๑ ผู้มีพระคุณ 2
“ค่ะ ค่ะดื่ม หนูดื่มแล้วค่ะ” ผงกศีรษะขึ้นลง แล้วรีบดื่มไวน์อย่างที่อีกฝ่ายต้องการ ดื่มไปหลายอึกก็รู้สึกวิงเวียนจนต้องหยุดแล้วถือขวดสีเข้มเอาไว้ กลับถูกบังคับให้ดื่มอีกตามความพอใจของคนที่อยู่เหนือกว่า
“เอาอีก ดื่มให้หมดขวด”
“แต่ แต่หนูดื่มไม่เก่ง” เธอบอกเสียงอ่อน พยายามใช้สายตาเพื่ออ้อนวอน กลับไม่ได้รับความเห็นใจแม้แต่นิดเดียว ใบหน้าที่แย้มยิ้มกลับมาบึ้งตังอีกครั้ง ตะโกนเสียงดังลั่นห้องจนร่างบางสะดุ้งตกใจ
“ฉันสั่งก็ต้องทำ!” ถือสิทธิ์ความเป็นเจ้าของแล้วสั่งเสียงเข้ม คนอายุน้อยแทบร้องไห้ แล้วดื่มน้ำผลไม้หมักรสชาติฝาดลิ้นอีกครั้ง ถึงจะไม่อยากดื่มแต่ก็ต้านทานความต้องการของคนตรงหน้าไม่ได้แล้ว
“ค่ะ”
เธอยังคงดื่มไวน์ตามที่คุณผู้หญิงสั่ง โดยที่รัตนาวรานั่งมองด้วยอารมณ์สุนทรีย์ จนความสุขหายไปเมื่อร่างสูงก้าวเข้ามาใกล้พร้อมคว้าขวดสีทึบในมือของราตรีไปถือไว้เอง หญิงสาวที่ถูกบังคับให้ดื่มจึงรีบหันมามองด้วยความตกใจ ก่อนแววตาจะแปรเปลี่ยนเป็นความซาบซึ้ง
เขาคือความหวังเดียวที่จะช่วยให้เธอรอดพ้นจากสถานการณ์น่าอึดอัดตอนนี้ได้
“ทำบ้าอะไรของคุณน่ะ!” จ้องภรรยาอย่างเอาเรื่อง พร้อมปะทะเต็มที่แต่คนผิดกลับทำหน้าไม่รู้สึกรู้สา ยังคงพูดคุยราวกับเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ
“อะไร ก็แค่กำลังเล่นสนุกเท่านั้นเอง คุณยุ่งอะไรด้วยล่ะ” โต้กลับทันควันพลางเอนกายพิงพนักโซฟา ท่าทีเช่นนั้นยิ่งกวนอารมณ์ของคนที่เพิ่งมาถึงบ้านให้ขุ่นมัว จึงจับแขนเรียวแล้วดึงให้ลุกยืนพลางกำข้อมือเล็กไว้แน่น กัดฟันบอกเสียงรอดไรฟัน ข่มความโมโหเอาไว้สุดความสามารถ
“แต่คุณบังคับเขาดื่มไวน์หมดขวด” ยิ่งโมโหมากเท่าไหร่ก็ยิ่งบีบข้อมือหล่อนแน่นขึ้นเท่านั้น แต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่สำนึกเลยสักนิด ยังคงเชิดใบหน้าและต่อปากต่อคำกับร่างสูงไม่หยุด
“แปลกตรงไหน ฉันเองยังดื่มเลย...แค่นี้มันจะเป็นอะไรไปล่ะ เป็นคนของฉันก็ต้องทำตามคำสั่งทุกอย่างของฉันสิ” ความเอาแต่ใจของหล่อนทำให้เขาแทบทนไม่ไหว
เหลือบมองหญิงสาวที่นั่งหน้าแดงทั้งยังเอนกายไปมาด้วยความสงสาร นอกจากถูกแม่ขายแล้วยังเป็นของเล่นให้ภรรยาเขาอีก ตัดสินใจบางอย่างได้ในทันที พร้อมกับตะโกนใส่หล่อนอย่างเหลืออด ไม่คิดว่าจะเกินเยียวยาได้ขนาดนี้
แทบไม่หลงเหลือความเป็นคนอยู่เลยด้วยซ้ำ
“รัตนาวรา! คุณอยากฆ่าคนให้ตายเหรอ ชีวิตของคนคนหนึ่งเป็นแค่ของเล่นสำหรับคุณหรือไง” คิดว่าปริมาณที่ดื่มคงไม่น้อย กังวลว่าคนที่ไม่เคยดื่มจะเป็นอันตรายถึงชีวิต จึงพยายามเตือนสติ
กลับกลายเป็นว่าถูกเธอตอบกลับอย่างไม่แยแสสักนิด…
“แล้วมันจะทำไม! ฉันซื้อเด็กนี่มาแล้วก็ต้องเป็นของฉัน” ชี้ไปยังคงที่ประคองสติตัวเองแทบไม่ได้ พวกเขาทะเลาะกันต่อหน้าบุคคลที่สาม โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเอาไปบอกต่อ เพราะมันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว
ประธานหนุ่มที่ยังอายุน้อยถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย ปล่อยข้อมือบางเป็นอิสระ มองเห็นว่าตนสร้างรอยสีแดงเอาไว้ด้วยความโมโห แต่เหมือนเธอจะไม่ได้สนใจ มีเพียงอย่างเดียวที่รัตนาวราต้องการคืออิสระ
เขาเองก็เบื่อจะกักขังเธอเช่นกัน เพราะไม่ได้รักหญิงสาวแต่แรก ทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณ ตอนนี้คิดว่าให้ไปพอแล้วจึงคิดจะหยุด
“เงินที่ซื้อ...คือเงินผมต่างหาก” เขาตอบอย่างเชื่องช้า เพื่อเตือนความจำของเธอ
เพราะเงินนั้นที่เธอขอไป คือเช็คของเขา…และลายเซ็นของอนิลชัดเจน
ฉะนั้นเด็กคนนี้ก็ต้องเป็นคนในปกครองของเขา ไม่ใช่เธอ…
“เงินคุณ...ฮ่าๆๆๆ เงินที่คุณได้มาจากบารมีของพ่อฉันน่ะเหรอ เงินที่แลกมาเพื่อให้ได้แต่งงานกับฉัน เงินพวกนั้น เพราะเงินพวกนั้น!!” ตะโกนเสียงดังก้องแล้วทวงบุญคุณกันซึ่งหน้า ยามหล่อนเมาก็มักจะหยิบยกเรื่องเหล่านี้มาพูดจนคร้านจะฟัง
ดีเหมือนกัน ให้ทุกอย่างมันจบไปสักที เขาเองก็ไม่อยากอยู่กับผู้หญิงคนนี้แล้ว
“เราหย่ากันเถอะ” เพียงแค่ประโยคเดียวกลับทำให้คนที่ฟูมฟายกลับมาเงียบได้ แววตาของหล่อนเป็นประกายจนเขาเค้นยิ้มด้วยความสมเพช ไม่ผิดจากที่คิดเอาไว้เลยสักนิด
หล่อนทำทุกอย่างเพราะอยากให้เขาเอ่ยปากขอหย่าเอง จะได้เรียกร้องเงินได้ตามต้องการ ซึ่งตอนแรกเขาไม่คิดจะยอมเสียเงินในส่วนของตัวเอง แต่ตอนนี้กลับต้องคิดใหม่
เสียเงินไปแลกกับสุขภาพจิตที่ดีขึ้น มันก็น่าจะคุ้มไม่ใช่หรือ
“ยอมหย่าแล้วเหรอ...ส่วนที่ฉันจะได้ล่ะ” ยกยิ้มสมใจแล้วรีบถามเรื่องเงินทันที เขาทำได้เพียงถอนหายใจแล้วเริ่มบอกสิ่งที่หล่อนจะได้หลังจากเราหย่าขาดกัน
“สินสมรสทั้งหมด คุณเอาไปเลย บ้านพักตากอากาศที่หัวหินกับทองคำแท่งสิบบาท...พอใจหรือเปล่า” ดวงตาวาวด้วยความดีใจ สินสมรสที่มีก็คงไม่ใช่น้อย ความจริงต้องแบ่งครึ่งแต่เขากลับยินยอมจะให้เธอคนเดียว
แค่คิดหัวใจก็พองโตด้วยความดีใจ พยายามเก็บอาการเอาไว้แล้วตีสีหน้าเรียบเฉย ทว่าร่างสูงกลับเดินเข้ามาใกล้ โน้มใบหน้ามากระซิบข้างหูพอให้ได้ยินกันเพียงสองคน ค่อยเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แสนชั่วร้ายที่ทำให้หล่อนตกตะลึง
“พอให้คุณไปเริ่มต้นใหม่กับแฟนเก่าได้ใช่ไหม” ผละออกแล้วจ้องมองภรรยาอย่างรู้ทัน
เขาทราบดีว่าก่อนแต่งงานหล่อนมีชายที่คบหาด้วย เพียงแต่อีกฝ่ายไม่ใช่คนร่ำรวยและพ่อของเธอก็ไม่ชอบผู้ชายคนนั้น ถึงพยายามยกลูกสาวให้แก่เขา ท่านไม่ได้บอกเรื่องนี้แต่อนิลให้คนไปสืบมาหมดทุกอย่าง
หากไม่ติดคำว่าบุญคุณต้องทดแทน คงไม่ยอมแต่งงานกับหล่อนแล้วเป็นไอ้โง่ให้เธอสวมเขานานเกือบสองปีหรอก
“นี่...” เผยอปากค้างแล้วปิดลงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
เธออุตส่าห์ปิดเงียบคิดว่าไม่มีคนรู้แล้วเสียอีก แต่เขาทราบได้อย่างไร ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวลมากกว่าเดิม กลัวว่าตัวเองจะไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ
“ตามสบายเลย เอาไปเสวยสุขให้เต็มที่...ต้องขอบคุณพ่อของคุณนะที่ถือเป็นผู้มีพระคุณของผม ไม่อย่างนั้นผมคงจะฟ้องหย่าแทน” คำพูดนั้นแสดงให้เห็นว่าเขาจะยังให้เงินแก่เธอ เพียงแต่แววตาที่มองกันเหมือนกำลังจ้องลูกสุนัขจรจัดทำให้หล่อนนึกโมโหจนต้องกรีดร้องระบายอารมณ์
“กรี๊ด!” เขาไม่อยากฟังเสียงแสบแก้วหู จึงเหลียวมองหญิงสาวที่นั่งสงบเสงี่ยมอยู่บนพื้น เหมือนใจจะไม่อยู่กับเนื้อตัวเท่าไหร่ แววตาเหม่อลอยแล้วศีรษะยังโอนเอนไปมาอีกต่างหาก
คงเมาแล้วสินะ…เขาคิดในใจแล้วเรียกเธอ
“เธอ ตามฉันเข้ามาในห้อง” หล่อนรับคำพลางสะอึก
“ค่ะ”
เดินต่างร่างหนาเข้าไปในห้องทำงาน แต่ก็ไม่วายเหลียวมองคุณผู้หญิงซึ่งนั่งลงบนโซฟาแล้วขว้างปาหมอนลงบนพื้นเหมือนเด็กโดนขัดใจ ก่อนที่ประตูห้องทำงานจะปิดลง ภาพของรัตนาวราจึงหายจากครรลองสายตา
เธอไม่ได้ฟังที่เจ้านายคุยกัน แค่ประคองสติไม่ให้หลับก็ยากแล้ว ทราบเพียงทั้งสองทะเลาะเบาะแว้งจนถึงขั้นหย่าขาด เป็นความรู้สึกรุนแรงที่สะสมรอวันระเบิด
แล้ววันนี้ก็มาถึง…ทุกอย่างจึงพังไม่เป็นท่า
