4
ส่วนคุณนมก็ได้แต่มองมาด้วยสายตากดดันเหมือนใครบางคนที่เลี้ยงมานั่นแหละ ในที่สุดหญิงสาวจึงต้องยอมจำนนเปลี่ยนมานุ่งกระโจมอกแล้วไปนั่งให้สาว ๆ คว้าแขนขาของหล่อนไปขัด ๆ ๆ อย่างเอาเป็นเอาตายโดยมีคุณนมคอยยืนกำกับอยู่ไม่ห่าง เมื่อพอใจแล้วก็ให้หล่อนย้ายไปนั่งอบในกระโจม.....ทุกคนทำเหมือนหล่อนเป็นอาหารจานพิเศษที่ตั้งใจปรุงเพื่อขึ้นโต๊ะเสริฟให้คุณชายหน้าดุนั่น....ชิ !...ทีตัวเองไม่เห็นมานั่งขัดผิวบ้างเล่าเอาเปรียบกันชัด ๆ .....ยิ่งนึกถึงสายตาดุ ๆ ที่จ้องมองแต่ละทีเหมือนกับจะส่องให้ถึงกระดูก ใจคอของหล่อนก็เริ่มหวิว ๆ โหวง ๆ ยิ่งเวลาผ่านไปก็เหมือนยิ่งเข้าใกล้แดนประหารมากขึ้นทุกที....ตายแน่ ยัยบัวเอ้ย !
ในหัวของหล่อนนึกถึงเสียงที่เคยได้ยินตอนเดินผ่านห้องของพี่กุหลาบกับพี่คมคนงานที่บ้านหม่อมเนื้อทอง......ที่ร้องออกมาราวกับทรมานปานจะขาดใจ......วันนั้นหล่อนรีบวิ่งไปบอกหม่อมเนื้อทองแต่ก็โดนดุไม่ให้ยุ่งเรื่องผัวเมีย จนกระทั่งหล่อนมารู้ทีหลังยังสยอง ขนาดพี่คมตัวไม่ใหญ่มากยังทำพี่กุหลาบร้องออกมาเกือบตาย....เฮ้อ...
“คุณบัว.....คุณบัว !”
“คะ...คุณนม” หญิงสาวหลุดจากห้วงความคิดกลับมาอยู่กับปัจจุบัน
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณบัว ตาลอย หน้าแดง ๆ หรือว่าจะเป็นลม” คุณนมเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“ปะ...เปล่าค่ะ” บัวบูชายิ้มแหย ๆ จะบอกได้ไงว่าหล่อนกำลังคิดซุกซน มีหวังโดนบิดพุงแน่ ตอนอยู่กับหม่อมเนื้อทอง ท่านไม่ค่อยเข้มงวดเท่าไหร่แต่บอกว่าจะส่งมาให้คุณนมอบรมแทนแล้วหม่อมยังขู่อีกว่าคุณนมเข้มงวดมากและก็ชอบบิดพุงมาก ๆ ด้วย....
ค่ำคืนนั้นบัวบูชาถูกคุณนมดันหลังเข้ามาในห้องนอนกว้างใหญ่ในขณะที่เจ้าของห้องไม่อยู่ หล่อนไม่รู้ว่าเขาหายไปไหนตั้งแต่จบมื้ออาหาร แต่ที่รู้สึกได้คือความวังเวงชอบกล วังแห่งนี้สร้างเป็นตึกแบบฝรั่งเครื่องเรือนล้วนทันสมัยไม่แพ้บ้านที่หม่อมเนื้อทองอาศัยอยู่กับท่านเจ้าสัว แต่ในห้องนอนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในอดีตเพราะไม่ว่าจะเป็นตู้ โต๊ะเครื่องแป้งล้วนสวยงามสลักเสลาอย่างประณีตงดงามตามแบบโบราณโดยเฉพาะเตียงไม้สักแกะสลักที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องหล่อนไม่รู้ว่าหัวเตียงที่สลักไว้ด้วยลวดลายอ่อนช้อยนั้นเรียกว่าลายอะไร ถึงได้ดูงดงามจนต้องโน้มตัวเข้าไปดูใกล้ ๆ ก่อนจะยื่นมือไปสัมผัสเบา ๆ จู่ ๆ หัวใจก็เต้นตึ๊กตั๊กเพราะดันไพล่ไปนึกถึงเจ้าของเตียงคนแรกที่อาจจะตายไปแล้วก็ได้เพราะท่าทางจะอายุไม่น้อยอาจจะเป็นร้อย ๆ ปีท่านจะหวงหรือเปล่านะ
“ทำอะไร !”
“กรี๊ดดดดด..........” บัวบูชาชักมือกลับรีบนั่งลงพร้อมกับยกมือไหว้หัวเตียงปลก ๆ ๆ
“บัวบูชา”
“หนูขอโทษ ไปที่ชอบ....ที่ชอบ...เถอะค่ะ พรุ่งนี้หนูจะทำบุญไปให้นะเจ้าคะ” หญิงสาวหลับหูหลับตาตัวสั่นเทาคิดว่าเจอดีเข้าแล้ว เตียงพูดกับหล่อน
“บัวบูชา.....ฉันเอง ลืมตาขึ้นมาเดี๋ยวนี้” คุณชายปฐวีบอกเสียงหนัก พลางถอนหายใจส่ายหน้าระอากับความไร้สาระของยายเด็กตาขาว
“ห๊ะ ! คุณชาย...เอ่อ....หนูนึกว่าผีเตียงซะอีก...แฮร่....” บัวบูชาทำหน้าเหลอหลาวางหน้าไม่ถูกนึกโมโหที่กลัวผีจนหลอน หลอกตัวเองจนได้เรื่อง...จบกัน...จริตจะก้านที่คุณนมอุตส่าห์สั่งสอนมาเพื่อให้คุณชายเมตตามาก ๆ แล้วหล่อนจะไม่เจ็บตัว...เฮ้อ ! ตายแน่ดูตาเขาสิอย่างกับก่อกองไฟไว้ในนั้น แค่นี้ก็ต้องโมโหกันด้วย......
“เพ้อเจ้อ ......เด็กไม่รู้จักโต” สุ้มเสียงติดจะรำคาญเสียเหลือเกิน
เรือนร่างสูงใหญ่ของคุณชายเจ้าของห้อง ที่อยู่ในชุดกางเกงนอนผ้าแพรเนื้อดีกับเสื้อคอกลมบาง ๆ จนมองเห็นแผงอกกว้างที่อัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามแจ่มชัดถนัดถนี่ยามที่ยืนเอามือไพล่หลังพร้อมกับเพ่งมองคนบนพื้นด้วยสายตาตำหนิ
บัวบูชาเงยหน้ากำลังจะอ้าปากเถียงแต่แล้วก็ต้องรีบหุบฉับเมื่อนึกขึ้นได้ว่าหล่อนเพ้อเจ้อจริง ๆ ด้วย และความที่หล่อนนั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่ที่พื้นพอมองมุมที่เสยขึ้นสิ่งแรกที่สะดุดตาคือกลางลำตัวใต้เอวลงมามีบางสิ่งที่มันนูนเด่นขึ้นมาเป็นรูปเป็นร่างจนหล่อนอ้าปากตาค้าง......บัวบูชาไม่ได้เซ่อจนไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไรเพราะหล่อนเห็นเด็กผู้ชายแก้ผ้ากระโดดลงคลองกันอยู่บ่อย ๆ ......แต่มันไม่น่าสยดสยองเหมือนภาพตรงหน้า.......หญิงสาวรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีเสียงกระแอมจากเจ้าของความใหญ่โตนั้น หล่อนจึงขยับตัวอย่างขัดเขิน...เอาอีกแล้ว......บัวบูชาหล่อนจะทำให้ตัวเองขายหน้าไปถึงไหนกันนะ…..
