๒ ปรนนิบัติรับใช้ 2
รู้ดีว่าเขาอยู่สูงเกินเอื้อม คนแบบเธอไม่มีสิทธิ์กระทั่งจะฝันถึงด้วยซ้ำ
เรื่องเมื่อคืนที่มีปากเสียงกับเจ้าของบ้านทำให้เธอนอนไม่หลับจนขอบตาดำคล้ำ ทว่าจะบอกว่ามีปากเสียงก็ไม่เชิงเพราะมีเพียงฝ่ายหนุ่มที่พูดคนเดียว ส่วนเธอก็รับฟังอย่างเจ็บปวดที่โดนปฏิเสธทั้งที่ยังไม่ทันได้เริ่มอะไรสักอย่าง
ฝังกลบความฝันของตัวเองอย่างรวดเร็ว กระทั่งคิดเธอก็คงไม่มีสิทธิ์ คนอย่างอนิลไม่มีวันชายตาแลเธออย่างแน่นอน ทางที่ดีควรทำตามหน้าที่ของตนให้เสร็จสิ้น
นั่นคือการเรียนให้จบแล้วออกมาช่วยงานเขา เพื่อตอบแทนบุญคุณที่ชายหนุ่มคอยส่งเสียเธอมาตลอดหลายปี
ลุกจากที่นอนมาอ่านหนังสือแต่เช้า ค่อยเดินออกมายังห้องครัวเพื่อช่วยแม่บ้านคนอื่นทำอาหารหรืองานจิปาถะ แม้ว่าหล่อนจะไม่ค่อยถูกคนอื่นต้อนรับก็ตาม อย่างไรก็ต้องมาช่วยเพื่อไม่ให้ตนเองว่างเกินไปจนคิดฟุ้งซ่าน
อีกแค่เทอมเดียวก็จะเรียนจบแล้ว ได้ทำงานมีเงินเดือนใช้ด้วยความสามารถ แค่คิดก็ทำให้มีกำลังใจเพิ่มขึ้นมากโข
“หน้าตาดูอิดโรยนะ นอนไม่หลับเหรอ” แม่บ้านคนหนึ่งทักขึ้น ถึงจะไม่ค่อยได้พูดคุยกันแต่นางก็ไม่ได้รังเกียจเธอเหมือนคนอื่น จึงพอพูดคุยอย่างสบายใจ
“เปล่าค่ะป้า หนูอ่านหนังสือดึกไปหน่อยน่ะค่ะ” ยิ้มในหน้าแล้วเดินไปช่วยล้างผักอย่างขะมักเขม้น ผ่อนลมหายใจออกอย่างเชื่องช้าด้วยความโล่งอกที่คิดหาเหตุผลได้ทันท่วงที
ไม่ยอมบอกความจริงว่านอนไม่หลับเพราะคิดเรื่องของเจ้านายทั้งคืนต่างหาก คำพูดของเขาบาดลึกลงไปในใจหล่อน ไม่รู้ว่าทำอย่างไรจึงจะลบคำพูดพวกนั้นออกไปได้สักที
เขาไม่มีวันชายตามองเธอในฐานะอื่นนอกจากเด็กอาศัยในบ้าน
ผู้หญิงที่คู่ควรกับอนิลคือคนฐานะเทียมกัน ไม่ใช่เด็กที่ถูกแม่เอามาขายด้วยราคาห้าหมื่นเช่นเธอ เค้นยิ้มสมเพชตัวเองกับความรักที่ไม่ควรเกิด
“อย่าหักโหมนักล่ะ อีกไม่กี่เดือนก็จบแล้วจะได้ออกมาช่วยงานคุณผู้ชายแล้วใช่ไหม” แผนของเธอเป็นเช่นนั้นและคงจะเป็นอย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง คิดไว้แล้วว่าต้องช่วยงานเขาเพื่อตอบแทนบุญคุณที่ชายหนุ่มส่งเสียหล่อนเรียนจนใกล้จะจบปริญญาตรีในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
การทำงานที่บริษัทของเขาจึงเป็นเรื่องสมควรแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะได้ทำตำแหน่งไหนก็เท่านั้น คงต้องรอดูประกาศสมัครพนักงานก่อน ถึงจะวางแผนชีวิตต่อจากนี้ได้
“ค่ะ”
ช่วยงานครัวที่แสนวุ่นวาย ตอนเช้าไม่ค่อยมีใครมาสนใจใครเพราะต้องเร่งทำงานในส่วนตัวเองให้เสร็จ ช่วงบ่ายถึงจะเป็นเวลาพักผ่อน ให้ได้พูดคุยเรื่องของคนอื่นบ้าง
ตั้งแต่รัตนาวราออกจากบ้าน ทำให้บ้านหลังใหญ่เงียบมากกว่าเดิม คุณผู้ชายก็กลับบ้านค่ำเพราะงานที่รัดตัวกว่าเดิม บรรดาแม่บ้านแทบจะครอบครองคฤหาสน์หลังงามอยู่แล้ว
ไม่มีใครคิดถึงอดีตคุณผู้หญิง มีเพียงเปรยเรื่องของหล่อนเกี่ยวกับการเลิกราแฟนหนุ่มคนที่สามในช่วงระยะเวลากว่าห้าปีที่ผ่านมาเท่านั้น วงสังคมของพวกเขาไม่ได้กว้างยังคงวนเวียนมาเจอกันเสมอ แต่อนิลก็ไม่เฉียดกรายเข้าไปใกล้คนในอดีต ยังวางตัวสูงส่งที่ทำให้คนมองนึกหมั่นไส้อยู่เสมอ
“ตรี คุณผู้ชายเรียกให้ไปพบ” น้ำเสียงที่ใช้เรียกกับแววตายามจ้องมองหล่อนไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่
ตั้งแต่อนิลโสดก็มีคนเข้าหาตลอดเพียงแต่ไม่มีใครสามารถเอาชนะใจชายหนุ่มได้สักคน อาจเพราะเขาเลือกมากหรือยังไม่มีเวลาแม้กระทั่งให้ตัวเองก็ไม่อาจทราบเหมือนกัน
ทว่าแม่บ้านหลายคนที่ยังสาวก็พยายามทอดสะพานให้เจ้านาย หวังเป็นแค่เมียเก็บก็ยังดี แต่เขากลับขีดเส้นชัดเจนไม่เคยเหลียวแลใคร คงมีเพียงราตรีที่ถูกเรียกใช้บ่อยกว่าเพื่อน กลายเป็นความอิจฉาริษยาที่หยั่งลึกไปแล้ว
“ค่ะ” รีบออกจากห้องครัวอย่างรวดเร็ว
เธอไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไรทั้งที่เมื่อคืนไล่ไม่ให้เข้าใกล้ ตอนแรกคิดจะหลบหน้าอีกฝ่าย แต่แค่ตื่นมาก็โดนเรียกเข้าพบแล้ว นึกสงสัยและกังวลว่าเรื่องที่เขาจะบอกเป็นเรื่องอะไรกันแน่
ไล่เธอออกหลังจากทราบว่าตนแอบชอบเขาหรือเปล่า เพียงแค่คิดมือก็สั่นจนต้องกุมไว้หน้าขาแน่น เดินมาถึงหน้าห้องทำงานของเขาก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ค่อยเคาะประตูก่อนจะเข้าไปข้างใน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ขออนุญาตค่ะ” เอ่ยเสียงดังกว่าปกติ รอกระทั่งได้ยินเสียงทุ้มที่เล็ดลอดออกมาจึงได้ผลักบานไม้หนาเข้าไปข้างใน
“เข้ามา”
น่าแปลกที่เมื่อวานเขาดื่มจนเดินเองแทบไม่ไหว แต่วันนี้กลับตื่นเช้ามานั่งหน้าโต๊ะทำงานได้ราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่หลงเหลืออาการเมามายเลยสักนิด
ผู้ชายคนนี้เก่งเกินไปแล้ว…
“คุณผู้ชาย...มีอะไรหรือเปล่าคะ” ไม่กล้าสบดวงตาคม หยุดยืนตรงหน้าเขาพร้อมกุมมือไว้ตรงหน้าขาแล้วก้มหน้ามองพื้น หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะกลัวอีกฝ่ายจะพูดถึงเรื่องเมื่อคืน
อาจจะห้ามความรู้สึกของเธอไม่ให้รักเขาหรือเปล่า หากเป็นเช่นนั้นตนจะทำอย่างไร เคยคิดตัดใจหลายรอบแต่ก็ทำไม่ได้สักที จึงคิดแอบรักในมุมของตัวเอง
แค่ได้มองก็เป็นสุขใจแล้ว…
“หนังสือพวกนี้ เธอเอาไปอ่านแล้วทำสรุปแต่ละเล่มมาให้ฉันด้วย...รู้ภาษามากแค่ไหน” เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยแล้วมองหนังสือสี่ถึงห้าเล่มที่เขาเรียงไว้ด้านหน้า ค่อยเงยหน้าสบดวงตาคมที่นิ่งสนิทไม่สามารถอ่านความรู้สึกได้
เธอจึงแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่เรื่องเมื่อวานไม่ถูกหยิบยกมาพูดถึงอีกครั้ง คล้ายว่าเขาจะปล่อยให้มันผ่านไปโดยไม่ได้เอามาใส่ใจสักนิด ซึ่งดีแล้วสำหรับเราสองคนที่ต้องเจอหน้ากันทุกวัน
ทว่า…เขาอนุญาตให้หล่อนแอบรักในมุมเงียบๆ ได้ใช่ไหมนะ
“พออ่านออกเขียนได้ค่ะ” เรื่องภาษาเธอไม่ค่อยได้เรียนแต่ก็มีความใฝ่รู้พอสมควร ดูจากเกรดเฉลี่ยแล้วคิดว่าหญิงสาวถือเป็นคนเก่ง ต้องเป็นทรัพยากรที่ดีให้บริษัทอย่างแน่นอน
เขาจึงคิดลงทุนกับเธอ อย่างน้อยก็เชื่อว่าราตรีเป็นคนซื่อสัตย์อดทน ไม่มีทางทรยศตนอย่างแน่นอน แล้วแบบนี้จะไม่สนับสนุนเธอได้อย่างไรล่ะ
“ไปลงเรียนภาษาอังกฤษกับภาษาญี่ปุ่นเพิ่มด้วย ถ้าให้ดีก็เรียนอีกสักสองสามภาษา ฉันจะให้เธอช่วยงานแปลเอกสาร ให้ณรงค์ทำคนเดียวคงไม่ไหว...พอทำได้หรือเปล่า” ลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อได้ยินเช่นนั้น
แค่ภาษาอังกฤษก็ทำให้เธอหวาดหวั่นแล้ว ยังให้ไปเรียนภาษาญี่ปุ่นและภาษาอื่นอีก หญิงสาวคิดไม่ออกเลยว่าตนจะเอาตัวรอดได้อย่างไร
แต่เมื่อเขาคาดหวัง ก็ไม่อาจทำให้ชายหนุ่มผิดหวังได้ ตอบกลับเต็มเสียงสร้างความมั่นใจให้แก่อนิลและตัวเอง
“ทำได้ค่ะ”
“เรื่องค่าเรียนไม่ต้องห่วง ขอแค่เธอตั้งใจเรียนแล้วช่วยงานฉันได้ก็พอแล้ว” ได้ยินเช่นนั้นก็มองเขาแววตาวาวด้วยความซาบซึ้ง
