5 ความต้องการของพ่อแม่
ภริยากลับมาถึงบ้านในเวลาบ่าย เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ เธอออกมาจากคอนโดของเอกตั้งแต่ยามสาย เขายังไม่ตื่นและเธอเลือกที่จะไปทำสปาที่จองเอาไว้ ก่อนกลับเข้าบ้าน
“โหยพ่อ แม่ว่า...แบบนี้สวยกว่านะ ราคาดี ภาษีไม่เพิ่มเยอะเท่าไหร่” เสียงสนทนาของบิดามารดา แว่วมาจากห้องนั่งเล่น เรียกความสนใจให้เธอต้องชะงักเท้า
“แต่ถึงคันนี้จะราคาแพงกว่า ภาษีสูงกว่า แต่มันไม่ตกรุ่นนะ ปล่อยได้ตลอด” ภักดี แหวนเสนา ให้เหตุผลภรรยาอย่างแข็งขัน ตามประสาคนที่ชอบซื้อรถมาขับเล่นและปล่อยเช่า ปล่อยขาย เป็นงานอดิเรก
เพราะตั้งแต่ที่โรงงานเครื่องสำอางให้กับแบรนด์ต่างๆ ไปได้ดี ท่านทั้งสองก็มีเวลาในการหางานอดิเรกทำตามใจชอบ แถมยังเกิดรายได้มากโขเป็นกำไรแถมมาอีกต่างหาก
“แต่ถึงจะปล่อยง่ายยังไง กำไรก็ไม่ได้เยอะ หมดไปกับภาษีซะมากกว่า” นิลยา แหวนเสนา ขัดเชิงไม่เห็นด้วย แต่ท้ายที่สุดก็ทราบว่าคนดื้อดึงอย่างภักดี อยากได้อะไรก็ต้องได้ ยอมฟังใครที่ไหนไม่เคยมี
“อ้าว ลูกเภา กลับมาแล้วเหรอลูก” ไม่ทันที่บุตรสาวจอมหลบเลี่ยงการโต้เถียงของพวกท่าน บิดาก็ดันตาไว มองเห็นเธอเข้าซะก่อน
“ไหนๆ ก็มาแล้ว มานี่ก่อนสิ...มาเลือกรถหน่อย หนูใช้รถคันเดิมมาสามปีกว่าแล้วนะ ถึงเวลาเปลี่ยนบ้าง...” ภักดีลุกขึ้นมาจูงเธอเข้าไปนั่งร่วมวงด้วยแบบไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย ว่าเธอดูไม่ได้เต็มใจสักแค่ไหน
“มันก็ขับได้ดีอยู่นี่คะพ่อ ไม่ได้เสียหายอะไร แถมหนูก็ไม่ได้ขับอะไรเยอะแยะด้วย” ใช่...ขนาดเมื่อคืน เธอยังเอารถไปทิ้งไว้ที่คอนโดของเอก แล้วไปงานปาร์ตี้ด้วยกัน
เธอแทบจะไม่ค่อยได้ขับ ยิ่งไปต่างจังหวัดด้วยกัน เธอก็มีเขาคอยบริการทุกอย่าง มันคือความสัมพันธ์ฉันเพื่อน (ร่วม) รักแหละ แต่เธอกับเขาก็มีช่วงเวลาดีดีด้วยกัน ในคราวที่เบื่อความจู้จี้ขี้บ่นของครอบครัว
ทั้งสอง จะลอบพากันไปเที่ยวไกลๆ แบบไม่ให้มีใครได้เห็น ต่างจังหวัดบ้าง ต่างประเทศบ้าง...ซึ่งก็ถือว่าประสบความสำเร็จมาตลอดระยะเวลา 3 ปี ไม่มีแม้สักคนเดียวที่จะระแคะระคายเรื่องเธอกับเขา
“ไม่ได้หรอก หนูเป็นถึงลูกสาวของคุณภักดี นักสะสมรถหรูอันดับหนึ่งของประเทศ ทำอะไรก็ต้องให้มันสมหน้าสมตากันหน่อย รสนิยมลูกก็ส่อรสนิยมพ่อ...พ่อเป็นผู้นำเทรนด์ในการเปลี่ยนรถ จนคนเขามาเปลี่ยนตาม แต่กลับนำเทรนด์ลูกสาวไม่ได้ ใครเขาจะมาเชื่อถือ”
การร่ายยาวของบิดา ถูกเสริมด้วยกิริยาเห็นพร้อมของนิลยา ผู้แม้จะไม่เห็นด้วยบ้างในบ้างเรื่อง แต่ท้ายที่สุดก็ต้องเป็นช้างเท้าหลังผู้ว่าง่ายเสมอ
“จริงของคุณพ่อเขานะ ช่วงนี้คุณพ่อกำลังเป็นที่รู้จัก ใครๆ ก็จับตามองในเรื่องรถ...ยิ่งหนูไปออกงานกับท่านบ่อยในปีนี้ ไปไหนใครก็ต้องรู้จัก ทำให้สมหน้าตาเอาไว้ก็เป็นสิ่งที่ควรทำนะลูก”
เมื่อท่านพร้อมใจกันมาอย่างนั้น มีหรือคนที่ถอนหายใจออกมาตามตรงจะขัดข้องอะไรได้
ไม่หรอก...ต่อให้ขัดข้อง ก็ไม่อาจขัดข้องได้ต่างหาก!
