บท
ตั้งค่า

๒ ปรนนิบัติรับใช้ 3

แม้จะรู้ว่าชายหนุ่มทำก็เพื่อบริษัท อยากได้พนักงานเก่งแต่เขาไม่จำเป็นต้องลงทุนกับเธอก็ได้

สามารถจ้างคนที่มีความสามารถพร้อมได้ทันที แต่กลับเมตตาเธอส่งเสียให้เรียนแล้วยังมีอาชีพติดตัวอีกต่างหาก แล้วอย่างนี้จะไม่ให้หลงรักเขาได้อย่างไร

เขาทำให้เธอถอนตัวไม่ได้เสียแล้ว…

“ค่ะ” ค้อมศีรษะรับคำ แล้วคิดจะเดินออกจากห้องทำงานเพื่อให้คนที่ไม่ค่อยมีเวลาว่างได้พักผ่อนบ้าง แต่เขากลับเรียกเธอเอาไว้จนต้องหยุดฝีเท้า ค่อยหันกลับมาเผชิญหน้ากับเจ้านายของตัวเองอีกรอบ

“เดี๋ยวก่อน” ใบหน้าคมยังนิ่งขรึมเหมือนเดิม เธอไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าเขาคิดอะไรหรือจะพูดเรื่องอะไร อย่างเช่นตอนนี้ที่เริ่มกลัวว่าอีกฝ่ายอาจจะเอาเรื่องเมื่อวานมาพูดหรือเปล่า

มือบางกำเข้าหากันแน่นแล้วเผลอจ้องเขา ก่อนที่อนิลจะยื่นกล่องสีดำขนาดยาวเท่าฝ่ามือให้หล่อน

“นี่...เห็นว่าสอบได้คะแนนดีไม่ใช่เหรอ ถือเป็นของขวัญที่ตั้งใจเรียน” ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้ของขวัญจากเขา เธอเดินเข้าไปรับกล่องใบนั้นมาถือไว้ในมือ ไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่เป็นของที่เขาให้ก็ชอบหมดทั้งนั้น

“ขอบคุณค่ะ”

เผยรอยยิ้มกว้างแล้วยกมือไหว้นอบน้อม ค่อยเดินออกจากห้องทำงานแล้วตรงไปยังห้องพักของตัวเอง ไม่ทันเห็นว่าแววตาคมลึกฉายแววขบขันก่อนจะปิดกั้นความรู้สึกทั้งหมดของตัวเอง

ร่างบางเดินเข้ามาในห้องก็ปิดประตูลงกลอนแน่นหนา เดินมานั่งยังเก้าอี้หน้าโต๊ะเขียนหนังสือ เปิดกล่องดูของข้างในก่อนพบปากการาคาแพงที่สลักชื่อของเธอเอาไว้ที่ปลายด้าม ปากอวบอิ่มถึงกับเผยอกว้างด้วยความตกใจ

ไม่คาดคิดมาก่อนว่าตัวเองจะได้รับของดีราคาแพงเช่นนี้ เขาใส่ใจเกินไปแล้ว…

“ปากกาสลักชื่อ...อื้อ ลองใช้เลยดีกว่า” พูดจบก็หยิบกระดาษมีขีดเขียน แต่เขียนเพียงตัวอักษรเดียวก็ไม่กล้าใช้แล้ว กลัวหมึกจะหมดเสียก่อนจึงรีบเก็บเข้ากล่องดังเดิม

“เขียนลื่นดีแหะ สงสัยต้องเป็นแท่งโปรดตลอดไปแล้ว” เธอกอดกล่องของขวัญเอาไว้แล้วกลิ้งไปมาบนเตียงขนาดสามฟุตอย่างมีความสุข

ขอเพียงแค่ได้แอบรักในมุมเล็กๆ ก็พอแล้ว…

การเรียนเทอมสุดท้ายทั้งยังต้องเรียนภาษาเพิ่มเติมคืออังกฤษ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศสและเยอรมันทำให้สมองของเธอแทบระเบิด หญิงสาวไม่มีเวลาทำงานบ้านช่วยคนอื่น ต้องทบทวนตำราเรียนเสมอคนบัดนี้คนทั้งบ้านต่างเหม็นหน้ากันหมด

แม่บ้านที่สนิทกับเธอก็ลาออกเป็นที่เรียบร้อย กลายเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบไปโดยปริยาย ยังดีที่ต้องอ่านหนังสือจึงไม่ได้ออกไปฟังคำนินทาของคนอื่น ที่ทำให้ตนกลายเป็นตัวร้ายแม้จะยังไม่ได้ทำอะไรให้ใครสักอย่าง

เพิ่งเรียนจบได้ไม่นานก็ต้องเรียนภาษาและไปสอบเพื่อวัดระดับความรู้ โชคดีที่เธอเก่งในเรื่องการจำ สามารถเรียนรู้คำศัพท์ได้ไวแต่ก็ค่อนข้างสับสนเพราะเรียนพร้อมกันหลายภาษาเกินไป บางวันก็ท่องศัพท์จนแทบอ้วก

ขนาดไม่สบายก็ต้องมาอ่านหนังสือท่องคำศัพท์ คิดเพียงเพื่ออนาคตที่สดใสของตัวเอง

“เสร็จหมดแล้วค่ะคุณผู้ชาย” นอกจากเรียนภาษากับคุณครูเจ้าของภาษาแล้ว หล่อนยังได้เรียนจากการทำงานอีกต่างหาก ได้ช่วยชายหนุ่มแปลเอกสาร โดยเลขานุการของเขาอย่างณรงค์ช่วยจะดูคำผิดและเรียบเรียงใหม่อีกครั้ง

