บทย่อ
บอกก็แล้ว เอาใจก็แล้ว ก็ยังไม่ยอมรับรักกันสักที...อย่างนี้คงต้องใช้ยาแรงแกล้งมีคนอื่นให้รู้แล้วรู้รอดซะแล้ว ฮึ!...โมโหโว้ยยย! ด้วยความที่หล่อ รวยและสำคัญคือยังโสด จึงทำให้เกาอ้ายซิน ผู้นำตระกูลเกาคนปัจจุบัน ต้องผจญกับกองทัพแม่สื่อและสาวๆ ที่หวังรวยทางลัดเข้าหาไม่เว้นแต่ละวันจนปวดหัว ดังนั้นเพื่อขจัดปัญหาที่มาไม่จบไม่สิ้น เกาอ้ายซินจึงดึงมือขวาหน้าหวานของตัวเองมาเป็นไม้กันสาวๆ ให้ออกไปจากชีวิตอย่างไม่คิดอะไร แต่พอเวลาผ่านไป เขากลับอยากได้มือขวามาเป็นคู่ครองของตัวเองจริงๆ เสียอย่างนั้น นั่นเลยทำให้เขาต้องมาเอาอกเอาใจมือขวายกใหญ่ ทว่าหลังจากเอาอกเอาใจไปแล้ว สิ่งที่ได้กลับมาดันเป็นความอึดอัดเสียได้ มันน่าน้อยใจนัก แต่หลังจากน้อยใจไปแล้ว เขาก็คิดได้ว่าถ้ามัวแต่น้อยใจ คงไม่มีทางได้มือขวาเป็นแฟนเป็นแน่ ดังนั้นเขาจึงคิดหาแผนใหม่ เพื่อพิชิตใจมือขวาของตัวเองให้ได้! มาลุ้นกันค่ะ ว่าผู้นำตระกูลของเรา จะใช้แผนใดในการพิชิตใจมือขวาของตัวเอง ใครสายช็อตฟิลเชิญทางนี้ได้เลยนะคะ เพราะนายเอกของเราเป็นพวกไฟแรงสูงหลายแสนโวลต์ที่พร้อมช็อตทุกคนมากกกก นิยายเรื่องนี้เป็นรุ่นลูกของเรื่องเมื่อผมรนหาที่ตาย และพี่ชายของเฉินหยูเจี้ยน จากเรื่องไม่เป็นผัวแล้วครับ สามารถอ่านแยกกันได้
1 ทนไม่ไหวแล้วโว้ยยย !
ช่วงสายของวันทำงานกลางสัปดาห์ ภายในตึกสูงใหญ่ใจกลางเมือง H หนุ่มหน้าหวานรูปร่างผอมเพรียวกำลังเดินจ้ำอ้าวไปยังห้องทำงานของตัวเองอย่างเคร่งขรึม
เมื่อเข้ามาในห้องทำงานได้แล้ว ชายหนุ่มก็ตะโกนออกมาสุดเสียงด้วยความหงุดหงิด ทั้งอัดอั้น
“ทนไม่ไหวแล้วโว้ยยยย!” พลางทิ้งตัวนั่งลงยังเก้าอี้ทำงานที่ตั้งอยู่ตรงกลางห้องอย่างแรง
สาเหตุที่ทำให้เขาระเบิดอารมณ์ออกมานั้น ก็มาจากการที่คนในตึก พากันซุบซิบเรื่องของเขากับผู้เป็นเจ้านายไม่หยุดหย่อนสักที
ถ้าซุบซิบเรื่องงาน ที่พวกเขามีประสบการณ์การทำงานน้อย จะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่กลับสุมหัวนินทาเรื่องชู้สาวของพวกเขาสองคนเสียอย่างนั้น ใครจะไปทนไหวกัน เนื่องจากพวกเขาทั้งสองเป็นผู้ชายแมนๆ ด้วยกันทั้งคู่
ตัวเขา แซ่กัว ชื่อเจียซื่อ อายุย่างยี่สิบหกปี เป็นที่ปรึกษาและผู้ช่วยส่วนตัวให้กับคนแซ่เกา หนุ่มวัยเดียวกัน ผู้เป็นประธานใหญ่ของบริษัทลงทุนเกาหมิงกรุ๊ป ที่ควบตำแหน่งผู้นำตระกูลเกาคนปัจจุบันไปด้วย
เขากับคนแซ่เกา เกิดและโตขึ้นมาด้วยกัน เนื่องจากว่าพ่อของเขาเป็นที่ปรึกษาและผู้ช่วยส่วนตัวของอดีตท่านผู้นำตระกูลเกาซึ่งเป็นพ่อของอีกฝ่าย นี่เลยทำให้เขาต้องมาอยู่ในตำแหน่งนี้แทนผู้เป็นพ่อที่เกษียณตัวเองไปพร้อมกับผู้เป็นนายนั่นเอง
พ่อของเขาและพ่อของอีกฝ่ายต่างก็เป็นรักร่วมเพศทั้งคู่ แต่ทั้งสองกลับไม่ได้ครองรักกัน เพราะต่างคนต่างก็มีคู่ของตัวเองอยู่แล้ว นี่จึงทำให้เขากับคนเป็นเจ้านายถูกจับคู่กันได้ด้วยเหตุนี้
และอีกสาเหตุที่ทำให้พวกเขาถูกจับคู่กันอย่างจริงจัง ก็มาจากน้องชายฝาแฝดของคนเป็นเจ้านายและเป็นเพื่อนของเขาด้วย ได้ป่าวประกาศเปิดตัวคนรักแบบอ้อมๆ ด้วยการโค้งตัวขอชายหนุ่มผู้เป็นคนรักเต้นรำ ยังคลับที่เจ้าตัวดูแลอยู่
นั่นเลยทำให้มีภาพสวีทหวานของทั้งคู่ แพร่หลายไปในโลกอินเทอร์เน็ต และเป็นข่าวขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์เจ้าดังของเมืองในวันต่อมา พร้อมกับข้อความที่บอกว่า
ลูกไม้หล่นใต้ต้น ลูกชายคนรองของตระกูลดัง เปิดตัวคนรักเพศเดียวกันดั่งเช่นพ่อของเขา ไม่รู้ว่างานนี้ คนพี่จะเป็นลูกไม้หล่นใต้ต้นเช่นเดียวกันกับน้องชายหรือไม่ ต้องจับตามอง
ซึ่งหลังจากภาพและข้อความนี้ปรากฏออกมาในสื่อต่างๆ ก็ทำให้เขาผู้เป็นคนใกล้ชิดของเจ้านายถูกจับตามองมาตั้งแต่นั้น
และถูกจับตามองมากขึ้นเรื่อยๆ จากพิธีแต่งตั้งผู้นำตระกูลคนใหม่ เนื่องจากว่าเขาได้ไปยืนเคียงข้างผู้จะขึ้นเป็นผู้นำตระกูลคนใหม่ ในฐานะมือขวาหรือคนสนิทของคนเป็นเจ้านายนั่นเอง
ซึ่งหลังจากพิธีแต่งตั้งผู้นำตระกูลเสร็จ เขาก็ต้องติดสอยห้อยตามคนเป็นเจ้านายไปทำงานด้วยทุกแห่งหน ไม่ว่าเวลาไหน จึงทำให้มีข่าวของพวกเขาสองคนขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งยังขึ้นหน้าแรกของเว็บบอร์ดหลายแห่งด้วย
ดังนั้นข่าวคราวของพวกเขาทั้งสองจึงไม่ซาลงไปสักที กลับกัน มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อีกต่างหาก เนื่องจากมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งในเว็บบอร์ดสาววายชงเรื่องให้พวกเขาเป็นคู่จิ้นกันเสียอย่างนั้น
เห็นทีว่า ถ้าอยากให้เรื่องนี้ซาลงไป เขาคงต้องออกห่างจากเจ้าหมอนั่นสักพักซะแล้ว
เจียซื่อคิดหาหนทางไม่ให้ตัวเองถูกจับตามองเรื่องนี้อีกต่อไป และเมื่อคิดขึ้นได้อย่างนี้ เขาจึงลุกออกจากเก้าอี้ ออกจากห้อง ตรงไปยังห้องทำงานของอีกคนอย่างไม่รอช้า เนื่องจากว่าตอนนี้ตัวเขาหงุดหงิดเต็มทีแล้ว
เมื่อมาถึงหน้าห้องของคนเป็นเจ้านาย หนุ่มหน้าหวานก็เปิดประตูเข้าไปทันที โดยไม่มีการเคาะประตูก่อน เพราะอย่างไรมู่ลี่ด้านในก็ไม่ได้ปิดอยู่แล้ว อีกทั้งตอนนี้เขาก็โมโหและอึดอัดมาก จึงไม่อยากจะสนใจเรื่องมารยาทอะไรนั่นแล้ว
หลังเข้าห้องมาได้ เจียซื่อก็บอกจุดประสงค์ของตัวเองออกมาอย่างไม่ให้เสียเวลา ด้วยน้ำเสียงห้วนจัด “เกาอ้ายซิน ฉันขอลาออก”
พลางทิ้งตัวลงนั่งยังเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานตรงข้ามเจ้าของห้องด้วยหน้าตาบูดบึ้ง
“เป็นอะไรไปอีกล่ะ” เจ้าของชื่อถามอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน และไม่สนใจกับท่าทางไม่พอใจของคนสนิทเลยแม้แต่น้อย ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเซ็นเอกสารที่เลขาหน้าห้องหอบเข้ามาวางไว้ให้อยู่อย่างนั้น เนื่องจากอีกฝ่ายพูดอย่างนี้มาหลายต่อหลายครั้งแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ตกใจกับคำลาออกของคนตรงหน้าสักเท่าไหร่
“ไม่ได้เป็นอะไร แต่ฉันไม่อยากถูกจับตามองอย่างนี้อีกต่อไปแล้ว ฉันขอลาออก” คนถูกถามตอบเสียงแผ่ว แล้วค่อยๆ เพิ่มระดับเสียงของตัวเองขึ้นมาอย่างไม่พอใจหนัก เมื่อต้องมาเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้เขาไม่พอใจออกมาให้คนตรงหน้าฟังอย่างนี้
ได้ฟังคำตอบ เจ้าของห้องก็เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารมามองคนพูดด้วยความสงสัยว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหนอีก และก็เห็นว่าใบหน้าสวยหวานดูเคร่งขรึมจริงจังเป็นอย่างมาก เลยอดที่จะขมวดคิ้วเข้มขึ้นมาไม่ได้
“ถูกจับตามองเรื่องอะไร” เกาอ้ายซินถามอย่างไม่เข้าใจ ทั้งยกมือกอดอกเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ด้านหลังตั้งใจฟังไปด้วย เพราะวันหนึ่งมีร้อยแปดพันเรื่อง ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าที่อีกฝ่ายพูดถึงคือเรื่องไหนกันแน่
“อย่ามาทำไม่รู้ไม่ชี้ ก็เรื่องที่นายใช้ฉันเป็นไม้กันหมา เมื่อหลายเดือนก่อน จนคนอื่นๆ เขาจับคู่ฉันกับนายจริงๆ แล้วนั่นไง” คนถูกถามตอบกลับพร้อมถลึงตาใส่ด้วยความขุ่นเคือง เพราะนอกจากจะเป็นผู้ช่วยส่วนตัวและที่ปรึกษาแล้ว ตัวเขายังถูกคนตรงหน้าใช้เป็นไม้กันสาวๆ ออกไปจากชีวิตด้วยอีกอย่าง
เนื่องจากอีกฝ่ายมีรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาเป็นอย่างมาก ที่สำคัญยังรวยและโสดอีกต่างหาก เลยทำให้มีสาวๆ มากมายมาประจบประแจง หวังจะเป็นภรรยาของท่านผู้นำตระกูลกันทั้งนั้น นั่นจึงทำให้ชายตรงหน้าเบื่อหน่ายกับสาวๆ ที่เข้าหา ด้วยว่าเจอแบบนี้มาตั้งแต่เด็กจนโตแล้ว
และนี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ข่าวคู่จิ้นไม่ลดลงไปสักที เพราะหน้าที่กันสาวๆ ของเขานี่ล่ะ
ได้ยินคำกล่าว เกาอ้ายซินถึงนึกขึ้นได้ จึงเสนอแนะออกมา “อ้อ ถ้าอย่างนั้นเราก็มาเปลี่ยนคู่จิ้นเป็นคู่จริงเสียก็สิ้นเรื่อง อย่างนี้คนก็เลิกจับตามองแล้ว”
พลางเอียงคอรอคอยคำตอบด้วยรอยยิ้มกริ่ม