“ก็ได้ค่ะ” คำตอบของเธอ ทำให้บิดามารดาเริ่มพากันเปิดแคทตาล็อกรถหรูให้เธอดูเป็นการใหญ่ นำเสนอสิ่งที่พวกท่านชอบใจเชิงยัดเยียดแบบที่ชอบทำมาเสมอ
เหมือนตอนที่พาเธอไปเที่ยวดูตัวบุตรชายของบ้านนั้นบ้านนี้เป็นว่าเล่น
ซึ่งแน่นอนว่าคนขี้รำคาญอย่างเธอ แก้ปัญหาด้วยการตัดความรำคาญมาเสมอ เธอยอมไปดูตัวตามที่ท่านต้องการ
หากแต่ไม่เคยยินยอมพร้อมใจหรืออยากจะลงเอยกับใครเลยแม้สักครั้ง แต่ก็ถือว่าเธอยังโชคดีอยู่บ้าง...ที่พวกท่านไม่เคยคิดที่จะบังคับให้เธอแต่งงานกับใคร
เพราะพวกท่านเองก็เคยผ่านประสบการณ์เหล่านั้นมา จนเกือบจะไม่ได้แต่งงานกัน เพราะผู้หลักผู้ใหญ่พยายามจะจับคลุมถุงชนกับคนอื่น แต่เพราะความดื้อและต่อสู้ของภักดีที่ทำให้พวกท่านได้ลงเอยกัน
ภริยาเลยไม่ค่อยรู้สึกผิดเท่าไหร่ ในคราที่ตัวเองจะดื้อบ้าง ‘ก็หนูลูกพ่อนี่คะ’ ประโยคข้ออ้างที่ชอบพกติดตัวในคราที่ท่านดุด่าหรือโกรธเคือง
‘ลูกชายของคุณเพชรไม่ดีตรงไหน ออกจะขยันทำงาน นิสัยดี หน้าตาก็ดี...เขามีตำหนิอะไรตรงไหน?’ ครั้งหนึ่งที่เธอพอจะจำได้ บิดาพาเธอไปดูตัวกับบุตรชายของนายหัวใหญ่แห่งภูเก็ต
บ้านนั้นมีธุรกิจรีสอร์ท โรงแรมและร้านอาหารกระจายอยู่ทั่วทั้งภูเก็ต เขาพึงพอใจในตัวเธอ พอๆ กับที่บิดาของเธอพึงพอใจในตัวเขา
‘ผู้หญิงที่คุณปู่อยากจะให้คุณพ่อแต่งงานด้วย ก็ทั้งสวย ขยันทำงาน นิสัยก็ดี๊ดี ทำไมคุณพ่อถึงไม่ยอมแต่งด้วยละคะ’ และนี่ก็เป็นอีกประโยคหนึ่ง ที่เธอมักจะเอาไว้ย้อนถามท่านทุกครั้งเช่นกัน เพราะหลานรักของคุณปู่อย่างเธอ...ได้รับการปลูกฝังมาว่า ห้ามยอมให้บิดาคลุมถุงชนเด็ดขาด
คุณปู่ท่านแค้นบิดามารดาของเธอที่ทำให้ท่านเสียหน้า หนีงานหมั้นของตัวเอง และหนีตามกันไปตั้งหลายเดือนจนท้องเธอ ถึงกลับมาขอขมาท่าน จึงเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังแบบตั้งใจจะฝังเรื่องนี้ในหัวหลาน เพื่อแก้แค้นบุตรชาย
แม้ท่านจะจากไปได้หลายปีแล้ว แต่เธอก็ยังจดจำทุกคำสอนของท่านได้เป็นอย่างดี
‘ย้อนพ่อเก่งตลอดเลยสิน่า!’ คนที่แก้ต่างให้กับตัวเองไม่ได้ จำต้องยอมปล่อยให้เธอใช้ชีวิตอิสระไป แบบไม่ลงเอยกับใครอยู่อย่างนั้น
‘ก็มันคนละกรณีกัน ตอนนั้นพ่อเขาชอบพอกับแม่อยู่ก็เลยตามใจคุณปู่ไม่ได้ แต่ลูกเภายังไม่ได้มีใคร ทำไมไม่ลองเปิดใจให้กับลูกชายของคุณเพชรเขาดูละลูก’ นิลยาพูดช่วยสามีเป็นครั้งแรก ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน
‘การที่หนูยอมไปทานข้าวด้วยตั้งหนึ่งครั้ง ยังไม่ถือว่าเปิดใจอีกเหรอคะ?’
ใช่ คนอย่างภริยา...ไม่เคยยอมออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านกับใคร ไม่ว่าจะเป็นคนที่พยายามตามจีบเธอด้วยตัวเอง หรือคนที่บิดามารดาพยายามยัดเยียดให้
เพลิง กิติลาภ บุตรชายของนายเพชร กิติลาภ ได้รับโอกาสจากเธอ เพราะทนความรบเร้าจากบิดาไม่ไหว ปกติท่านก็ไม่เคยเชียร์ใครอย่างเขา พูดกับเธอเรื่องให้ยอมออกไปทานข้าว แทบจะสามเวลาหลังอาหาร