บท
ตั้งค่า

4 ขอร้องว่าที่พ่อตา

(เฮ้อ) ได้ยินคำขอร้องกัวหวาฉีก็ถอนหายใจออกมาด้วยความลำบากใจ ตัดสินใจไม่ถูก เพราะทางหนึ่งก็ลูก ทางหนึ่งก็เด็กน้อยที่เห็นกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก จึงรู้จักนิสัยใจคอเป็นอย่างดี ว่าอีกฝ่ายรักลูกชายตัวเองจริงๆ จนคิดอยากจะให้สมหวัง ถึงได้ยอมย้ายออกมาอยู่บ้านชานเมืองกับคนเป็นเจ้านาย โดยทิ้งลูกชายที่แสนร่าเริงให้อยู่บ้านคนเดียวเหงาๆ เพราะหวังว่าพวกเขาจะได้พึ่งพากันและกัน จนเกิดเป็นความรักฉันท์ชู้สาวขึ้นมา ทว่าใครจะไปคิด ว่าลูกชายตัวเองจะใจแข็งเหมือนคนเป็นพ่อของเขาไปเสียอย่างนั้น

เห็นอีกฝ่ายเงียบเสียงไป เกาอ้ายซินจึงขอร้องออกมาอีกครั้งอย่างไม่อยากจะยอมแพ้ “นะครับอากัว ถ้าครั้งนี้เจียซื่อยังไม่ยอมรับผมอีก ผมจะยอมตัดใจไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้ไปตลอดชีวิตเลยนะครับ”

(ก็ได้ครับ แต่ว่าอาให้เวลาแค่สองเดือนเท่านั้นนะครับ” กัวหวาฉีบอกอย่างใจอ่อน หลังได้ยินคำอ้อนวอนจากชายหนุ่ม เพราะคิดว่าต่อให้เขาไม่อนุญาต ก็คาดว่าเจ้าตัวคงจะไม่ยอมถอยอยู่ดี และที่โทรมานี้ คาดว่าคงแค่จะมาแจ้งให้ทราบเท่านั้น ด้วยรู้ดีว่าคนในครอบครัวนี้ ใช่ว่าจะยอมแพ้อะไรง่ายๆ ดูอย่างเจ้านายของเขาและลูกชายคนรองของเจ้าตัวสิ สุดท้ายสิ่งที่หมายปองไว้ยังมุ่งมั่นเอามาให้ได้เลย

ไม่สู้ให้เขาอนุญาตและกำหนดขอบเขตเวลาให้ชัดเจนยังดีเสียกว่า อย่างนี้ลูกชายตัวเองจะได้ไม่ต้องอึดอัดนาน หากว่าเจ้าตัวไม่ได้รักชอบคนเป็นเพื่อนและเจ้านายจริงๆ

“ได้ครับ ขอบคุณอามากนะครับ ที่สนับสนุนผม ผมสัญญาว่าถ้าภายในสองเดือนนี้ เจียซื่อไม่ได้คิดอะไรกับผมจริงๆ ผมจะไม่วุ่นวายให้เขาหนักใจอีกแน่นอนครับ” เกาอ้ายซินตอบรับเงื่อนไขด้วยหัวใจพองโต ทั้งรีบให้คำมั่นด้วยน้ำเสียงจริงจัง อย่างพร้อมทำตามสัญญา หากว่าไม่สมปรารถนาจริงๆ

(ครับ อาเชื่อว่าคุณชายจะรักษาสัญญา) กัวหวาฉีตอบรับคำสัญญาจากชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงจริงจังเช่นกัน

“ครับ ผมรักษาสัญญาแน่นอน” เกาอ้ายซินยืนยันเสียงหนักอีกครั้ง

(พยายามเข้านะเจ้าลูกชาย ป๊าเป็นกำลังใจให้) เสียงคนเป็นป๊าลอยออกมาให้ได้ยิน

(พ่อด้วย) เฉินซินเอ่ยเสียงดังให้กำลังใจลูกชายด้วยอีกคน หลังทั้งสองพูดคุยธุระกันจบเรียบร้อยแล้ว นั่นจึงทำให้คนเป็นลูกมีกำลังใจขึ้นมาก

“ขอบคุณมากครับป๊า พ่อ ผมรักพ่อกับป๊าที่สุดในโลกเลย เอ่อ อากัวกับอาอาซื่อด้วยนะครับ” ชายหนุ่มตอบรับด้วยความดีใจและไม่วายประจบว่าที่พ่อตาทั้งสองในอนาคตไว้อย่างนึกขึ้นได้อีกต่างหาก

(ครับ) กัวหวาฉีตอบรับอย่างเข้มขรึม ทั้งปรายตามองคนเป็นเจ้านายด้วยความหมั่นไส้ ที่อีกฝ่ายให้กำลังใจลูกชายออกหน้าออกตาเสียเหลือเกิน

อย่างนี้เขาควรจะบอกลูกชายให้ใจแข็งเข้าไว้ดีไหมเนี่ย

คนหมั่นไส้คิดอย่างมันเขี้ยว ตอบรับจบก็วางสายไป

หลังผู้สูงวัยวางสายไปแล้ว เกาอ้ายซินก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ ที่อีกฝ่ายยังสนับสนุนกันด้วยดี “เฮ้อ...โล่งอก คราวนี้ล่ะฉันจะทำให้นายรักฉันให้ได้เลยเจียซื่อ”

คนถอนหายใจเอ่ยกับคนที่กอดคอตัวเองยิ้มกว้างอยู่ในจอมือถืออย่างมุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้

................

ทางด้านผู้สูงวัยทั้งสี่ ที่นั่งจิบชาอยู่ในศาลากลางสวนสวย หลังผู้ได้รับโทรศัพท์วางสายไปแล้ว คนเป็นเจ้านายก็อมยิ้มกรุ้มกริ่มออกมาด้วยความขบขัน เมื่อได้เห็นสายตาหมั่นไส้ทั้งขัดเคืองจากผู้เป็นมือขวา โดยมีคนรักของตัวเองและของอีกฝ่ายนั่งอมยิ้มอยู่ข้างๆ อย่างขบขันด้วยเช่นกัน

“ทำไม ฉันให้กำลังใจลูกชายตัวเองไม่ได้เหรอ” เกาเจี้ยนหานอดีตผู้นำตะกูลเกาเอียงคอถามคนสนิทที่นั่งอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทียียวน อย่างรู้ดีว่าคนเป็นลูกน้องหวงลูกชายมากเพียงใด

เนื่องจากว่าลูกชายของอีกฝ่ายนั้นมีใบหน้าสวยหวานที่ถอดแบบคนรักของเจ้าตัวออกมาไม่มีผิดเพี้ยน ซึ่งใบหน้านี้สวยหวานยิ่งกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก ทั้งรูปร่างก็ยังผอมเพรียวอีกต่างหาก ดังนั้นจึงน่าหวงอยู่ไม่น้อย และคิดว่าหากเป็นเขา เขาก็คงจะหวงอย่างนี้เหมือนกัน

“ได้สิครับ ผมจะไปว่าอะไรเจ้านายได้ล่ะครับ” คนถูกถามตอบเสียงห้วน หน้าตาบูดบึ้ง และไม่ลืมส่งสายตาขัดเคืองไปให้คนเป็นเจ้านายมากกว่าเดิมอย่างไม่ปิดบังด้วย ที่มากระแหนะกระแหนกันอย่างนี้ อย่างรู้ดีว่าเขาคิดอะไรอยู่

“ฮ่าๆ นายจะหวงอะไรนักหนาเนี่ย เจียซื่อเขาเป็นผู้ชายนะ นายอย่าลืมสิ อีกอย่างยังบู๊เก่งซะจนลูกชายฉันเทียบไม่ติดอีกต่างหาก” ผู้เป็นเจ้านายว่าให้ด้วยรอยยิ้มขำเพราะเก็บกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ เนื่องจากผู้ที่ถูกพูดถึงเป็นถึงหัวหน้าบอดี้การ์ดของลูกชายเขาอีกตำแหน่ง

ซึ่งสาเหตุของการบู๊เก่งส่วนหนึ่งก็มาจากอดีตของอาซื่อ ผู้มีใบหน้าสวยหวานและท่าทางอ่อนแอ ที่ชวนให้คนอื่นมารังแกอยู่บ่อยๆ นั่นเอง ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกชายถูกกลั่นแกล้งดั่งเช่นพ่อผู้ให้กำเนิด กัวหวาฉีจึงสอนวิชาป้องกันตัวทุกแขนงให้ลูกชายมาตั้งแต่เด็กๆ อย่างเข้มงวด จนกระทั่งลูกชายเติบใหญ่และชิงตำแหน่งมือขวาไปได้นั่นแหละถึงได้เลิกเข้มงวด

“ผมรู้ครับ ว่าลูกผมเป็นผู้ชายและเก่งด้วย แต่มันก็อดห่วงกังวลไม่ได้นี่นา ผมกลัวว่าทั้งสองจะมองหน้ากันไม่ติดน่ะครับ” กัวหวาฉีบอกออกมาตามตรงด้วยความหวั่นใจ ยิ่งกว่านั้นเขายังกลัวว่าเหตุการณ์ของเด็กๆ จะมากระทบกับความสัมพันธ์อันดีของพวกเขาทั้งสองครอบครัวด้วย

เนื่องจากเขาและคนเป็นเจ้านายเติบโตมาด้วยกัน จึงรักกันดุจดั่งพี่น้องคลานตามกันมา อีกทั้งคนรักของพวกเขาทั้งสองยังเป็นเพื่อนรักกันอีกต่างหาก ดังนั้นจึงรู้สึกใจคอไม่ดีเท่าไหร่ หากว่าทั้งสองคนไม่ได้ลงเอยกันด้วยดี

“เอาน่า...อย่าไปคิดมากเลย ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของเด็กๆ เถอะ แต่ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง ฉันเชื่อว่าทั้งสองคนจะยังคงรักและหวังดีต่อกันดังเดิมไม่เปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน และจะไม่กระทบกับความสัมพันธ์ของพวกเราด้วย” เกาเจี้ยนหานปลอบใจ เมื่อรู้ว่าคนตรงหน้ากังวลเรื่องอะไร

“ใช่ครับ คุณกัวไม่ต้องคิดมากหรอกครับ ผมเชื่อว่าเด็กๆ ทั้งสองจะไม่ทำให้เราลำบากใจอย่างที่คุณเกาพูดอย่างแน่นอน” อาซื่อปลอบใจคนรักของตัวเองด้วยอีกแรง พลางยื่นมืออ่อนนุ่มไปจับกุมมือหนาของอีกฝ่ายที่กำมือถือเอาไว้แน่นอยู่ใต้โต๊ะเพื่อให้กำลังใจด้วย

เป็นอย่างนี้ผู้ถูกปลอบใจจึงมีสีหน้าที่ดีขึ้นมา

“อืม” กัวหวาฉีหันไปส่งเสียงในลำคอตอบรับคำปลอบใจของคนรัก ด้วยความรักใคร่ไม่แปรเปลี่ยน

เห็นทั้งสองคนรักกันอย่างนี้ คนเป็นเจ้านายก็พลันนึกขึ้นได้ว่าคนรักของลูกน้องตัวเอง เป็นพวกไม่เข้าตาจนก็ไม่รู้ใจตัวเอง เลยอดคิดไม่ได้ว่า ไม่แน่ คนลูกก็อาจจะไม่รู้ใจเหมือนพ่อผู้ให้กำเนิดก็เป็นได้ จึงเปรยออกมา “ไม่แน่ว่าแผนของอ้ายซินในครั้งนี้ อาจจะทำให้เจียซื่อรู้ใจตัวเองก็ได้นะ”

เกาเจี้ยนหานคาดเดา พร้อมจับจ้องคู่รักทั้งสองด้วยรอยยิ้มกริ่ม เนื่องจากลูกน้องตรงหน้าเคยกักขังหน่วงเหนี่ยวคนรักของเจ้าตัวเอาไว้ เลยทำให้อีกฝ่ายโมโห แล้วหนีหายไป ซึ่งการหนีไปในครั้งนี้ ก็ทำให้อาซื่อรู้ตัวว่ารักกัวหวาฉีเข้าแล้วนั่นเอง

ได้ยินคนเป็นเจ้านายพูดอย่างนี้ กัวหวาฉีก็พลันนึกขึ้นได้ จึงหัวเราะออกมาด้วยความตลกขบขัน แล้วหันไปมองใบหน้าหวานซึ้งข้างตัว ก็เห็นว่าอีกฝ่ายใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาด้วยความขัดเขิน จึงยกแขนขึ้นโอบไหล่และดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดด้วยความรักใคร่อย่างอดใจไม่ไหว

เห็นอย่างนี้เกาเจี้ยนหานจึงหันมาสบตากับคนรักข้างตัวด้วยความขำขันเช่นกัน ทั้งวาดหวังว่าขอให้เป็นอย่างที่คาดเดาทีเถอะ เพราะเขากลัวว่าลูกชายตัวเองจะรับมือกับลูกชายของคนสนิทไม่ไหว

...............

ด้านผู้เป็นหัวข้อสนทนาของผู้สูงวัยทั้งสี่นั้น หลังออกจากห้องทำงานของคนเป็นเจ้านายมาได้ ก็เดินผิวปากกลับไปเก็บของที่ห้องของตัวเองอย่างอารมณ์ดี เพราะต่อจากนี้ไปเขาจะไม่ได้ยินคำซุบซิบนินทาจากคนในบริษัทอีกแล้ว

“ที่ปรึกษากัว อารมณ์ดีจังเลยนะคะ” พนักงานสาวหน้าตาดีเอ่ยทัก ทั้งส่งยิ้มสนิทสนมให้ด้วยอย่างมีเลศนัย เมื่อเห็นหนุ่มหน้าหวานเดินผิวปากเข้ามาใกล้ ซึ่งแตกต่างจากตอนเดินเข้าไปในห้องเจ้านายเมื่อสักครู่อย่างลิบลับ

“ครับ” เจียซื่อตอบกลับพร้อมรอยยิ้มหวานหยด เพราะอารมณ์ดีใจยังคงคั่งค้างอยู่ โดยไม่สนใจสายตาและรอยยิ้มที่ส่งมาให้เลยสักนิด ด้วยเห็นว่ากำลังจะไปจากที่นี่อยู่แล้ว เลยไม่อยากจะใส่ใจให้มากความ

“ว่าแต่อารมณ์ดีเรื่องอะไรเหรอคะ” พนักงานสาวคนเดิมอดถามด้วยความอยากรู้ไม่ได้

“พี่ถงว่าเรื่องอะไรล่ะครับ” คนถูกถามถามกลับ พร้อมกับเหลือบตามองไปยังห้องของคนเป็นเจ้านายอย่างมีเลศนัยเช่นกัน นั่นจึงทำให้คนถามหน้าแดงขึ้นมาทันที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel