๒ ปรนนิบัติรับใช้ 1
๒
ปรนนิบัติรับใช้
การเรียนมหาวิทยาลัยเปิดไม่ได้ยากอย่างที่คนอื่นบอกเลยสักนิด เธอแค่ต้องมีวินัยมากหน่อยและขยันอ่านหนังสือ ดีที่มีอนิลคอยตอบคำถามในข้อสงสัยของหล่อนได้ เขากลายเป็นครูอีกคนของเธอไปแล้วด้วยซ้ำ
เธอเริ่มงานเป็นช่วยของชายหนุ่มตอนเขานำงานบางส่วนกลับมาทำที่บ้าน คอยจัดแจงเอกสารทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ถึงจะไม่ค่อยเก่งแต่ก็พยายามสังเกตและจับใจความสำคัญ เธอนึกอยากเรียนภาษาแต่กำลังทรัพย์และเวลาก็มีไม่พอจึงต้องพับเก็บโครงการเอาไว้ก่อน
ห้องทำงานของเขาราตรีสามารถเข้าออกได้สบาย เพิ่มความหมั่นไส้ให้แม่บ้านหลายคนที่เห็นว่าหล่อนกลายเป็นคนโปรดของคุณผู้ชาย เกรงว่าอีกไม่นานอาจขึ้นแท่นคุณผู้หญิงด้วยซ้ำ แล้วคราวนี้คงได้กดหัวพวกตนเป็นแน่
หวังเพียงอนิลจะไม่ใฝ่ต่ำไปคว้าคนไม่มีหัวนอนปลายเท้า ถูกมารดาเอามาเร่ขายไปเป็นภรรยาก็แล้วกัน คนแบบนี้จะประดับบารมีของประธานบริษัทอย่างเขาได้ที่ไหนกัน
ผ่านการเรียนแสนยากเย็นมาได้ในแต่ละเทอม เกรดเฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยมจนอดไม่ได้ที่จะเอามาอดแม่บ้านเพียงคนเดียวที่ดีกับเธอมาโดยตลอด แต่น่าเสียดายที่อีกไม่นานจะออกจากบ้านหลังนี้เพื่อไปแต่งงานและกลับบ้านเกิด
ต่อจากนี้เธอก็คงเหมือนคนหัวเดียวกระเทียมลีบ…
“ผลการเรียนดีมาตลอดเลย เก่งเหมือนกันนะเรา” มองดูผลการเรียนของคนที่อายุน้อยกว่าแค่ห้าปีแล้วเอ่ยชม นึกฉงนกับแม่บ้านคนอื่นที่ไม่ชอบหญิงสาวผู้ใสซื่อและบริสุทธิ์
คงเพราะอิจฉาที่เจ้าตัวเป็นคนโปรด ทั้งยังหน้าตาสะสวยอีกต่างหาก คุณผู้ชายให้ราตรีทำอาหารแทบไม่ยอมให้จับงานบ้านอื่นเพราะต้องเอาเวลาไปช่วยเขาทำงาน ยิ่งเป็นแรงกระตุ้นให้คนอื่นเกลียดร่างบางมากกว่าเดิม
“หนูไม่อยากให้คุณผู้ชายต้องเสียใจที่ส่งเสียคนแบบหนูเรียน เลยพยายามแล้วก็ตั้งใจทำให้เขาภูมิใจด้วยค่ะ” ยิ้มแก้มปริแล้วคิดจะเอาผลการเรียนไปอวดเขา ชะเง้อมองทางประตูไม่รู้ว่าเขาจะมาถึงบ้านเมื่อไหร่
เธอคาดหวังว่าชายหนุ่มจะเอ่ยชม อาจเป็นเพียงแค่ประโยคสั้นๆ ก็ทำให้เธอดีใจแล้ว
“ดีแล้ว เกิดเป็นคนก็ต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณ” ชื่นชมคนตรงหน้าแล้วคืนเอกสารผลการเรียน เจ้าตัวรับมาดูแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ความพยายามของหล่อนไม่ได้สูญเปล่า กลายเป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่ง
อยากอวดเขาแล้วสิ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ร่างสูงจะกลับมาเสียที ปกติเขาไม่เคยกลับค่ำขนาดนี้ไม่ใช่เหรอ
“คุณผู้ชายยังไม่กลับเหรอคะ” ถามเสียงอ่อน
“ยังหรอก เห็นว่าเย็นนี้จะกลับบ้านดึก คงออกไปคุยงานเหมือนทุกครั้งนั่นแหละ” พยักหน้าเป็นการรับทราบ แล้วก็เอ่ยอาสาเพราะอยากให้เขาได้เห็นว่าเงินที่ส่งเสียหล่อนไปไม่สูญเปล่า ผลการเรียนบอกถึงความขยันของตน เชื่อว่าเขาต้องภูมิใจอย่างแน่นอน
“งั้นหนูอยู่รอปิดประตูเองค่ะ เผื่อคุณผู้ชายอยากได้อะไรเพิ่มเติมก่อนนอน”
สีหน้าแววตากระตือรือร้นจนคนมองอดยิ้มตามไม่ได้ พยักหน้าตามใจหล่อน เพราะตนก็ง่วงเกินกว่าจะอยู่ดึกเพื่อรอเปิดประตูให้เจ้าของบ้าน มีราตรีคอยอยู่เฝ้าเพื่อบริการเขาก็สบายตัวเอง
“ดีเหมือนกัน ฝากด้วยนะ”
“ค่ะ” พยักหน้าขึ้นลงแล้วเริ่มลงมือรับประทานอาหารเย็น
เก็บกวาดทุกอย่างเรียบร้อยแม่บ้านแต่ละคนก็แยกย้ายเข้าห้องของตัวเอง เหลือเพียงราตรีที่อยู่คอยเจ้าของบ้านกลับมา เธอนั่งลงบนพื้นแล้วพิงโซฟาขณะมองหน้าประตูเป็นระยะ สลับกับมองนาฬิกาที่แขวนไว้ข้างฝาผนัง
ปิดปากหาวบ่อยครั้งเพราะความง่วง หวังให้เขากลับถึงบ้านโดยไว แต่ใกล้จะเที่ยงคืนแล้วชายหนุ่มก็ยังไม่กลับสักที กระทั่งได้ยินเสียงรถที่คุ้นเคย ดวงตากลมจึงเปิดกว้างแล้วรีบลุกขึ้นพลางวิ่งไปหน้าบ้าน ก่อนพบร่างสูงที่ลงจากรถโดยมีคนรถคอยประคองเอาไว้
เธอเห็นอย่างนั้นก็รีบเดินเข้าไปช่วย แล้วบอกให้คนรถกลับไปพักผ่อนเพราะคอยขับรถให้เจ้านายมาทั้งวัน ส่วนตนก็ประคองเขาเพื่อจะพาอีกฝ่ายขึ้นบนห้อง
“คุณผู้ชาย! เดินไหวไหมคะ” ถามด้วยความเป็นห่วง ค่อยมองเท้าหนักที่ก้าวขึ้นบันไดคล้ายคนหมดแรง เธอกลัวว่าเขาจะกลิ้งตกลงไปข้างล่างจึงพยายามเดินให้ช้าและมั่นคง
ปกติอีกฝ่ายแทบไม่แตะแอลกอฮอล์เลย ไม่รู้ทำไมถึงได้ดื่มจนเมามากขนาดนี้ มองด้วยความเป็นห่วงแล้วพาเขาขึ้นมาถึงชั้นบนได้สำเร็จ
“อือ”
“ค่อยๆ เดินนะคะ” ถอนหายใจโล่งอกแล้วพาชายหนุ่มเดินไปยังห้องนอนของอีกฝ่าย ทว่าแขนที่เคยพาดไหล่เล็กกลับยกมือขึ้นถอนห่างจากหล่อน ดวงตาคมจ้องที่ใบหน้าหวานแล้วปัดมือไล่เธอ ค่อยเดินโซเซเพื่อเข้าห้องของตัวเอง
“ไปนอนเถอะ ฉันดูแลตัวเองได้” บอกอย่างไม่ไยดีทั้งที่เมื่อครูได้เธอช่วยประคองจนขึ้นมาชั้นบนได้
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูอยู่ช่วยคุณผู้ชายดีกว่า” นึกกังวลกลัวว่าเขาจะเมาแล้วฟุบนอนบนพื้น แววตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงแต่ร่างหนากลับตีค่าความรู้สึกของเธอไปในทางอื่น
สายตาของหล่อนเขาพอจะมองออก ความชื่นชมหลงใหลแต่ก็พยายามกดมันเอาไว้ เพียงแต่ทำได้ไม่เนียนเอาเสียเลย ชายหนุ่มทราบดีว่าหญิงสาวชอบตน แต่ถ้าไม่ล้ำเส้นจนเกินไปก็ไม่มีอะไรให้ต้องตีตัวออกห่าง เพียงแค่ตอนนี้เธอชักจะทำเกินหน้าที่ไปแล้ว
จึงตัดสินใจพูดบางอย่างเพื่อตัดความหวังของหล่อน โดยลืมนึกไปว่ามันทำร้ายจิตใจของคนที่หวังดีต่อเขามากแค่ไหน
“ฟังนะราตรี...ฉันคืออนิล เวทย์วินธา ธุรกิจในมือของฉันมีมูลค่าพันล้าน คนที่ฉันจะแต่งงานด้วยต้องเป็นคนที่มีความรู้และสามารถเดินเคียงข้างฉันในงานใหญ่ได้ ไม่ใช่คนที่เก่งแต่เรื่องงานบ้านและหวังขึ้นเตียงรวยทางลัด” ทุกคำพูดเฉือนใจคนฟังจนเธอยืนอึ้ง
นึกว่าเก็บความรู้สึกของตัวเองเอาไว้อย่างดี ซ่อนจากเขาจนมิดแล้วแต่กลับถูกมองออกจนทะลุปรุโปร่ง ทั้งอับอายและเสียใจไม่กล้ามองใบหน้าคมด้วยซ้ำ เธอทำเพียงก้มหน้านิ่งแล้วฟังเขาเอ่ยประโยคสุดท้ายที่เหมือนมีดมาประหารกันให้สิ้นลมหายใจตรงนั้น
“คนแบบนั้น...ถ้าฉันจะมีก็คงเอาไว้เป็นแค่เมียเก็บ” กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอด้วยความยากลำบาก ปล่อยให้ร่างสูงเดินเข้าไปในห้อง โดยที่ตนทำได้เพียงตอบรับเสียงสั่นเครือ
“ค่ะ” ประตูห้องของเขาปิดลง เธอก็เดินลงบันไดแล้วปิดบ้านตรวจเช็คทุกอย่างให้เรียบร้อย ฝืนกลั้นน้ำตาเอาไว้สุดความสามารถ ค่อยเดินกลับมาห้องของตัวเอง
“ฮือ...ฮึก” เพียงแค่บานประตูปิดลง น้ำตาก็ไหลเป็นสายพร้อมกับร่างบางที่นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ติดประตู
เธอไม่เคยคิดจะจับเขาเลยสักครั้ง มีเพียงความรู้สึกชื่นชมและเลือกจะอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง
