คุณที่ฉันไม่ควรรัก

104.0K · จบแล้ว
ข้าวสีทอง
55
บท
2.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เธอมีหน้าที่ปรนนิบัติข้างกายของชายผู้ไร้หัวใจ...

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันประธานคนต่ำต้อยดราม่าโรแมนติกพาลูกกหนี

บทนำ 1

บทนำ

ป้ายประกาศติดไว้หน้าบ้านหลังใหญ่เพื่อรับสมัครแม่บ้านที่จะมาทำงานแทนคนเก่าซึ่งลาออกเพื่อกลับบ้านเกิด อาณาบริเวณกว้างขวางทำให้หญิงสาวนัยน์ตาหวานกวาดมองไปโดยรอบด้วยความตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษ

บ้านที่เธออาศัยแต่เกิดมีขนาดเพียงแมวดิ้นตาย ห้องส่วนตัวก็ไม่มีต้องนอนรวมกัน ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจแต่อย่างใด กระทั่งบุพการีตัดสินใจแยกทาง บิดาไม่ยอมพาเธอไปด้วยเพราะกำลังจะเริ่มต้นใหม่กับหญิงอื่น ส่วนแม่ก็พาชายแปลกหน้าเข้ามาแทนที่พ่อ

หญิงสาวจำต้องอยู่ในบ้านหลังนั้นต่อไปด้วยความหวาดระแวง สายตาของพ่อเลี้ยงที่มองมาไม่ใคร่จะดีเท่าไหร่ จากที่เมื่อก่อนเลิกเรียนก็กลับบ้าน เธอตัดสินใจอยู่ที่โรงเรียนเพื่อทำการบ้านจนค่ำมืดค่อยกลับเข้ามา

จะนอนก็หลับไม่สนิท ถึงมีแม่นอนคั่นกลางแต่กลับหวาดผวาเสมอ เพราะครั้งหนึ่งอีกฝ่ายเคยเอามือมาลูบขาเธอจนต้องร้องลั่นให้คนช่วย แต่มารดากลับบอกเป็นเพียงการหยอกเล่นเท่านั้น ด้วยหลงสามีใหม่ที่อายุน้อยกว่า ทั้งยังพูดจาหวานหว่านล้อมเก่ง หล่อนที่เป็นลูกสาวแทบจะไร้ความหมาย

เคยบอกแม่หลายครั้งกับสิ่งที่กลัวแต่ก็ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลงไป นอกจากสายตาของแม่ที่มองคล้ายกล่าวโทษและคลางแคลงใจเสมอ หญิงสาวจึงทำได้เพียงเก็บงำความในใจเอาไว้แล้วใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง บอกกับตัวเองว่าเรียนจบมัธยมปลายเมื่อไหร่จะรีบออกจากที่นั่นทันที

กระทั่งวันนี้ที่แม่บอกจะพามาสมัครงาน จึงได้เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินทางออกจากบ้านแต่เช้าตรู่กว่าจะถึงเมืองหลวงก็ค่ำมืดเสียแล้ว มีกระเป๋าใส่เสื้อผ้าหนึ่งใบที่มารดาบอกให้เตรียมมาด้วย

ไม่รู้ว่าเป็นงานอะไร แต่ขอแค่ได้เงินหล่อนก็ยอมทำหมดทุกอย่าง…

“เอามันไปเถอะ จะเอามันไปต้มยำทำแกงที่ไหนก็ได้...ขอแค่ให้เงินฉันเถอะนะคุณ ขอร้องล่ะ”

ทว่าเมื่อเข้ามาในบ้านโอ่อ่าที่แม้แต่กลิ่นหอมยังสัมผัสได้ถึงความต่างระหว่างชนชั้น คำพูดของแม่กลับเหมือนมีดแหลมที่พุ่งเข้ามาทำร้ายจิตใจคนฟังเป็นอย่างยิ่ง

การทำงานที่นางบอกเอาไว้เหมือนจะไม่ใช่แค่งานทั่วไป แต่คือการขายขาดลูกสาวเพียงคนเดียวให้ครอบครัวเศรษฐีเพื่อจะได้เอาเงินไปปรนเปรอสามีหนุ่มของตัวเอง ไม่สนใจว่าหล่อนจะตกใจมากเพียงใด