เอกสารที่แปลเป็นครั้งแรกผิดเกือบหมด ทำให้เธอห่อเหี่ยวไปเกือบสัปดาห์จนบอกกับตัวเองให้ตั้งใจใหม่อีกครั้ง จึงได้เริ่มพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนคราวนี้ได้รับคำชมบ้างแล้ว

“พัฒนาขึ้นนะ ณรงค์บอกว่าเธอแปลแล้วก็เรียบเรียงได้ดี รู้อย่างนี้น่าจะส่งเรียนภาษาแต่แรก” ยืนตรงข้ามร่างสูงในห้องทำงาน ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ กลัวว่าจะแปลผิด แต่เมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนั้นก็ทำให้เธอยิ้มกว้าง ตัวแทบลอยไม่ติดพื้นอยู่แล้ว ค้อมศีรษะเป็นการขอบคุณร่างหนา

“เรียนจบแล้วจะเข้าทำงานบริษัทเลยหรือเปล่า” ถามหญิงสาวเมื่อเห็นว่าเธอเรียนจบมาได้สักพักแล้ว หล่อนชะงักแล้วตอบตามความคิดของตนเอง เพราะเธอก็ติดตามข่าวสารการรับสมัครพนักงานของบริษัทเขาเสมอ อยากอยู่ฝ่ายการตลาดแต่ไม่รู้จะเข้าได้หรือเปล่า

“เอ่อ ยังไม่มีประกาศรับสมัครไม่ใช่เหรอคะ”

“ต้องประกาศด้วยเหรอ ตำแหน่งผู้ช่วยเลขาของฉันว่างพอดี เธอก็มาทำงานช่วยคุณณรงค์ก็แล้วกัน ตอนเช้าไปทำงานพร้อมฉันเลย” คำพูดของประธานบริษัทค่อนข้างเด็ดขาด เธอเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าทุกอย่างมันจะง่ายดายเช่นนี้

ได้อยู่บ้านเดียวกัน ไปทำงานด้วยกัน เจอกันที่บริษัทแล้วยังได้กลับบ้านพร้อมชายหนุ่มอีกต่างหาก

แค่คิดก็มีความสุขจนล้นอกแล้ว

“คะ...หมายถึงเริ่มงานเลยเหรอคะ”

“ใช่ สัปดาห์หน้าเริ่มงานได้เลย มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” ถามกลับพลางเลิกคิ้ว แต่เธอก็รีบส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว ถึงจะไม่ชอบระบบอุปถัมภ์แต่ก็ไม่อาจเลี่ยงได้

เธอไม่กล้าขัดใจเขาทั้งยังนึกดีใจที่จะได้ทำงานกับคนมากความสามารถอย่างอนิล คงได้เรียนรู้จากเขาเยอะเลย

“ไม่ ไม่มีปัญหาค่ะ ได้เสมอค่ะ” ตอบเสียงฉะฉาน

“ดี...ไม่มีอะไรแล้วล่ะ เธอไปทำงานของตัวเองได้เลย” พยักหน้าเป็นการรับทราบแล้วก้มลงอ่านเอกสารของตัวเอง เธอเห็นอย่างนั้นก็ไม่อยากกวนเขา จึงรับคำเสียงเบาแล้วย่องออกมาจากห้องทำงานของร่างหนา

“ค่ะ”

ถึงจะอยากแสดงอาการดีใจแค่ไหนก็ต้องเก็บไว้ พอเข้ามาในห้องนอนของตัวเองก็กระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข

“ทำงาน จะได้ทำงานแล้ว! ต้องไปซื้อชุดมาเตรียมไว้” ว่าแล้วก็คว้ากระเป๋ามาสะพายก่อนออกจากห้องเพื่อไปซื้อชุดเตรียมใส่ไปทำงานในฐานะผู้ช่วยเลขา

ไม่มีอะไรจะสุขเท่านี้อีกแล้ว!

การเป็นผู้ช่วยเลขาของเขาไม่ง่ายเอาเสียเลย เธอเพิ่งรู้จักกับณรงค์ได้ไม่นานก็นับถือในความเก่งของอีกฝ่ายที่จัดการงานทุกอย่างให้เจ้านายได้อย่างไร้ที่ติ ส่วนตนคงต้องใช้เวลาในการเรียนรู้อีกสักพักเลยละ

วันนี้เขามาตรวจโรงงานที่จังหวัดระยอง โดยให้เธอติดสอยห้อยตามมาช่วย เพราะณรงค์ต้องเข้าประชุมแทนเจ้านายที่กรุงเทพฯ จึงไม่อาจมาด้วยได้ เธอกลายเป็นเลขาคนสนิทที่ต้องทำงานแทบทุกอย่างจนหัวหมุน

กระทั่งตอนนี้ที่เวลาล่วงเลยถึงสี่ทุ่ม ก็ยังต้องนั่งหน้าจอแล้วพิมพ์งานอย่างขะมักเขม้นในห้องนอนสุดหรูของเขาที่มีบานกระจกขนาดใหญ่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ภายนอกได้

ตั้งแต่เหยียบย่างมาที่นี่เท้ายังไม่ได้แตะน้ำทะเลเลย ถึงที่พักจะอยู่ติดกับทะเลก็ตาม จนนึกเสียดายที่ไม่ได้เล่นน้ำเพราะเธอเคยใฝ่ฝันอยากมาทะเลนนานแล้วแต่ก็ไม่เคยได้มาสักครั้ง

คราวนี้ถึงจะมาทำงานก็ยังอยากเล่นน้ำ แต่กลัวคนตรงหน้าไม่อนุญาต

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel