัสได้ถึงความจริงใจของมนุษย์ที่อยู่ตรงหน้าท่ามกลางหุบเขาที่แสนจะห่างไกลผู้คนแห่งนี้
จี๊!จี๊!จี๊! ในที่สุดเสียงเล็กๆของมันก็ร้องขึ้นมาพร้อมกับยื่นหัวมาคลอเคลียที่มือของกู้อวิ๋นเหยา
กู้อวิ๋นเหยาแบมือออกตามสัญชาตญาณ แต่ก็ไม่คิดว่าสุนัขจิ้งจอกหางสั้นตัวนี้จะวางคางของตนลงแล้วมันก็ค่อยๆสลบไป
"นี่คือ..เลือกนายหรือ?"
..