รีบกอดแขนมารดาน้ำตาปริ่ม ส่ายหน้าพลางปฏิเสธเสียงสั่น เคยคิดจะออกมาอยู่คนเดียวแต่ไม่เคยนึกว่าจะต้องถูกแม่ของตนขายให้คนอื่นเหมือนเห็นหล่อนเป็นแค่สมบัติชิ้นหนึ่ง

ไม่ได้มีชีวิตหรือจิตใจ…

“แม่...ไม่เอา ไม่เอาแบบนี้นะแม่” พยายามอ้อนวอนน้ำตานองใบหน้า นางเห็นอย่างนั้นกลับไม่มีท่าทีสงสารหรือเห็นใจลูกสาวสักนิด ทำเพียงสั่งเสียงเข้มต่อหน้าสาวสวยที่สวมชุดกรุยกรายนั่งดื่มไวน์อยู่บนโซฟา ส่วนพวกตนก็นั่งพับเพียบอยู่บนพื้น

แววตาของบุคคลที่สามกลับเรียบเฉยยามมองสองแม่ลูกกำลังทะเลาะกัน ลูกสาวร้องไห้ขณะที่คนเป็นแม่กลับไม่ใส่ใจสักนิด เห็นแล้วก็เค้นยิ้มสมเพชเด็กสาววัยแรกแย้ม

นึกถึงตัวเองยามที่ถูกครอบครัวบังคับเช่นเดียวกัน ถึงจะคัดค้านเพียงใด สุดท้ายก็จำต้องยอมโดยดี…

“มึงเงียบ!” บิดสีข้างของบุตรสาวจนเจ้าตัวถึงกับสะดุ้งโหยง เม้มปากแน่นไม่ให้เสียงสะอื้นหลุดรอด ก้มหน้าปล่อยน้ำตาให้ไหลรินด้วยความเสียใจ มือนุ่มกำแน่นทั้งในใจก็ภาวนาให้ผู้หญิงตรงหน้าปฏิเสธ

อย่าซื้อเธอเลย…

“ฮึก” เสียงสะอื้นหลุดรอดออกจากริมฝีปากนุ่ม ถึงเธอจะพยายามเม้มมันเอาไว้ไม่ให้มีเสียงเล็ดรอดออกมา ก็ไม่อาจทำตามใจต้องการได้เพราะความเสียใจมันเอ่อล้น

ในหัวมีคำถามมากมายเต็มไปหมดว่าทำไมแม่ถึงทำเช่นนี้กับหล่อน แต่คำถามที่เด่นชัดสุดและเธอต้องการคำตอบก็คือท่านไม่รักกันเลยหรืออย่างไร

เหตุใดจึงได้ขายลูกในไส้ของตัวเองได้ ยิ่งคิดน้ำตาก็ยิ่งไหลเป็นสาย นั่งก้มหน้าประสานมือไว้บนตัก ร้องไห้ปริ่มขาดใจแต่ก็เม้มปากปิดกั้นเสียงอันน่าสมเพชของตัวเองเอาไว้

ยังไม่ได้ยินเสียงของผู้หญิงตรงหน้า กลับมีใครอีกคนเดินเข้ามาในห้องด้วยชุดที่เป็นทางการกับใบหน้าหล่อที่เธอเผลอจ้องมองผ่านม่านน้ำตา

เขาอยู่ในชุดสูทสีเข้มกับผมที่เซ็ทเป็นทรง รูปร่างสูงใหญ่มีความน่าเกรงขาม กรอบหน้าสันกรามเด่นชัด ดวงตาเรียวดุกับจมูกโด่งเข้ารูปและริมฝีปากบางเฉียบราวอิสตรี

ชั่วขณะหัวใจของเธอกลับเต้นแรงขึ้นก่อนรีบก้มหน้าเมื่อเขาจ้องมองตน ไม่กล้ากระทั่งจะสบตา รับรู้ถึงลำแสงบางอย่างที่แผ่ออกมาจากตัวของชายหนุ่ม

ความสูงศักดิ์ที่เกินจะเอื้อมถึง…

“เสียงดังอะไรกัน ได้ยินดังไปถึงข้างนอก” ชายหนุ่มถอดเสื้อสูทแล้ววางพาดบนโซฟา จากนั่นจึงนั่งลงยังโซฟาตัวยาวแล้วมองสองแม่ลูกที่นั่งบนพื้น ค่อยหันมาสบตาของหญิงสาวผู้เป็นภรรยาแล้วถามน้ำเสียงราบเรียบไม่ยินดียินร้าย

คิดว่าคงมาสมัครตำแหน่งแม่บ้าน แต่เหตุใดผู้หญิงที่ดูอ่อนวัยจึงร้องไห้น้ำตาไหลพรากเหมือนกำลังจะถูกฆ่าเช่นนั้น

“แม่เอาเด็กมาขายค่ะ บอกว่าอยากขอเงินไปทำธุรกิจส่วนตัว ถ้าไม่ซื้อก็จะเอาลูกไปขายที่อื่น...เอายังไงคะ คุณอยากซื้อเด็กคนนี้ไว้หรือเปล่า ตามใจคุณเลยค่ะ” ผู้เป็นภรรยาถามกลับแล้วยกแก้วด้านยาวขึ้นดื่มน้ำสีเข้มจนหมด

ชุดกรุยกรายที่เธอสวมทำให้เขารู้ในทันทีว่าเป็นชุดนอน ไม่รู้อีกฝ่ายตื่นตอนไหนเพราะเมื่อคืนกว่าจะกลับเข้าบ้านก็รุ่งสาง คนเป็นสามีถึงกับส่ายหน้ามองด้วยความระอา เตือนบ่อยจนคร้านจะพูดด้วยจึงทำเฉยเสีย

ไม่อย่างนั้นก็คงได้ทะเลาะกันทุกวัน…

“เรียนมอไหนแล้ว” ละสายตาจากคนข้างกาย

แล้วถามสาวน้อยที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาท่าเดียว ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตาสักที แต่ถึงกระนั้นก็พอมองออกถึงใบหน้าอันงดงามของเธอ

ดูจากแม่ที่หน้าตาดีไม่ต่างกัน เพียงแค่ด้วยวัยทำให้เริ่มมีร่องรอยเหี่ยวย่นแต่ก็ไม่อาจปิดบังความสวยในอดีตได้ ลูกสาวก็ได้รับถ่ายทอดความงามเช่นเดียวกัน ผิวพรรณเนียนละเอียดที่โผล่พ้นขอบเสื้อ คงไม่ได้ทำงานหนักมากเท่าไหร่

“ม.5 ค่ะ” ตอบเสียงเบาในลำคอ ใช้หลังมืดปาดน้ำตาแล้วค่อยเงยหน้ามาสบดวงตาคมดุที่ทำให้ใจสั่นไหว ก่อนก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว

“นังราตรีมันทำเป็นทุกอย่างเลยนะคุณ บ้านช่องห้องหับก็เก็บสะอาด ไม่มีปากมีเสียงกับใคร ทำอาหารก็อร่อย มันยังกตัญญูด้วย ซื้อมันไปเถอะฉันขอร้องล่ะ” ข้อดีถูกบอกออกไปจนหมดพร้อมแววตาแห่งความหวังของคนเป็นแม่

ต่างจากแววตาสิ้นหวังเต็มไปด้วยความเจ็บปวดของลูกสาว มือเรียวหมายจะยื่นไปกอดแขนมารดาเอาไว้กลับถูกปัดอย่างไม่ไยดี เขาเห็นอย่างนั้นก็ขมวดคิ้วไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่

ลูกสาวร้องไห้ทั้งสะอื้นตัวโยน คนเป็นแม่นอกจากไม่ปลอบใจแล้วยังมีท่าทีรังเกียจลูกอีกต่างหาก คงเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นระหว่างคนทั้งสอง

แต่นั่นไม่ใช่เรื่องของเขา ชายหนุ่มไม่ได้อยากรู้เรื่องราวของสองแม่ลูก ลำพังเรื่องตัวเองก็จัดการไม่ไหวแล้ว