บท
ตั้งค่า

๑ ผู้มีพระคุณ 3

“ยืนให้ตรง” เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองยืนไม่ตรง จึงเอามือแนบลำตัวแล้วเบิกตามองคนตรงหน้า รับคำอย่างแข็งขันพลางสูดลมหายใจเข้าปอดลึก

ตั้งสติสิราตรี ต้องตั้งสติ!

“ค่ะ ค่ะ...” เขาเห็นอย่างนั้นก็ถอนหายใจเหนื่อยหน่ายภรรยาที่กำลังจะกลายเป็นเพียงอดีต ความจริงไม่คิดจะซื้อหล่อนเอาไว้ด้วยซ้ำ แต่เหมือนความต้องการของรัตนาวราจะอยากใช้เธอเป็นหมากเพื่อหย่ากับเขา

แต่ไม่คิดเลยว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้…

หญิงสาวหน้าตาสะสวย คงต้องยอมรับในข้อนี้ แต่ก็ยังเด็กไปสำหรับเขาที่อายุใกล้วัยเลขสาม และไม่คิดจะชอบคนอายุน้อยกว่าตัวเองเกือบรอบ มองหล่อนเป็นเพียงคนในปกครองของตนเองเท่านั้น

“เรียนจบมัธยมปลายหรือยัง” ตอนแรกคิดว่าจะถูกเรียกเข้ามาดุเสียอีก แต่คำถามแรกกลับเป็นเรื่องการศึกษา ยิ่งทำให้เธอนึกสงสัยแต่ก็ตอบไปตามความจริง

“ยังค่ะ จบ จบแค่มอห้าค่ะ” เขาพยักหน้าพอจะทราบอยู่บ้าง เพียงแค่อยากถามให้แน่ใจเท่านั้น

“อยากเรียนต่อหรือเปล่า”

“คะ...” ดวงตากลมเบิกกว้าง ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะถามเรื่องเรียนต่อ เธอมีความคิดนั้นเพียงแต่รู้ดีว่าคงไม่มีโอกาส จึงได้เลิกฝันกลางวันแล้วคิดจะทำงานในบ้านนี้อย่างเดียว

แต่เขากลับมาจุดประกายความหวังให้แก่กัน หญิงสาวจึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง อาการเมาเหมือนหายเป็นปลิดทิ้ง

“ฉันถามว่าอยากเรียนต่อหรือเปล่า ผู้ใหญ่ถามให้ตอบ” ยังไม่ได้คำตอบจึงถามย้ำ เธอรีบพยักหน้าตอบด้วยความลนลาน กลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจเสียก่อน

“อยากค่ะ หนูอยากเรียนต่อ” วาจาฉะฉานกับดวงตาเป็นประกายทำให้อดยิ้มตามไม่ได้

“ฉันจะส่งเธอเรียนจนจบมัธยมปลาย แล้วก็เรียนต่อมหาวิทยาลัยตามคณะที่อยากเข้าได้เลย ไม่ต้องสนใจเรื่องค่าเทอมฉันจะออกให้เอง ถ้าจบมา...จะได้มาช่วยบริษัท” เห็นแววความจงรักภักดีของหล่อนจึงได้หยิบยื่นโอกาส

คนฟังดีใจจนเกือบกระโดดตัวลอยแล้ว แต่ก็ต้องยับยั้งชั่งใจเอาไว้ พร้อมถามเขาอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ กลัวว่าอีกฝ่ายอาจจะล้อเล่นกับตนหรือเปล่า

“จริง จริงเหรอคะ...คุณผู้ชายจะส่งหนูเรียนจริงเหรอ” แววตาเต็มไปด้วยความคาดหวังกับคำตอบ เขาเห็นอย่างนั้นก็เผยยิ้มเล็กน้อยพลางพยักหน้า

“จริง” ตอบหล่อนไปยิ่งทำให้เจ้าตัวยิ้มกว้างกว่าเดิม ทั้งยังให้คำมั่นสัญญากับเขาอีกต่างหาก

“ขอบคุณค่ะ หนูจะตั้งใจเรียนแล้วก็มาช่วยงานคุณผู้ชาย” ยกมือไหว้แล้วพยายามยืนตัวตรง บอกความตั้งใจของตัวเองให้เขารับรู้ ซึ่งชายหนุ่มก็พยักหน้าเป็นการรับทราบ

“ฉันมีเรื่องจะพูดแค่นี้แหละ” เธอยังคงยืนยิ้มให้เขา จนเห็นว่าอีกฝ่ายบอกใบ้ให้ทราบว่าต้องการให้หล่อนออกจากห้อง หญิงสาวจึงได้ยิ้มอย่างขวยเขินแล้วรีบออกจากห้องทำงานของเขา

“ค่ะ”

เธอเกือบกระโดดตัวลอยแล้วแต่ก็เก็บความดีใจเอาไว้ รีบวิ่งไปหลังบ้านแล้วเข้าห้องนอนของตนเอง กรีดร้องใส่หมอนมีความสุขกับการที่จะได้เรียนต่อ

ไม่ใช่เพียงแค่เรียนมัธยมปลาย แต่เขายังส่งให้เรียนจนถึงระดับอุดมศึกษา

เขาเป็นคนดี…เป็นคนดีที่สุดเลย!

เพิ่งไปทำเรื่องเรียนต่อที่สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย กว่าจะได้เอกสารทุกอย่างมาจนครบ ต้องขอบคุณอนิลที่ให้เลขานุการเป็นธุระเรื่องเอกสารจากโรงเรียนเก่าของเธอ หญิงสาวจึงไม่ต้องขึ้นรถสาธารณะแล้วกลับบ้านเกิดเพื่อเตรียมทุกอย่างเอง

ยิ่งคิดก็เห็นถึงความมีน้ำใจของชายหนุ่ม จนไม่รู้ว่าต้องตอบแทนอย่างไรจึงจะเหมาะสม

คงต้องตั้งใจเรียนแล้วมาช่วยงานเขาเร็วๆ แล้วล่ะ

“กลับมาแล้วเหรอ” ไปทำเรื่องเอกสารทั้งวันเพิ่งได้กลับ เข้ามาในครัวเพื่อช่วยแม่บ้านคนอื่นทำงาน ถึงเธอจะทำอะไรไม่ได้มากและยังไม่ค่อยมีคนต้อนรับ แต่ก็พยายามจะไม่ทำตัวว่างให้เป็นที่นินทา มีอะไรหยิบจับได้ก็ช่วยเหลือตลอด

แต่เหมือนจะไม่ค่อยมีคนชอบหล่อนเท่าไหร่ นั่นคือความอึดอัดของราตรีเมื่ออยู่ที่นี่

“ค่ะน้า มีอะไรให้หนูช่วยไหมคะ” เธอพยายามแย้มยิ้มเพื่อให้อีกฝ่ายเอ็นดู

“ขึ้นไปทำความสะอาดห้องคุณผู้ชายหน่อย วันนี้คุณผู้หญิง...คุณลิลลี่เพิ่งให้คนมาขนของออกไปจนหมด ยังไมได้ทำความสะอาดเลย” พูดจนชินไปแล้วเพราะรัตนาวราคือคุณผู้หญิงของบ้าน แต่บัดนี้กลายเป็นอดีต จึงต้องเปลี่ยนคำเรียกไม่อย่างนั้นอาจโดนเจ้าของบ้านอย่างอนิลเอ็ดเอาได้

“ค่ะ”

การหย่าร้างของพวกเขากลายเป็นหัวข้อการสนทนาในวงสังคม ต่างอยากรู้ถึงเหตุผลเพราะดูภายนอกก็เห็นรักใคร่กันดี จนมีคนตั้งข้อสังเกตว่าฝ่ายหญิงชอบสังสรรค์ ฝ่ายชายทำงานหนัก การใช้ชีวิตต่างกันจึงเข้ากันไม่ได้ ทางเลือกที่ดีคือเลิกรา

แล้วดูเหมือนว่าทุกคนจะเข้าใจในเหตุผล จึงไม่ได้เอ่ยถึงมือที่สาม ความจริงคือไม่มีใครทราบด้วยซ้ำว่ารัตนาวราซ่อนใครบางคนเอาไว้ในใจเสมอ

บัดนี้เป็นอิสระแล้ว อยากเปิดเผยในทันทีก็ทำไม่ได้ คงต้องรอเรื่องซาเพื่อจะได้ควงคนรักออกงานให้สมดั่งใจ

“โล่งเลยแหะ” เข้ามาในห้องนอนที่เธอมีข้าวของมากมายบัดนี้กลับมีเพียงเสื้อผ้าและข้าวของผู้ชาย จึงพึมพำกับตัวเองแล้วเริ่มลงมือทำความสะอาดด้วยการเก็บกวาดฝุ่นบนพื้น

เธอหยุดมองภาพชายหญิงที่ยืนเคียงกันในงานแต่ง อดจะชื่นชมในความเหมาะสมไม่ได้ จนนึกเสียดายที่คนทั้งคู่ต้องพบกับการเลิกรา

“สวยหล่อเหมาะสมกันขนาดนี้ ไม่น่าเลิกกันเลย...” พูดกับตัวเองเสียงเบา ก่อนทำความสะอาดและเก็บเสื้อผ้าของชายหนุ่มที่กองเกลื่อนบนพื้นเข้าราวแขวนอีกครั้ง

เกรงว่าคงเป็นการแก้แค้นเล็กน้อยของอดีตภรรยา เสื้อบางตัวของเขาก็มีรอยเท้าจนต้องแยกไปไว้ในตะกร้าซักผ้าเพื่อรอทำความสะอาด เธอเห็นชุดผู้หญิงจึงคิดว่ารัตนาวราคงลืมเอาไปด้วย คิดจะนำข้าวของเหล่านั้นใส่กระเป๋าแล้วนำไปให้เจ้าตัว

แต่ทำไมกระเป๋าอยู่สูงนักล่ะ…

“อึบ ทำไมเอายากขนาดนี้ เฮ้อ...” ใช้เก้าอี้มาวางไว้แล้วปีนขึ้นไปเพื่อหยิบกระเป๋า เธอพยายามเขย่งปลายเท้าแล้วเอื้อมไปสุดแขนจะได้คว้าด้ามจับกระเป๋าได้ ทว่าเก้าอี้เริ่มโยกไปมาจนเธอรับรู้ได้ว่าตัวเองกำลังจะตกลงพื้น

“อย่า อย่าตกนะ!” รีบร้องตะโกนเสียงดังด้วยความกลัว หลับตาสนิทเพื่อรอรับความเจ็บ แต่แล้วกลับรู้สึกถึงร่างกายที่ถูกรับเอาไว้ด้วยอ้อมแขนของใครบางคน

ฟึ่บ

เธอค่อยลืมตาอย่างเชื่องช้า ก่อนจะพบว่าตนไม่ได้ตกลงพื้นแต่อย่างใด กลับถูกร่างสูงช่วยเอาไว้ได้เสียก่อน ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตระหนก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel