๑ ผู้มีพระคุณ 4
“คุณผู้ชาย…” เรียกชื่อเขาเสียงเบา ก่อนที่จะถูกปล่อยให้ยืนบนพื้นพร้อมกับคำเตือนที่ทำให้คนฟังแก้วแดงก่ำ
“ระวังหน่อย”
“ค่ะ” เธอพยักหน้าแล้วก้มหน้าซ่อนความเขินอายเอาไว้ ขณะที่เขาไม่ได้สนใจหล่อนเท่าไหร่ ทำเพียงมองห้องโล่งที่กลับมาสบายตาอกครั้ง นึกชอบที่ตัวเองตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด
“ออกไปเถอะ ฉันจะจัดการเอง” เจ้าของห้องเอ่ยเช่นนั้น หล่อนจึงค้อมศีรษะเป็นการรับคำ
“เอ่อ...ค่ะ”
เหลือบมองร่างสูงก่อนออกจากห้อง จดจำความอบอุ่นได้แม้เพียงครู่เดียว แล้วรีบออกจากห้องก่อนปิดประตูเสียงเบาให้เขาอยู่เพียงลำพัง มองทุกอย่างกระทั่งภาพที่แขวนบนฝาผนัง เป็นมารดาของหล่อนที่เจ้ากี้เจ้าการจะทำเช่นนี้ ถึงพวกเขาไม่ต้องการก็ตาม
แม่ของเธอมักจะมาที่บ้านเพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขายังคงอยู่ด้วยกัน โดยไม่ทราบเลยว่าชายหนุ่มแยกไปอยู่อีกห้องนานแล้ว เพียงแค่เอาเสื้อผ้าบางส่วนไว้ในห้องนี้เพื่อหลอกครอบครัวของรัตนาวราก็เท่านั้น
“เฮ้อ จบสักที”
พูดจบก็เผยยิ้มโล่งใจ แล้วค่อยเก็บของของตัวเองเข้าที่ เห็นรอยเท้าของหล่อนบนเสื้อก็นึกขบขันในความแก้แค้นราวเด็กน้อยของหล่อน แต่ก็ไม่ได้เอามาใส่ใจ เลือกทำความสะอาดห้องนอนใหญ่ของตนจนเรียบร้อย พอดีกับสายโทรศัพท์เข้าจึงรีบรับเพราะเป็นญาติเพียงคนเดียวของเขาที่เหลืออยู่
คุณยายนั่นเอง…
“สวัสดีครับยาย” ทักทายเสียงสดใส ไม่เหมือนคนเพิ่งหย่าภรรยาสักนิด
‘เป็นยังไงบ้าง’ ปลายสายนึกสงสัย ตอนแรกคิดว่าจะต้องปลอบหลานชาย แต่น้ำเสียงไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่
มารดาของเขาจากไปเมื่อสองปีก่อนงานแต่งของตนไม่นาน ประสบอุบัติเหตุถูกคนเมาขับรถชนจนร่างกระเด็น จากไปในที่เกิดเหตุและเขาก็ตามเอาเรื่องคนทำผิด กัดไม่ยอมปล่อยไม่ว่าอีกฝ่ายจะเข้าคุกแล้วก็ตาม
ถึงพ้นคุกออกมา…เขาก็จะตามรังควานชีวิตมันไปจนตาย
ไม่มีคำว่าปล่อยวางถึงยายจะบอกให้เขาอภัยก็ตาม
“สบายดีครับ” ยิ้มแย้มยามคุยกับยายแม้อีกฝ่ายจะไม่เห็นหน้าตนก็ตาม
เขาชวนท่านให้มาอยู่ด้วยกันหลายรอบ แต่ยายก็บอกเพียงว่าอยากอยู่ที่บ้านสวนเพราะใกล้ธรรมชาติ ปลูกสวนผลไม้ทั้งยังอยู่ติดคลอง ใกล้วัดที่ไปทำบุญประจำ มีเพื่อนบ้านรู้จักมักคุ้น
ไม่อยากมาอยู่บ้านหลังใหญ่ที่มีแต่ความอ้างว้าง เขาจึงต้องอยู่ที่นี่กับภรรยาที่ไม่กินเส้น
แต่หลังจากนี้คงต้องอยู่คนเดียวแล้วล่ะ…
‘ยายได้ข่าวเรื่องหย่าของเรากับแม่หนูนั่นแล้ว แต่งงานสองปีทำไมถึงหย่ากันเร็วนัก มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่ามา’ คิดไว้แล้วว่าท่านจะต้องถาม เพียงแต่เขาไม่อยากตอบความจริงว่าเราไม่เคยรักกันเลยต่างหาก
แต่งก็เพื่อตอบแทนคนที่ช่วยเหลือให้บริษัทของเขากลับมารุ่งเรืองอีกครั้งเท่านั้น เมื่อได้สิ่งที่ต้องการก็แค่หย่าขาด
ได้ชีวิตของตัวเองกลับมา
“ไม่มีอะไรครับยาย เราแค่เข้ากันไม่ได้เท่านั้นเอง...ยายสบายดีไหม” รีบเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว
‘สบายดี มีคนอยู่เป็นเพื่อนตลอดไม่เป็นอะไรหรอก เราก็ดูแลตัวเองให้ดี มีเรื่องไม่สบายใจก็โทรหายายได้ตลอด มาเล่นบ้านยายก็ได้’
คงมีเพียงยายที่ทำให้เสือยิ้มยากกลายเป็นคนยิ้มกว้างได้ เขาตอบรับคำชวนของท่านถึงจะไม่มีเวลาว่างก็ตาม
“ครับ”
คุยไม่นานก็วางสายจากญาติเพียงคนเดียว แล้วเริ่มเก็บห้องเพื่อจะได้กลับมาอยู่ห้องนี้อีกครั้ง
การแต่งงานครั้งแรกของเขาจบลงแล้ว…และมันพังไม่เป็นท่า
ตั้งแต่ที่ชายหนุ่มบอกว่าจะส่งเธอเรียนต่อ หญิงสาวก็ตั้งใจในการอ่านหนังสือเป็นอย่างมาก อยากรีบสอบจบชั้นมัธยมศึกษาโดยไวเพื่อจะได้สมัครเรียนมหาวิทยาลัยสักที
เธออยากเร่งวันคืนให้ตัวเองโตขึ้น เพื่อผู้มีพระคุณอย่างอนิลจะได้ภูมิใจบ้าง
เพียงแค่คิดถึงใบหน้าคมก็ทำให้หล่อนนึกเขินอายแล้ว ยิ่งคิดถึงอ้อมแขนยามถูกเขาอุ้มก็หน้าแดงสมาธิเตลิดจนต้องเรียกสติให้ตัวเอง ทราบดีว่าตนช่างไม่เจียมตัวเอาเสียเลย เขาเป็นถึงประธานบริษัทใหญ่โต
ส่วนเธอก็แค่แม่บ้านเท่านั้น ไม่ควรอาจเอื้อมหวังสูงเกินฐานะของตัวเอง
ทว่าก็อดคิดถึงชายหนุ่มไม่ได้ คนที่มีความเป็นผู้นำ โอบอ้อมอารีและเปรียบดั่งเจ้าชายขี่ม้าขาวเข้ามาช่วยในยามวิกฤตแล้วจะไม่ให้ตกหลุมรักได้อย่างไร
เพียงแต่เธอรู้ดีว่าเป็นฝันลมๆ แล้งๆ จึงทำได้เพียงแค่มองเขาอย่างเดียว
“ทำอะไร” เสียงทุ้มของคนที่ตนกำลังคิดถึง ทำให้สะดุ้งตัวโยนแล้วรีบลุกจากม้านั่ง ตอบเสียงกระท่อนกระแท่นด้วยใบหน้าแดงก่ำลามไปถึงใบหู
เขาคงไม่ล่วงรู้ความคิดของเธอหรอกนะ
“อ่าน อ่านหนังสือเตรียมไปสอบค่ะ”
“คิดไว้หรือยังอยากเรียนต่อมหา’ลัยไหน เข้าคณะอะไร” ถามเสียงเรียบกับแววตาที่จ้องไม่เลิก
วันนี้ถือเป็นวันหยุดที่หายากในรอบหลายเดือน เขาจึงพักผ่อนอยู่บ้านแล้วเห็นว่าราตรีกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่โต๊ะม้าหินอ่อนหลังบ้านจึงเดินเข้ามาทักทาย
“อยากเรียนบริหารค่ะ...แต่ขอเรียนมหา’ลัยเปิดได้ไหมคะ หนูจะเอาเวลาว่างมาช่วยงานคุณผู้ชาย” ตอบฉะฉานแล้วรีบหลบสายตาของเขา คนฟังพยักหน้าเห็นด้วย
“ได้”
“ขอบคุณค่ะ” เธอยกมือไหว้ขอบคุณแล้วกำลังจะนั่งลงอ่านหนังสือต่อ เพราะเห็นว่าเขาเดินกลับเข้าบ้าน แต่ไม่นานก็ต้องยืนขึ้นอีกเมื่อชายหนุ่มเดินกลับมาหยุดตรงหน้าอีกครั้ง
“ห้องทำงานของฉันมีหนังสือเกี่ยวกับงานบริหาร เธอจะเข้าไปอ่านก็ได้”
“ได้เหรอคะ” ถามด้วยแววตาวาว หนังสือในห้องของเขามีแต่ของดีทั้งนั้น เธอคิดอยากอ่านแต่ไม่กล้าขอ เมื่อชายหนุ่มเป็นฝ่ายอนุญาตเองก็ยิ่งดีใจ
“อืม” ผงกศีรษะถือเป็นการอนุญาต
“ขอบคุณค่ะ! หนูจะตั้งใจเรียนอย่างดีเลย” ยิ้มกว้างจนตาปิดด้วยความดีใจ แล้วมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินเข้าไปในบ้านจนลับสายตา
มีความสุขเหลือเกิน…
อยากให้ทุกวันเป็นแบบนี้จังเลย…
